เอเอฟพี - ปริตา มุลยาซารี หญิงชาวอินโดนีเซียวัย 32 ปี และเป็นคุณแม่ลูกสอง ถูกตั้งข้อกล่าวหาในคดีหมิ่นประมาทและต้องโทษจำคุก 6 ปี หลังจากที่เธอส่งอีเมลถึงเพื่อนๆ บ่นเรื่องการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลท้องถิ่นแห่งหนึ่ง
อัยการตั้งข้อหาดังกล่าวต่อเธอ ในการยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลประจำเขตตังเกอรัง ซึ่งอยู่นอกกรุงจาการ์ตาเมื่อวันพฤหัสบดี (4) สืบเนื่องจากเธอได้ส่งอีเมลถึงเพื่อน แล้วจากนั้นอีเมลดังกล่าวก็ได้ถูกเผยแพร่ต่อทางอินเทอร์เน็ต และทางเว็บ "เฟซบุ๊ค" ทั้งนี้ ปริตาอาจต้องเสียค่าปรับอีกถึง 100,000 ดอลลาร์ด้วย หากศาลพิจารณาว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทโรงพยาบาลออมนิ อินเตอร์เนชันแนล ในคดีซึ่งกลายเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วแดนอิเหนา
ปริตาซึ่งเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ถูกจับกุมในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยก่อนหน้านั้นเธอได้ถูกฟ้องร้องในคดีแพ่ง และถูกตัดสินเสียค่าปรับ 30,000 ดอลลาร์มาแล้ว
เธอถูกกักกันตัวนานถึง 3 สัปดาห์โดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา จนกระทั่งกระแสความไม่พอใจในหมู่สาธารณชน ได้กดดันให้ทางการต้องปล่อยตัวเธอออกมาเมื่อวันพุธ(3) และนำเธอขึ้นฟ้องร้องต่อศาลด้วยข้อหาทางอาญาซึ่งหนักกว่าเดิม
ขณะนี้มีการรณรงค์ทางเฟซบุ๊คเรียกร้องให้ปล่อยตัวเธอทันที โดยมีผู้ร่วมลงชื่อกว่า 100,000 คนแล้ว ส่วนประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ก็ได้ขอให้ศาลให้ความเมตตาแก่เธอ
ปริตาไม่ได้พูดอะไรระหว่างที่เธอปรากฏตัวในศาลเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ
"จำเลยจงใจเผยแพร่เอกสารที่เป็นพฤติการณ์หมิ่นประมาทไปทั่วอินเทอร์เน็ต" อัยการ ราห์มาวาตี อุตามิ แถลงต่อศาล ซึ่งเต็มแน่นไปด้วยบรรดาผู้สนับสนุนปริตา
การตั้งข้อหาของฝ่ายอัยการสืบเนื่องจากอีเมลที่ปริตาส่งไปให้เพื่อนๆ ซึ่งเธอได้บ่นเรื่องการปฏิบัติที่เธอได้รับ ระหว่างพักรักษาโรคไข้เลือดออกอยู่ที่โรงพยายาลออมนิ อินเตอร์เนชั่นแนล
อีเมล์เหล่านี้ได้รับการเผยแพร่ต่ออย่างกว้างขวาง ทางโรงพยาบาลจึงไปแจ้งความตำรวจ
พวกสมาชิกในเพจ "สนับสนุนปริตา มุลยาซารี" ในเฟซบุ๊ค ได้ประณามทางโรงพยาบาลที่แจ้งความดำเนินคดีนี้ รวมทั้งประณามกฎหมายในอินโดนีเซียที่ทำให้ข้อหาหมิ่นประมาทกลายเป็นคดีอาญาร้ายแรง
"ประชาธิปไตยอยู่ที่ไหน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหายไปไหน" สมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มสนับสนุนเขียนไว้ในเฟซบุ๊ค
ส่วนคนอื่นๆ บอกว่าโรงพยาบาลควรทำเพียงแค่ใช้สิทธิในการตอบโต้เมื่อถูกร้องเรียน และต้องเลิกตั้งข้อหาอาญา
มีสัญญาณแสดงว่ารัฐบาลรู้สึกวิตกเรื่องที่ประชาชนโกรธกริ้วเกี่ยวกับการดำเนินคดีนี้ โดยโฆษกสำนักงานอัยการ จัสมาน ปันจายตัน แถลงตอนเย็นวันพฤหัสบดีว่า คณะอัยการที่รับผิดชอบคดีนี้กำลังถูกสอบสวน
"เราจะตรวจสอบสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอิสระของพวกเขา และความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน" โฆษกผู้นี้บอกกับผู้สื่อข่าว
"ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาไม่ได้กระทำไปตามระเบียบหลักเกณฑ์แล้ว เราก็จะลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรง"
รองประธานาธิบดียูซุฟ กัลลา ซึ่งลงสมัครแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับยุโธโยโน ในการเลือกตั้งวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ได้เรียกข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ปริตาได้รับว่า "ไม่เป็นธรรม"
ส่วนอดีตประธานาธิบดีเมกาวาตี ซูการ์โนบุตร ซึ่งก็ลงแข่งขันในการเลือกตั้งคราวนี้เช่นกัน ได้ไปเยี่ยมปริตาในคุกเมื่อวันพุธ เพื่อแสดงความสนับสนุนร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับเธอ
อัยการตั้งข้อหาดังกล่าวต่อเธอ ในการยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลประจำเขตตังเกอรัง ซึ่งอยู่นอกกรุงจาการ์ตาเมื่อวันพฤหัสบดี (4) สืบเนื่องจากเธอได้ส่งอีเมลถึงเพื่อน แล้วจากนั้นอีเมลดังกล่าวก็ได้ถูกเผยแพร่ต่อทางอินเทอร์เน็ต และทางเว็บ "เฟซบุ๊ค" ทั้งนี้ ปริตาอาจต้องเสียค่าปรับอีกถึง 100,000 ดอลลาร์ด้วย หากศาลพิจารณาว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทโรงพยาบาลออมนิ อินเตอร์เนชันแนล ในคดีซึ่งกลายเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วแดนอิเหนา
ปริตาซึ่งเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ถูกจับกุมในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยก่อนหน้านั้นเธอได้ถูกฟ้องร้องในคดีแพ่ง และถูกตัดสินเสียค่าปรับ 30,000 ดอลลาร์มาแล้ว
เธอถูกกักกันตัวนานถึง 3 สัปดาห์โดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา จนกระทั่งกระแสความไม่พอใจในหมู่สาธารณชน ได้กดดันให้ทางการต้องปล่อยตัวเธอออกมาเมื่อวันพุธ(3) และนำเธอขึ้นฟ้องร้องต่อศาลด้วยข้อหาทางอาญาซึ่งหนักกว่าเดิม
ขณะนี้มีการรณรงค์ทางเฟซบุ๊คเรียกร้องให้ปล่อยตัวเธอทันที โดยมีผู้ร่วมลงชื่อกว่า 100,000 คนแล้ว ส่วนประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ก็ได้ขอให้ศาลให้ความเมตตาแก่เธอ
ปริตาไม่ได้พูดอะไรระหว่างที่เธอปรากฏตัวในศาลเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ
"จำเลยจงใจเผยแพร่เอกสารที่เป็นพฤติการณ์หมิ่นประมาทไปทั่วอินเทอร์เน็ต" อัยการ ราห์มาวาตี อุตามิ แถลงต่อศาล ซึ่งเต็มแน่นไปด้วยบรรดาผู้สนับสนุนปริตา
การตั้งข้อหาของฝ่ายอัยการสืบเนื่องจากอีเมลที่ปริตาส่งไปให้เพื่อนๆ ซึ่งเธอได้บ่นเรื่องการปฏิบัติที่เธอได้รับ ระหว่างพักรักษาโรคไข้เลือดออกอยู่ที่โรงพยายาลออมนิ อินเตอร์เนชั่นแนล
อีเมล์เหล่านี้ได้รับการเผยแพร่ต่ออย่างกว้างขวาง ทางโรงพยาบาลจึงไปแจ้งความตำรวจ
พวกสมาชิกในเพจ "สนับสนุนปริตา มุลยาซารี" ในเฟซบุ๊ค ได้ประณามทางโรงพยาบาลที่แจ้งความดำเนินคดีนี้ รวมทั้งประณามกฎหมายในอินโดนีเซียที่ทำให้ข้อหาหมิ่นประมาทกลายเป็นคดีอาญาร้ายแรง
"ประชาธิปไตยอยู่ที่ไหน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหายไปไหน" สมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มสนับสนุนเขียนไว้ในเฟซบุ๊ค
ส่วนคนอื่นๆ บอกว่าโรงพยาบาลควรทำเพียงแค่ใช้สิทธิในการตอบโต้เมื่อถูกร้องเรียน และต้องเลิกตั้งข้อหาอาญา
มีสัญญาณแสดงว่ารัฐบาลรู้สึกวิตกเรื่องที่ประชาชนโกรธกริ้วเกี่ยวกับการดำเนินคดีนี้ โดยโฆษกสำนักงานอัยการ จัสมาน ปันจายตัน แถลงตอนเย็นวันพฤหัสบดีว่า คณะอัยการที่รับผิดชอบคดีนี้กำลังถูกสอบสวน
"เราจะตรวจสอบสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอิสระของพวกเขา และความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน" โฆษกผู้นี้บอกกับผู้สื่อข่าว
"ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาไม่ได้กระทำไปตามระเบียบหลักเกณฑ์แล้ว เราก็จะลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรง"
รองประธานาธิบดียูซุฟ กัลลา ซึ่งลงสมัครแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับยุโธโยโน ในการเลือกตั้งวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ได้เรียกข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ปริตาได้รับว่า "ไม่เป็นธรรม"
ส่วนอดีตประธานาธิบดีเมกาวาตี ซูการ์โนบุตร ซึ่งก็ลงแข่งขันในการเลือกตั้งคราวนี้เช่นกัน ได้ไปเยี่ยมปริตาในคุกเมื่อวันพุธ เพื่อแสดงความสนับสนุนร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับเธอ
