เอเอฟพี – ปริตา มุลยาซารี คุณแม่ลูกสองชาวอินโดนีเซียได้รับการปล่อยตัวแล้วเมื่อวานนี้ (25) หลังจากศาลตัดสินให้เธอพ้นข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณีที่เธอส่งอีเมลเล่าถึงการรักษาพยาบาลที่เลวร้ายของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วอีเมลดังกล่าวถูกนำไปเผยแพร่ใน “เฟซบุ๊ค” ซึ่งเป็นเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมชื่อดัง
คดีของเธอก่อให้เกิดความโกรธเคืองไปทั่วอินโดนีเซีย เมื่อมุลยาซารี วัย 32 ปี อาจจะถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลาถึง 6 ปี ด้วยความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ตามกฎหมายแดนอิเหนาถือเป็นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง หลังจากที่เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องขังของตำรวจถึงสามสัปดาห์แล้ว
ความผิดของเธอคราวนี้ เนื่องมาจากการที่เธอเขียนอีเมล์เล่าให้เพื่อนๆ ฟังเกี่ยวกับการรักษาโรคอีสุกอีใสที่โรงพยาบาลออมนิ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งอยู่นอกกรุงจาการ์ตา แต่ปรากฏว่าโรงพยาบาลดังกล่าวกลับฟ้องเธอในข้อหาหมิ่นประมาท เมื่อมีการเผยแพร่อีเมลทางเว็บไซต์ “เฟซบุ๊ค”
“มุลยาซารีไม่ได้กระทำความผิดจากการที่เธอร้องเรียนเกี่ยวกับบริการด้านการรักษาพยาบาล ... ศาลรับคำคัดค้านจากทนายจำเลย และพิพากษาให้คำตัดสินโทษจำเลยเป็นโมฆะ” ผู้พิพากษาคาเรล ทุฟฟู อ่านคำพิพากษาซึ่งทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีต่างปรบมือกึกก้อง
ส่วนมุลยาซารีก็ได้กล่าวขอบคุณศาลและร้องไห้ดีใจ เธอกล่าวว่า “ทั้งหมดเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ดิฉันรู้สึกดีใจที่ยังมีความยุติธรรมอยู่ในโลก”
หลังจากที่เธอแพ้ความในศาลแพ่ง โดยถูกสั่งให้เสียค่าปรับถึง 30,000 ดอลลาร์ มุลยาซารียังถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม เพราะทางโรงพยาบาลไม่ยอมเลิกราการเล่นงานเธอ ทำให้เธอถูกขังในห้องขังของตำรวจโดยไม่มีการตั้งข้อหาอยู่ 3 สัปดาห์ แต่เมื่อสาธารณชนทราบเรื่องและแสดงความโกรธแค้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องยอมปล่อยเธอ ก่อนจะฟ้องร้องต่อศาลอาญา
คดีของเธอก่อให้เกิดความโกรธเคืองไปทั่วอินโดนีเซีย เมื่อมุลยาซารี วัย 32 ปี อาจจะถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลาถึง 6 ปี ด้วยความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ตามกฎหมายแดนอิเหนาถือเป็นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง หลังจากที่เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องขังของตำรวจถึงสามสัปดาห์แล้ว
ความผิดของเธอคราวนี้ เนื่องมาจากการที่เธอเขียนอีเมล์เล่าให้เพื่อนๆ ฟังเกี่ยวกับการรักษาโรคอีสุกอีใสที่โรงพยาบาลออมนิ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งอยู่นอกกรุงจาการ์ตา แต่ปรากฏว่าโรงพยาบาลดังกล่าวกลับฟ้องเธอในข้อหาหมิ่นประมาท เมื่อมีการเผยแพร่อีเมลทางเว็บไซต์ “เฟซบุ๊ค”
“มุลยาซารีไม่ได้กระทำความผิดจากการที่เธอร้องเรียนเกี่ยวกับบริการด้านการรักษาพยาบาล ... ศาลรับคำคัดค้านจากทนายจำเลย และพิพากษาให้คำตัดสินโทษจำเลยเป็นโมฆะ” ผู้พิพากษาคาเรล ทุฟฟู อ่านคำพิพากษาซึ่งทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีต่างปรบมือกึกก้อง
ส่วนมุลยาซารีก็ได้กล่าวขอบคุณศาลและร้องไห้ดีใจ เธอกล่าวว่า “ทั้งหมดเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ดิฉันรู้สึกดีใจที่ยังมีความยุติธรรมอยู่ในโลก”
หลังจากที่เธอแพ้ความในศาลแพ่ง โดยถูกสั่งให้เสียค่าปรับถึง 30,000 ดอลลาร์ มุลยาซารียังถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม เพราะทางโรงพยาบาลไม่ยอมเลิกราการเล่นงานเธอ ทำให้เธอถูกขังในห้องขังของตำรวจโดยไม่มีการตั้งข้อหาอยู่ 3 สัปดาห์ แต่เมื่อสาธารณชนทราบเรื่องและแสดงความโกรธแค้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องยอมปล่อยเธอ ก่อนจะฟ้องร้องต่อศาลอาญา
