หลังเสียงลูกบาสกระทบพื้นสนามดังกึกก้องเป็นจังหวะ…! และสายตามุ่งมั่นที่จ้องเขม็ง ความสงบก็ค่อยๆ เข้าคลี่คลุมสนาม
เงียบสงบ…ซะจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง…!!
ไม่นานเขาก็ย่อเข่า พร้อมกับเหยียด 2 มือขึ้นเหนือศีรษะค่อนไปด้านหลังเล็กน้อย
โดยปล่อยให้แรงผลัก ปล่อยให้เป็นภาระของMomentum นำลูกบาสฯ เข้าไปใกล้รัศมีได้แต้มมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นอกจากคำถามที่ว่า Shoot นี้ได้แต้มหรือไม่แล้ว สงสัยหรือไม่ว่าขณะปล่อยบอลไหลออกจากปลายนิ้วมือไป หนุ่มนักคิด หนุ่มนักบริหารวัยเพียง 23 ปี ที่ชอบความท้าทายของ M-OPEN คนนี้กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่…?
1.
พรรศักดิ์ เวชสุภาพร หรือเต๋ (เต๋เป็นน้องชายของโต๋ ก็โธ่...ก็จะโต๋ที่ไหนละ ถ้าไม่ใช่ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภรพร) Marketing Man ที่ M-OPEN ตามไปแจมวันว่างของเขาถึงที่ในสัปดาห์นี้ ปัจจุบันเขาเป็นนักการตลาดหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงแห่ง บ.ทีวีไดเร็ก จำกัด ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในตำแหน่ง Account Executive โดยมีหน้าที่ทำการตลาดเชิงรุก-เชิงรับได้เพียง 4 เดือน สายงานที่เต๋บอกว่าเป็นหน้าที่ใหม่ ที่ได้ใช้วิชาที่เรียนมา (ป.ตรี คณะบริหารธุรกิจนานาชาติ จาก ม.อัสสัมชัญ) ซึ่งถือว่าเป็นบททดสอบที่ท้าทายดี...ท้าทายและมีหลายอย่างที่ไม่แตกต่างกับ Basketball กีฬารักที่สวมแหวนหมั้นหมายและหมั่นเทียวไปหามา 6 ปีเต็มๆ
“นอกจากคุณพ่อ พี่โต๋และครอบครัวที่ปลูกฝังให้ผมรักกีฬา พูดได้ว่าสนาม Basketball ที่เรากำลังนั่งคุยอยู่นี่ปลูกฝัง ทำให้ผมรู้จักและรักกีฬาประเภทนี้ (รักมากขนาดหลายครั้งเต๋ฝันว่ากำลังเล่นบาสฯ อยู่) ก็คงจะไม่ผิด” เต๋หมายถึงสนามบาสฯ ของ ร.ร.นานาชาติเอกมัยที่เขาเรียน และมักจะนำเสื้อผ้า-รองเท้ามาเล่น Basketball ทุกๆ เย็น สัปดาห์ละ 1 วัน หลังเลิกทำงานต่อเนื่องมาหลายปีแล้วครับ
“Basketball กับผมก็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปๆ ครับ แรกๆ ก็ไม่รู้ว่าชอบมาก
แค่ไหนก็เล่นบาสฯ มาเรื่อย พอโตขึ้นและก็มีโอกาสไปแข่งขันระดับโรงเรียนก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ผมรู้สึกว่ามันสนุก ท้าทายและช่วยลับสมองเราดี” อดีตนัก Basketball รุ่นเล็กของโรงเรียนนานาชาติเอกมัยบอก
“Match ประทับใจ โอ้โห…น่าจะนานมากแล้วครับ” เต๋หัวเราะ และเคาะลูกบาสฯ สลับไปมาแบบคล่องแคล่ว พร้อมกับวิ่งเข้าเลย์อัพใต้แป้น ย้อนความหลังให้ฟัง
“ผมว่าน่าจะเป็น Match ที่ตอนนั้นเราไปแข่งไปการเล่นระหว่าง ร.ร.อินเตอร์ด้วยกัน ตอนนั้นผมอยู่ทีมบาสฯ รุ่นเด็กไงครับ เราก็ไปแข่งแล้วก็ทะลุมาเรื่อยๆ จนถึงรอบชิงฯ ผมเล่นตำแหน่งการ์ดเป็นตัวจ่าย-ตัวพักบอลของทีม ซึ่งประทับใจมากๆ กับการเป็นทีมเวิร์ก ระหว่างเพื่อนๆ ในทัวร์นาเมนท์นั้น”
สำหรับเสน่ห์ของกีฬาประเภทนี้ที่ทำให้เขาติดใจมา 6 ปีเต็มๆ เต๋บอกว่าอยู่ตรงที่การใช้ไหวพริบ โดยเฉพาะกับการ์ดตำแหน่งที่ผมเล่นนี้ต้องเป็นตัวคุมเกม คือ เกมจะช้าหรือเร็ว เราต้องเป็นคนคุม จะจ่ายเร็วหรือจะดึงช้าก็ต้องอ่านเกมให้ออก มันต้องใช้หัวเล่นด้วยต้องใช้ความคิดว่าควรจะต้องเล่นอย่างไร ส่งให้เพื่อนคนนี้เขาจะยิงได้ไหม ต้องคุมเชิง เวลาเราบุกการ์ดจะต้องดูว่า มีคนดูอยู่ข้างหลังอีกไหมต้องดูภาพรวมและอ่านเกมทั้งเกมของคู่แข่ง และเกมของทีมตัวเองทั้งหมด
“มันสนุกที่ได้ใช้ทีมเวิร์ค ได้คิด ได้อ่านใจผู้เล่นทั้งสนามครับ”
แน่นอน...โดยทางอ้อม Basketball ได้ฝึกฝนให้เขาเป็นคนที่ช่างคิด ช่างวางแผนแบบมีระบบมาจนถึงวันนี้ค้นพบว่า Basketball มีอะไรเหมือนหรือแตกต่างกับงานของคุณบ้างไหม...?
“มุมที่เหมือนน่าจะเป็นเรื่องการตลาด เพราะหน้าที่ของผมคือต้องวางแผน ตั้งแต่สินค้าเราเป็นอะไร เรามีผู้จัดจำหน่ายไหม เราเป็นผู้ผลิตเองหรือเปล่าต้นทุนเท่าไหร่ เราจะจัดจำหน่ายอย่างไง เราจะสื่อสารยังไงคนในทีมของเราเอง มองตากันเราต้องรู้ว่าเราต้องไปทางไหน เพราะมันไม่มีเวลามาก”
ฉะนั้นมันต้องเป็นทีมเวิร์ก ต้องรู้ใจกัน ต้องมองตากันเข้าใจว่า เขาจะไปไหน จะทำอะไรอยากได้อะไรบ้าง พูดง่ายๆ ว่าต้องเข้าขากันให้มากที่สุด นี่คือสิ่งที่เหมือนระหว่าง Basketball กับการทำงาน
“แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือ Basketball ไม่เครียด” เขาว่า แต่สนุกเหมือนกันนะครับ ซึ่งจะเป็นด้วยสเกลหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะว่า Basketball เราแค่ต้องรู้ใจกัน 5 คนเท่านั้น แต่หากเป็นการทำงานยิ่งองค์กรใหญ่แผนกโน่น-นี่ มันต้องไปดิวกับคนอื่นอีก ก็อาจจะเป็นตรงนั้นด้วยที่ไม่เหมือนกัน”
นอกจากนี้ปัจจัยที่จะเอามาเปลี่ยนเกมมันเยอะมาก Basketball ไม่มีอะไรมาก อย่าง ร่างกาย สภาพสนาม ลูก Basketball แต่ว่า ธุรกิจ มีการเมือง เศรษฐกิจ สภาพสังคม ทุกๆ อย่างมันเกี่ยวหมด เพราะว่างานที่ทำเป็นเกมที่ยากกว่าเยอะครับ
กีฬาแพ้ได้ สำหรับคุณงานแพ้ได้ไหม…? ทั้ง 2 อย่างแพ้ได้ครับ แต่สิ่งสำคัญ เต๋บอกว่าเราต้องเรียนรู้จากการแพ้นั้นๆ และก็ต้องพยายามเอามันมาเป็นบทเรียน
“หรืออย่าง Basketball อย่างนักบาสเก๋งๆ ตัวใหญ่แบบ Shaquille O'Neal พอปะทะใครก็ชนะหมด แต่ไม่มีความเร็วเลี้ยงบอล หรือเป็นการ์ดจ่ายไม่ได้ หรือ Kobe Bryant เร็วมาก แต่ว่าแรงปะทะก็แพ้คนตัวใหญ่ๆ กระทั่ง Michael Jordan ยังแก่ได้เลย ซึ่งที่สุดแล้วก็คงไม่มีใคร หรือทีมไหนชนะได้ตลอดไป สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคุณจะสู้ต่อไปไหม คุณจะประยุกต์ต่อไปอย่างไร เหมือนกับธุรกิจ เศรษฐกิจเป็นแบบนี้แล้วคุณจะประยุกต์เทคนิคใช้อย่างไร”
มีคนพูดไหมว่าสไตล์การทำงาน กับวิธีการเล่น Basketball ที่ช่างคิด-วางแผนของคุณเป็นมีอะไรคล้ายๆ กัน เต๋หัวเราะ และบอกว่าสิ่งที่รักทั้ง 2 สิ่งมันสะท้อนความเป็นตัวตนของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ในเกม Basketball ผมเป็นการ์ดต้องใช้สมองมาก การทำงานก็เหมือนกัน เพราะผมจะถนัดเป็นกุนซือ ชอบนั่งคิดนั่งวางแผนแบบมีสมาธิมากกว่า ออก Action ซึ่งผมเข้าใจว่ากว่าจะเป็นแบบที่ตั้งใจนั้น เราก็ต้องออกวิ่งให้เร็วก่อน ถึงจะได้เข้าใจว่าแต่ละจุดมันยากและเป็นอย่างไร” ด้วยความมุ่งมั่น มุมานะ ความขยัน และความสามารถ อีกสักพักใหญ่ๆ เขาบอกว่าจะพยายามฝึกฝน เรียนรู้ และนำตัวเองเดินไปยังสู่ใกล้ๆ จุดนั้นๆ ให้ได้
2.
เสียงออดดังขึ้น ทำลายความเงียบของสนาม บนหน้าสกอร์ปรากฏคะแนน 2 แต้ม หลายครั้งเวลาที่ยิงลูกโทษ เคยถามตัวเองว่ากำลังนึกถึงอะไร ซึ่งคำตอบที่ได้ เต๋บอกว่าก็คือนึกว่าทำอย่างไรให้มันลง
“ฟังดูเหมือนจะตลก แต่ผมเทคนิคของผมก็คือเมื่อยิงลูกบอลไปยังห่วงเราต้องจำความรู้สึกที่เรายิงแล้วมันลงให้ได้ มันต้องจำความรู้สึกแบบนั้นให้ได้ เป็นความรู้สึกคล้ายๆ กับการทำงาน ผิดก็แค่ผมต้องพัฒนาและเคี่ยวกรำตัวเองให้ดีขึ้นไปมากๆ”
“สำหรับเราแล้ว 6 ปีสำหรับการเล่น Basketball มันได้ให้อะไรหลายๆ อย่างจะโดยทางตรง หรือทางอ้อมกีฬาปลูกฝังให้ให้มีสุภาพดีรู้แพ้ชนะรู้อภัย ช่างคิด มีเชาว์ปัญญารู้จักแก้ปัญหา กีฬาทำให้เราเป็นเราได้อย่างทุกวันนี้จริงๆ ครับ” เต๋สรุป
****************************************************
ทีมโปรด
1. Chicago Bulls
2. Orlando Magic
3. Los Angeles Lakers
4. San Antonio Spurs
ปรัชญาในการทำงาน
“ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วที่เหลือก็ปล่อยให้พระเจ้านำพาไป”