วันนี้ (22 กรกฎาคม 2552) คนไทยมีโอกาสได้เห็นสุริยคราสกัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 09.00 น. โดยประมาณ
ภาคเหนือจะได้เห็นก่อนภาคอื่น ในบริเวณจังหวัดเชียงรายจะเห็นนานที่สุด ส่วนภาคใต้จะเห็นช้าที่สุด และจะออกเร็วกว่าภาคอื่นๆ ด้วย ขณะที่ภาคอีสานจะเห็นปรากฏการณ์สิ้นสุดช้าที่สุดที่ จังหวัดนครพนม ช่วงเวลาประมาณ 09.21 น.
ส่วนคนกรุงเทพมหานคร จะเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวในช่วงเวลาประมาณ 07.07 น. เห็นเต็มที่เวลาประมาณ 08.04 น. และสิ้นสุดเวลา 09.09 น.
ว่ากันว่า เมื่อเกิดปรากฎการณ์สุริยคราสขึ้นจะส่งผลกระทบกับดวงคนใหญ่คนโตและดวงเมือง จะว่ากันไปแล้วก็นานาจิตตัง แล้วแต่ว่าใครจะคิดและผนวกรวมกันให้สิ่งหนึ่งมาโยงกับสิ่งหนึ่งและให้เหตุผลที่สนับสนุนกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นการเกิดของสุริยคราสเองก็เป็นความเชื่อของแต่ละวัฒนธรรมว่าจะมีความเป็นมาอย่างไรแต่ที่แน่ๆ ความเชื่อนั้นๆ มักจะผูกติดกับสิ่งที่คนในสังคมให้ความสำคัญ
สุริยคราสกับความเชื่อ
ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องการเกิดสุริยคราสว่า ผู้คนทั่วโลกมักจะมีตำนานเกี่ยวกับการเกิดสุริยคราสกันทั้งนั้น บ้างก็คล้ายคลึงกัน แต่ส่วนใหญ่จะแตกต่างกัน โดยมักจะอิงกับสิ่งที่คนในแต่ละวัฒนธรรมคุ้นเคย
ชาวไวกิ้ง (Viking) มีตำนานเกี่ยวกับหมาป่า 2 ตัว ตัวหนึ่งไล่ล่าดวงอาทิตย์ อีกตัวหนึ่งไล่ล่าดวงจันทร์หากหมาป่าตัวแรกไล่ทันดวงอาทิตย์ก็เกิดสุริยคราสและหากหมาป่าอีกตัวหนึ่งไล่ทันดวงจันทร์ ก็เกิดจันทรคราส
เมื่อเกิดคราสขึ้น ผู้คนสามารถช่วยเหลือดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โดยการทำให้เกิดเสียงดัง เพื่อให้หมาป่าตกใจหนีไป
ชาวจีนโบราณ เชื่อว่าสุริยคราสเกิดจากการที่มังกรกินดวงอาทิตย์ ด้วยเหตุนี้ขณะเกิดคราส คนจีนจะตีกลองให้เกิดเสียงดังและยิงธนูขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อขับไล่มังกร
ชาวโพโม (Pomo) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่ในแถบมลรัฐแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ก็มีตำนานเกี่ยวกับหมี ซึ่งเดินทางไปในทางช้างเผือก เมื่อหมีพบกับดวงอาทิตย์ ต่างฝ่ายต่างก็โต้เถียงกันว่าใครควรจะหลีกทางให้ เมื่อเถียงไม่ได้ผลก็ต้องต่อสู้กันจนเกิดเป็นสุริยคราส แต่ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็แยกจากกันไปทางใครทางมัน (จนกว่าจะพบกันอีก) ส่วนจันทรคราสก็เกิดขึ้นในทำนองเดียวกัน คือหมีไปพบกับดวงจันทร์บนทางช้างเผือก โต้เถียงและต่อสู้กัน
ชาวอินเดียนเซอร์ราโน (Serrano Indian) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองอเมริกันอีกกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในแถบมลรัฐแคลิฟอร์เนียมีความเชื่อแตกต่างออกไป พวกเขาเชื่อว่าคราสเกิดจากการที่วิญญาณของคนตายพยายามจะกลืนกินดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ ดังนั้น ในช่วงระหว่างการเกิดคราส พ่อมดหมอผี (Shaman) และบริวารจะร้องรำทำเพลงและเต้นรำ เพื่อขอให้วิญญาณปลดปล่อยดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ ในขณะที่คนอื่นๆ จะตะโกนร้องเสียงดังเพื่อให้วิญญาณตกใจหนีไป
ชาวฮินดูโบราณ มีตำนานราหูอมอาทิตย์และราหูอมจันทร์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการกวนเกษียรสมุทร กล่าวคืออสูรตนหนึ่ง ชื่อ ราหู ได้แปลงตัวเป็นเทวดา และได้มีโอกาสดื่มน้ำอมฤตเข้าไปเล็กน้อยแต่เมื่อเทพพระอาทิตย์และเทพพระจันทร์เห็นเข้าก็ฟ้องนางโมหิณี
นางโมหิณีนี้แท้จริงแล้วก็คือพระวิษณุซึ่งจำแลงพระองค์มาหลอกเอาน้ำอมฤตจากพวกอสูรกลับไปให้เหล่าเทวดา นางโมหิณีจึงใช้จักรสุทรรศนะบั่นเศียรของราหู แต่เนื่องจากราหูดื่มน้ำอมฤตลงไปจนถึงลำคอแล้ว เศียรจึงยังคงเป็นอมตะอยู่ ด้วยเหตุนี้ราหูจึงโกรธแค้นพระอาทิตย์กับพระจันทร์ที่ปากโป้งและจะคอยจ้องแก้แค้นโดยงาบพระอาทิตย์กับพระจันทร์เมื่อสบโอกาส
เกิดเป็นสุริยคราส (ราหูอมอาทิตย์) และจันทรคราส (ราหูอมจันทร์) มานับแต่นั้น
สำหรับชาวไทใหญ่นั้น ในหนังสือ ไทบ้านดูดาว เขียนโดยคุณนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว ระบุว่า
“คนไทใหญ่นั้นเป็นเช่นเดียวกับคนร่วมเชื้อสายวัฒนธรรมภาษาตระกูลไท-ลาว ซึ่งเรียกการเกิดคราสว่า กบกินเดือนและกบกิน (ตะ)วัน” โดยชาวไทใหญ่จะมีคำทำนายที่พ่วงมากับการเกิดคราส รวมทั้งคำทำนายเกี่ยวกับปรากฏการณ์บนท้องฟ้า เช่น การดูสีของท้องฟ้า สีของพระจันทร์ทรงกลด และตำแหน่งของกลุ่มดาวสำคัญที่ใช้บอกระยะเวลาตกกล้าทำนาได้อย่างแม่นยำ
ดร.บัญชา บอกอีกว่า มีเกร็ดเล็กๆ ที่น่าสนใจไม่น้อยในสมัยโบราณ เมื่อเกิดสงครามระหว่างชาวเมเดส (Medes) และชาวลิเดียน (Lydian) ซึ่งห้ำหั่นกันมานานถึง 6 ปี ได้ยุติลงเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ในปี 585 ก่อนคริสต์ศักราช เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างเกรงว่าพระเจ้าจะลงโทษ หากไม่เลิกรบราฆ่าฟันกัน (ชาวเมเดสเป็นคนโบราณที่อาศัยอยู่ในแถบดินแดนอิหร่านในปัจจุบัน ส่วนชาวลิเดียนอาศัยอยู่ในแถบตะวันตกของอะนาโตเลีย หรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน)
นี่เป็นเพียงตัวอย่างคติความเชื่อเกี่ยวกับการเกิดคราสในสังคม-วัฒนธรรมต่างๆ เช่น หมาป่าในตำนานของชาวไวกิ้ง มังกรในตำนานของจีน และราหูในตำนานของฮินดู จะเห็นได้ว่ารายละเอียดของความเชื่อมักจะผูกพันกับสิ่งที่คนในสังคม-วัฒนธรรมนั้นๆ คุ้นเคย
โหร เชื่อสุริยคราส ไม่เกิดเหตุรุนแรงแน่นอน คอนเฟิร์ม!!
ปรากฏการณ์สุริยคราสที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ยังทำให้โหราศาสตร์หลายคนออกมาแสดงนานาทัศนะ บ้างก็ว่าการเกิดสุริยคราสครั้งนี้จะทำให้ประเทศไทยสูญเสียบุคคลทางการเมือง ประเทศชาติเกิดความขัดแย้งด้านการปกครอง
บุญเลิศ ไพรินทร์ อดีต ส.ว.ฉะเชิงเทรา แสดงทัศนะว่า เรื่องสุริยคราสเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้นำของประเทศหรือผู้นำของโลก ซึ่งเมื่อเกิดสุริยคราสก็จะกระทบกับผู้นำ อาจจะเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพหรือชีวิตของผู้นำ แต่ที่ประเทศไทยครั้งนี้เกิดสุริยคราสไม่เต็มดวง มีเพียงบางส่วนเท่านั้น
“การเกิดสุริยคราสไม่เต็มดวงในครั้งนี้อาจจะส่งผลกระทบให้การเมืองเกิดวิปริต ในขณะเดียวกันดาวอื่น เช่น ดาวเสาร์ ดาวดับพระเคราะห์ หรือดาวร้าย กำลังทำมุมที่ทำอันตรายต่อดวงโลกอยู่ ขณะที่ตำแหน่งของดาวดีหรือดาวพฤหัสช่วยไม่ได้ สุริยคราสก็เกิดขึ้นมาอีก แต่มันก็จะไม่รุนแรงถึงขนาดสูญเสียผู้นำต่างๆ แต่วิปริตที่เกิดขึ้นจากสุริยคราส และดาวพฤหัสบดีเกี่ยวข้องกับผู้นำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำทางศาสนา ซึ่งอาจจะเกิดการสูญเสียผู้นำทางศาสนาก็ได้”
ขณะที่ หมอกฤษฏ์ คอนเฟิร์ม-ศุกฤษฏ์ ปทุมศรีวิโรจน์ บอกว่า การเกิดสุริยคราสครั้งนี้ ดาวอาทิตย์เล็งดาวราหู และมาอยู่ในระยะที่เล็งกันอยู่ราศีที่ตรงข้ามกัน ดวงอาทิตย์กับราหูโคจรเข้ามาทับซ้อนกัน จึงทำให้คนที่เกิดในราศีกรกฏได้รับอิทธิพลของดาวอาทิตย์มาอยู่ในเรือนพันทุ หมายถึงว่าในช่วงเรือนพันทุ หลังจากที่ดวงอาทิตย์กำลังเข้าเล็งกับราหู ทำให้เกิดเหตุร้อนหรือการประท้วงเรียกร้อง จะมีไฟไหม้ครั้งใหญ่ มีข่าวอุบัติเหตุครั้งใหญ่ หรือเกิดระเบิดขึ้นในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงหลังวันที่ 22 กรกฎาคมเป็นต้นไป แต่ไม่น่าจะมีเหตุร้ายอะไรมากมาย ในส่วนของคนที่เกี่ยวข้องกับอบายมุข หวย ยาเสพติดธุรกิจสีเทา จะมีปัญหา อาจจะถูกฆาตกรรมหรือถูกปราบปราม
ส่วนของการทำนายของโหรหลายสำนักที่บอกว่าจะเกิดการสูญเสียผู้นำทางการเมือง รัฐบาลไม่ควรก่อให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล หรือศัตรู บุญเลิศแสดงทัศนะว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะตอนนี้ดาวที่เดินวิปริต ให้โทษผู้นำอยู่แล้ว และดาวเสาร์ก็ยังทับลักคณา ซึ่งดวงของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อยู่ในราศีสิงห์ ในช่วงนี้ก่อนวันที่ 22 ตุลาคม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึงวันที่ 21 ตุลาคม คุณอภิสิทธิ์ต้องระวังตัวให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจจะล้มลงได้ เพราะว่าดาววิปริต เกิดสุริยคราส ดาวเสาร์ทับลัคณาราศีสิงห์ ตอนที่มันจะดีดย้ายจากราศีสิงห์เข้าราศีกันย์ ช่วงนั้นเป็นช่วงวิกฤติเหมือนกัน ในช่วงวันที่ 30 กันยายนนี้ อาจจะเกิดอันตรายกับคุณอภิสิทธิ์ได้
“ปกติดวงคุณอภิสิทธิ์มีแนวโน้มที่จะประสบอุบัติเหตุ เลือดตกยางออก พ้นวิกฤตมาช่วงเดือนเมษายน ที่ชลบุรีถูกเสื้อแดงดักทุบรถ และล่าสุดที่กระทรวงมหาดไทย เขาก็รอดตายมาได้ ก็ถือว่าพ้นเคราะห์แล้ว ไม่มีอะไรหนักหนาอย่างที่คนอื่นทำนายกันหรอก”
ตรงกับหมอกฤษฏ์ที่เห็นว่า ไม่น่าจะมีการสูญเสียบุคคลสำคัญในช่วงเดือนนี้ เรื่องผู้นำประเทศไทย เท่าที่ดูราบเรียบ ในช่วงสุริยคราสยังไม่มีผลอะไรต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้ามองเป็นกลางๆ นะ แต่หากตีไปในทางเพื่อเข้าข้างใครก็แล้วแต่มุมมอง
หมอกฤษฏ์บอกว่า การเกิดสุริยคราสครั้งนี้ทำให้เกิดข้อดีคือคนที่เกิดราศีกรกฏ กันย์ ธนู และมีน จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย คือที่มีอาการรั่วไหล เงินขาดมือ ครอบครัวทะเลาะเบาะแว้ง ในช่วงนี้สถานการณ์จะดีขึ้น เกิดดวงพลิกผัน อย่างดาวอาทิตย์ร้อน พอราหูมาบังจะดับความร้อนของอาทิตย์ให้ลดลง ส่วนใครที่คบเด็กๆ หรือติดต่อสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับต่างประเทศจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
“คนที่เกิดราศีอื่นที่อาจจะมีปัญหาคือราศีมังกร ให้ระวังของหาย ระวังเจ็บป่วยกะทันหัน ปวดเนื้อ ปวดตัว ปวดหัว แต่ไม่ร้ายแรง ในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน รวมถึงราศรีมังกร พฤษภ พิจิก ด้วย ทั้ง 3 ราศีนี้อาจจะต้องระวังเรื่องสุขภาพ เรื่องรถราที่ต้องเสียต้องซ่อมแซม ส่วนราศีเมษเป็นราศีของดวงเมืองประเทศ จะไม่มีผลกระทบมาก แต่กลับจะมีผลดีซะอีก คือในช่วง 1 เดือน เหตุความรุนแรงในประเทศจะทรงตัวไม่มีอะไรโดดเด่น ส่วนราศีอื่นก็จะราบเรียบ ไม่มีผลกระทบอะไรเลย” หมอกฤษฏ์แสดงทัศนะ
ส่วนบุญเลิศบอกทิ้งท้ายว่า คำทำนายสุริยคราสที่ผ่านมาในอดีต ส่วนใหญ่ไม่ค่อยถูก อย่างในวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมามีการทำนายว่า จะเกิดเหตุการณ์รุนแรง เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหวบ้าง แต่ความจริงไม่มีอะไรเลย ส่วนการเกิดปรากฎการณ์สุริยคราสเต็มดวงในสมัยรัชกาลที่ 4 หลังจากที่พระองค์ท่านเสด็จไปดู ก็เสด็จสวรรคต ครั้งนั้นก็ดูเหมือนว่ามันมีผลรุนแรงมากเหมือนกัน
……….
คงเป็นการกล่าวอ้างถึงเพื่อผูกติดสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้โยงเข้ากับสิ่งหนึ่งสิ่งนั้น เพียงเพื่อเชื่อมสิ่งที่ต้องการเชื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มนุษย์มักจะโยงให้มีเหตุมีผลกับเหตุการณ์สำคัญๆ ต่างๆ ในชีวิตที่อุบัติขึ้น
*********
ฟ้าเมืองไทยไม่เคยร้างไร้สุริยคราส
ช่วงชีวิตหนึ่งของคนเราคงจะมีโอกาสได้พบเจอปรากฏการณ์สุริยคราสไม่กี่ครั้ง ประมวลการเกิดสุริยคราสในเมืองไทยครั้งที่ผ่านๆ มา เกิดสุริยคราสเต็มดวงในไทย 6 ครั้งด้วยกัน คือ
1. วันที่ 11 ธันวาคม 2228 เห็นได้ชัดเจนที่เมืองละโว้
2. วันที่ 18 สิงหาคม 2411 เห็นได้ชัดที่ตำบลหว้ากอ ประจวบคีรีขันธ์
3. วันที่ 6 เมษายน 2418 พาดผ่านแหลมเจ้าลาย เพชรบุรี
4. วันที่ 9 พฤษภาคม 2472 เห็นได้ชัดที่อำเภอโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
5. วันที่ 20 มิถุนายน 2498 เห็นได้ชัดที่อำเภอบางประอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัด
6. วันที่ 24 ตุลาคม 2538 เห็นได้ชัดในหลายจังหวัด แต่ชัดที่สุดคือนครสวรรค์
หากเป็นสุริยคราสบางส่วน เกิดขึ้น 3 ครั้ง คือ วันที่ 30 เมษายน 2231, วันที่ 19 มีนาคม 2550 เห็นได้ชัดเกือบทั่วประเทศ และวันที่ 1 สิงหาคม 2551 เห็นได้ชัดในจังหวัดทางภาคเหนือและภาคอีสาน นอกจากนี้ ยังมีสุริยคราสวงแหวนเกิดขึ้นในวันที่ 26 มกราคม 2552
*อ้างอิงข้อมูลการเกิดสุริยุปราคาจาก www.darasart.com และ www.thaiastro.nectec.or.th
*********
เรื่องโดย : ทีมข่าวคลิก
ภาพโดย : วรวิทย์ พานิชนันท์
อ้างอิงข้อมูล
http://gotoknow.org/blog/civilization/278371
The Myth and Rituals of Eclipses : http://starryskies.com/The_sky/events/lunar-2003/eclipse7.html
myths and demons : http://www.colorsofindia.com/eclipse/mythchinese.htm
Mohini the Enchantress : http://www.suite101.com/lesson.cfm/18770/2123/3
หนังสือไทบ้านดูดาว เขียนโดย : นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว : เว็บของ เคล็ดไทย ร้านหนังสือปูทะเลย์
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
http://www.colorsofindia.com/eclipse/mythchinese.htm
http://www.virtualtemple.net/kumbhamela/images/mohini.jpg
http://rahuomchan.blogspot.com/2008/04/eclipse-myths-of-india.html
http://blog.baliwww.com/wp-content/photos/kala_rahu_1.jpg