xs
xsm
sm
md
lg

สุริยุปราคา : ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต (1)

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

สุริยุปราคาเต็มดวง
คำ อุปราคาตรงกับคำ “eclipse” ในภาษาอังกฤษที่มีรากศัพท์มาจากคำ “ekleipsis” ในภาษากรีก ที่แปลว่า จับหรือยึดไว้ เช่น สุริยุปราคาซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ดูเสมือนถูกเงามืดยึดไว้หรือบังไว้ชั่วเวลาหนึ่งแล้วปล่อย ดังนั้นในวันที่เกิดสุริยุปราคา ท้องฟ้าจึงสว่าง 2 ครั้งในวันเดียวกัน

ถ้ามนุษย์ต่างดาวสามารถส่องกล้องสังเกตดูเหตุการณ์บนโลกในขณะที่เกิดสุริยุปราคาได้ เช่นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี้ เขาก็จะเห็นวงกลมดำขนาดใหญ่ปรากฏบนผิวโลกอย่างทันทีทันใด แล้ววงกลมนั้นก็เคลื่อนที่ผ่านอินเดีย ทิเบตตอนใต้ เข้าสู่ประเทศจีน จากนั้นออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกแล้วหายไปในที่สุด นับเป็นระยะทางยาวประมาณ 3,000 กิโลเมตร และถ้ามนุษย์ต่างดาวมีกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก เขาก็จะเห็นผู้คนหลายล้านเงยหน้าดูดวงอาทิตย์ตลอดเส้นทางที่วงกลมมืดเคลื่อนที่ผ่าน ทั้งในโรงแรม บนเรือเดินสมุทร หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และเครื่องบินต่างก็มีคนที่สนใจดูเหตุการณ์สวรรค์มืดในช่วงตอนกลางวันเป็นจำนวนมาก บางคนก้มหน้าสวดมนต์ บ้างก็เต้นรำ สนุกสนาน และร้องเพลง หลายคนจุดพลุ ถ่ายรูป ดื่มแชมเปญ และบ้างก็ยิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งอากัปกิริยาทั้งหลายที่มนุษย์แสดงออกนี้เราหลายคนต้องการคำอธิบาย

สำหรับประเด็นวงกลมดำขนาดใหญ่นั้น อธิบายได้ว่าเกิดจากเงาของดวงจันทร์ที่ทอดลงบนผิวโลก ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดทุกปีหรือ 2 ปีโดยแต่ละครั้งจะกินเวลานานต่างกัน และในสถานที่ต่างกัน ส่วนเรื่องปฏิกิริยาของผู้คนนั้น อธิบายยากเพราะอาการแสดงออกเกินความมีเหตุผลนี้ได้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ก่อนคริสตกาล 2134 ปี คนจีนในสมัยนั้นกลัวเหตุการณ์สุริยุปราคามาก จนต้องจินตนาการว่า มีเทพเจ้าองค์หนึ่งชื่อ Hsi-Hso ผู้ทรงมีหน้าที่ป้องกันดวงอาทิตย์มิให้ถูกมังกรกลืน แม้จะเป็นเวลาเพียงชั่วคราวก็ตาม

ด้านสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงนั้นก็เพราะดวงจันทร์มีขนาดเล็กกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 400 เท่า (ดวงจันทร์มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3,476 กิโลเมตร และดวงอาทิตย์ 1.4 ล้านกิโลเมตร) อีกทั้งอยู่ใกล้โลกยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 400 เท่าด้วย ดังนั้นเวลามองจากโลกเราจึงเห็น ดวงอาทิตย์มีขนาดพอๆ กับดวงจันทร์ ด้วยเหตุนี้ ถ้าโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์อยู่ในแนวเดียวกัน ดวงจันทร์จะสามารถบดบังดวงอาทิตย์ได้หมด ทำให้เกิดเหตุการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงที่ท้องฟ้าซึ่งเคยสว่างจะลดความสว่างลงๆ จนสามารถเห็นดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ได้ทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางวัน ส่วนสัตว์เมื่อท้องฟ้ามืดลงๆ สัตว์หลายชนิดจะหลงเวลา เช่น ค้างคาวจะเริ่มออกหากิน นกกาจะบินกลับรังเพื่อนอน เป็นต้น

ในที่สุดดวงอาทิตย์ก็จะดูเสมือนเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏอยู่กลางท้องฟ้าและที่ขอบหลุมมีแสงเรืองรองซึ่งแสดงบรรยากาศนอกสุดของดวงอาทิตย์ ที่เรียกว่า corona ดังนั้น การเกิดสุริยุปราคาจึงเปิดโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์ได้มีโอกาสเห็น corona ที่สว่างจ้าและศึกษามันก่อนที่จะหายไป เมื่อดวงจันทร์ไม่ได้บดบังดวงอาทิตย์อีกต่อไป ซึ่งผลที่ได้รับจะทำให้เราเข้าใจธรรมชาติของดวงอาทิตย์ และดาวฤกษ์อื่นๆ ได้ในบางเรื่อง แต่ในขณะเดียวกัน การศึกษานี้ก็จะทำให้เรารู้ว่ายังมีปริศนาอีกหลายเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำตอบ

ส่วนคำอธิบายว่าเหตุใดผู้คนจึงออกอาการเกินความมีเหตุผลนั้นก็เพราะปรากฏการณ์นี้เกิดไม่บ่อยนัก เช่น ถ้าจะให้วงกลมมืดเคลื่อนที่ผ่านสถานที่ที่เคยผ่าน เวลาที่ต้องคอย คือ 375 ปี

นอกจากนี้ประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆ ก็ได้เคยจารึกความเชื่อเกี่ยวกับเหตุการณ์สุริยุปราคาไว้มากมาย เช่น ในวันที่ 28 พฤษภาคม เมื่อ 2,593 ปีก่อนนี้ Herodotus ได้บันทึกว่าขณะกองทัพของชนเผ่า Lydia และ Medea กำลังสู้รบกัน หลังจากที่ได้ทำสงครามกันมานาน 6 ปี ทันทีที่ดวงอาทิตย์วูบหายลับไปจากท้องฟ้า เพราะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง กองทัพคู่กรณีต่างก็คิดว่า นั่นคงเป็นสัญญาณจากพระเจ้าให้กองทัพวางอาวุธ สงครามนั้นจึงสงบ

และเมื่อ 2,094 ปีก่อนคริสตกาล บันทึกบนแผ่นดินเหนียวที่พบในเมือง Ur แห่งอาณาจักร Babylon ก็ได้เล่าเหตุการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงว่าเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ได้ทิ้งโลกให้เผชิญปีศาจร้ายตามลำพัง ชนเผ่า Aztec ในอเมริกากลางมีความกลัวสุริยุปราคามาก เพราะคิดว่าปีศาจจะลงจากท้องฟ้ามากินคน จึงได้ฆ่าคนแคระและคนหลังโกงเพื่อให้เทพ Xolotl ผู้พิทักษ์ดวงอาทิตย์ทรงพอพระทัย ส่วนชาวไวกิงเชื่อว่า สุริยุปราคาเกิดเพราะสุนัขป่า ชื่อ Skoll กินดวงอาทิตย์ คนเวียดนามเชื่อว่า มีกบยักษ์กินดวงอาทิตย์ และคนไซบีเรียคิดว่า ดวงอาทิตย์ดับเพราะถูกค้างคาวดูดเลือดกลืน

ส่วนคนไทยโบราณคิดว่า ยักษ์ชื่อราหูกินดวงอาทิตย์ สำหรับชาวอินเดียนแดง ในอเมริกาเมื่อเห็นดวงอาทิตย์หายไป ต่างพากันยิงธนูไฟขึ้นท้องฟ้า เพื่อให้ดวงอาทิตย์ลุกเป็นไฟอีก แต่ชาวจีนโบราณจะใช้วิธีตีกลองไล่มังกรที่กลืนดวงอาทิตย์เป็นต้น สำหรับในยุโรป ความเชื่อและความกลัวในอาถรรพ์ของสุริยุปราคาก็มี เช่นในปี 1383 วงศ์จักรพรรดิ Charlemagne เมื่อทอดพระเนตรเห็นสุริยุปราคาเต็มดวง พระองค์ทรงกลัวจนพระหทัยวาย และจักรวรรดิโรมันก็เริ่มล่มสลายตั้งแต่นั้นมา หรือในปี 1676 ขณะกษัตริย์ Henry ที่ 1 แห่งอังกฤษ ทรงบรรทม ได้เกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ทำให้พสกนิกรกลัวจนลนลาน โหรหลวงได้ทำนายเชิงให้ความคาดหวังว่า จะมีเหตุการณ์ดีเกิดขึ้นในอีกไม่นาน และในปีนั้นเองพระเจ้า Henry ที่ 1 ก็เสด็จสวรรคต (อ่านต่อวันศุกร์หน้า)

สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.
โหรในอาณาจักร Babylon บันทึกเหตุการณ์สุริยุปราคาบนแผ่นดินเหนียว
ราหูกินดวงอาทิตย์ตามความเชื่อของคนไทยโบราณ
กำลังโหลดความคิดเห็น