คุณจำเพลงนี้ได้ไหม... "โอ่ โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา โอ่ โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา แม่น้ำภูเขาทะเลกว้างไกล อย่าไปไหน กลับใต้บ้านเรา อย่าไปไหน กลับใต้บ้านเรา..." แล้วเพลงนี้ล่ะ... "บินหลา บินมา บินเรื่อยมาเล่นลม ชื่นชมธรรมชาติอันที่งามสะอาดตา ต้นยางยืนทะนง อวดทรวดทรงไม่ยอมให้ข่ม ต้านทานแรงลมไม่เคยพรั่นหวั่นเกรง บินหลา บินมา..." ไม่บอกก็รู้ว่าคุณต้องจำได้แน่ๆ
บทเพลงสะท้อนชีวิตเก่าแก่ โดนใจ และอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนนี้เป็นบทเพลงของวงดนตรี 'แฮมเมอร์' ตำนานที่ยังมีชีวิตอีกวงหนึ่งของเมืองไทย และยิ่งไปถามแม่ยกพันธมิตรฯ ก็ต้องบอกว่ากรี๊ดกันแทบสลบ เมื่อแนวรบด้านดนตรี ขุนพลเพลงเพื่อชีวิตรุ่นลายครามวงนี้ขึ้นเวทีร่วมกับศิลปินรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ขับกล่อมบทเพลงให้กำลังใจ ให้ความสนุกสนาน และให้ผู้ชุมนุมคลายความเหนื่อยล้า เป็นสีสัน กระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศการชุมนุมที่ขาดไม่ได้ตลอดระยะเวลา 193 วัน และในวันที่ 21 กุมภาฯ นี้ (ที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก) สี่พี่น้อง อารี , อนุชา , วินัย และชาลี ประธาน แห่งวงแฮมเมอร์ จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ '30 ปีแฮมเมอร์ แผ่นดินนี้คือไทย' ซึ่งเป็นเสมือนบันทึกการเดินทางสร้างสรรค์บทเพลงเพื่อสันติภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อมของพวกเขาที่ยืนหยัดยาวนานมาเป็นระยะเวลา 30 ปี
แฮมเมอร์ แผ่นดินนี้คือไทย
"30 ปี ถือว่าเป็นคอนเสิร์ตที่รอนานมาก แล้วก็น่าจะสร้างอะไรที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อการจดจำของประวัติศาสตร์แฮมเมอร์ และวงการดนตรีด้วย" อารี ประธาน นักร้องนำของวงกล่าวถึงคอนเสิร์ตใหญ่ของพวกเขาที่กำลังจะเกิดขึ้น
"จริงๆ เรื่องคอนเสิร์ตพวกเราคิดกันไว้ตั้งนานแล้ว และความจริงปีที่แล้วเป็นปีที่เราครบ 30 ปี แต่ว่าเหตุการณ์บ้านเมืองกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราจำเป็นที่จะต้องมาทำอะไรเพื่อสังคมก่อนในยามนั้น พอหลังจากทุกอย่างผ่านไป เราก็พร้อมแล้ว ทุกอย่างพร้อม มวลชนพร้อม และอะไรพร้อมแล้ว ก็เลยตกลงกันว่าทางเอเอสทีวีจะเป็นผู้ทำให้ คือเราต้องการแค่อยากมีคอนเสิร์ต แล้วบันทึกภาพเอาไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพราะว่าประวัติศาสตร์ข้างหน้าเราไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่ ก็อยากให้บันทึกภาพแฮมเมอร์ไว้" อนุชา ประธาน มือกีตาร์ ไวโอลิน และนักร้องนำของวงอีกคนเล่าถึงที่มาที่ไปของการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้
"จุดประสงค์ของแฮมเมอร์หวังเพียงว่าฝันของเราคือ 30 ปีคอนเสิร์ต ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำได้เมื่อไหร่ แต่เวลานี้ทำได้ กลุ่มมวลชนพันธมิตรฯ ก็จะเป็นกำลังใจสูงด้วย ฉะนั้นหากเราทำแล้วมันเกิดประโยชน์ต่อสังคมร่วมไปกับเอเอสทีวี ดูน่าจะเป็นความน่ารักในการสร้างประศาสตร์ 30 ปีด้วย" อารีกล่าวเสริม
เพลงที่ป๋าเป็นคนเขียน
แฮมเมอร์ก่อตั้งวงมาตั้งแต่ปี 2521 มาจนถึงวันนี้พวกเขายังเล่นดนตรีอยู่ตลอด และงานนี้ไม่ใช่การกลับมารวมตัวกันเฉพาะกิจเหมือนการจัดคอนเสิร์ตทั่วๆ ไป
"เหมือนกับว่าเราเดินทางมา 30 ปีแล้ว เราขอหยุด แล้วมานั่งกับผู้ฟัง นั่งคุยกัน เล่าถึงความเป็นมาที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นอารมณ์ของดนตรีผมเชื่อว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สมบูรณ์ที่สุด ใน 30 ปี แฮมเมอร์ไม่เคยทำแบบนี้เลย เรื่องระบบแสงสีเสียงจะสมบูรณ์มาก แล้วเรื่องของบทเพลงเราจะเลือกเพลงที่ให้เข้าใจความเป็นมาของแฮมเมอร์ และพัฒนาการของบ้านเมืองที่ผ่านมาที่แฮมเมอร์นำมาเขียนเป็นเพลง แต่ทั้งหมดเลยเราจะทำให้คนรู้สึกถึงความรักชาติรักแผ่นดินเมื่อเขากลับออกมาจากคอนเสิร์ตครั้งนี้" อนุชาอธิบาย
ส่วนหลายคนที่อยากดูอะคูสติกแบบแฮมเมอร์ มาชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่มีผิดหวังแน่นอน... "คอนเสิร์ตครั้งนี้จะมีทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นเพลงบินหลา ปักษ์ใต้ แม่ และที่นี่ไม่มีครู แบบลีลาเดิมๆ หรือสี่คนเดิมๆ ของแฮมเมอร์มาเล่นกัน และจะมีแฮมเมอร์ ณ ปัจจุบัน ที่มีลูกหลานเข้ามาเสริม" อนุชาบอก
และอีกสิ่งหนึ่งที่พิเศษในคอนเสิร์ตครั้งนี้คือบทเพลงซึ่ง ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นคนแต่ง...
"ป๋าเปรมเป็นคนเขียนเพลงนี้ แล้วส่งมาให้แฮมเมอร์, ให้แฮมเมอร์ได้นำเสนอต่อไป ให้ทำในสไตล์ของแฮมเมอร์ เราจะนำเสนอวันนั้นเป็นวันแรกและเป็นการเปิดตัวเพลงนี้ด้วย" อนุชาเล่า
"เป็นเพลงที่ป๋าเขียนถึงในหลวง เราก็อยากให้คนไทยคิดตามเพลงนั้น" อารีเล่าต่อ "แต่การสื่ออารมณ์ของเพลง ป๋าเปรมบอกให้แฮมเมอร์ใช้อารมณ์ความเป็นแฮมเมอร์ อันนี้จึงเป็นเอกสิทธิ์หนึ่งที่ท่านบอกให้นำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนให้มากที่สุด การนำเพลงของป๋าเปรมมาไว้ในคอนเสิร์ตแล้วเป็นการเทิดทูนในหลวง เป็นเรื่องที่เรากตัญญู แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือเกียรติยศของเราด้วย กับ 30 ปีที่เราทำงานมา"
ก็ต้องลองไปฟังดูว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อเพลงที่ป๋าแต่งมาอยู่ในสไตล์ของแฮมเมอร์...
งานนี้มีเซอร์ไพรส์!
ส่วนรายละเอียดเรื่องแขกรับเชิญจะมีใครบ้างนั้น อารีและอนุชาขออุบไว้ก่อน เพราะว่านี่คือ เซอร์ไพรส์!
"รับรองว่าประทับใจแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นแขกรับเชิญที่เป็นศิลปินเพลงรุ่นเก๋าๆ และที่สำคัญพอมาถึงช่วงหลัง การแสดงจะพูดถึงเมื่อปีที่ผ่านมา หมายถึงเมื่อแฮมเมอร์มาถึงยุคที่จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็จะมีแขกรับเชิญที่แฟนพันธมิตรฯ จะรู้สึกว่า โอ้! ไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะขึ้นเวที แต่วันนี้ทุกคนจะขึ้นเวทีมาเป็นศิลปิน มาเป็นนักร้อง มาร่วมร้องกับแฮมเมอร์ แต่จะมีใครบ้าง จะเป็นแกนนำคนไหน พิธีกรคนไหนที่เด่นๆ แล้วคนไหนจะโดนแฮมเมอร์จับมาร้องเพลงคู่กับเราบ้าง ต้องไปชมกัน" อนุชากล่าว
คอนเสิร์ตครั้งนี้, นอกจากได้ฟังเพลงเพราะๆ แล้ว งานนี้ผู้ชมจะได้รับอรรถรสหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของวงการเพลง ยุคสมัย และเรื่องของบ้านเมืองที่แฮมเมอร์นำมาร้อยเรียงเป็นบทเพลง และยังจะได้ลุ้นชมอะไรดีๆ สนุกๆ อีกหลายอย่างด้วย
"ในงานคอนเสิร์ตวันนั้นจะไม่มีแค่คอนเสิร์ต แต่จะมีกิจกรรมด้านนอกด้วย ก่อนที่แฮมเมอร์จะแสดงหลายชั่วโมง ก็จะมีงานแฟร์ ตลาด ออกบูธ ทุกอย่างเพื่อจะให้ความรู้ พรีเซ็นต์เกี่ยวกับเรื่องความเป็นมา เรื่องการอนุรักษ์ อาจจะมีเล่นเกมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เรื่องกีฬา และมีเวทีลำลองให้ศิลปินคนอื่นๆ ขึ้นมาร้องเพลงขับกล่อมอยู่ด้านนอกก่อน เพื่อให้คนได้บรรยากาศข้างนอก โดยมาแล้วไม่เสียเวลารอ งานน่าจะเริ่มประมาณบ่ายสามโมง ก็เที่ยวตลาดไป ชมดนตรีข้างนอกกันไปก่อน พอถึงเวลาหกโมงกว่าๆ ข้างในจะเป็นเวลาของคอนเสิร์ต คราวนี้เป็นอีกภาพหนึ่งที่พี่น้องพันธมิตรฯ เคยเห็นแล้ว เป็นอีกภาพหนึ่งที่เขาจะเข้าไปสู่บรรยากาศของคอนเสิร์ตที่เราเตรียมด้วยจิตวิทยาสากลไว้ ให้คนได้เข้าไปในเรื่องราว 'แผ่นดินนี้คือไทย' กับเราได้ง่าย แล้วก็จบลงด้วยความรักความสมบูรณ์" อารีกล่าว
"ยอมรับว่าครั้งนี้เราลงทุนเรื่องระบบมากที่สุด เราต้องการให้คนรู้สึกอิ่มกลับไป แล้วจริงๆ ก็ได้ทำการกุศลด้วย ได้ช่วยเหลือเด็กๆ เยาวชนสามสี่จังหวัดด้วย ราคาบัตรผมบอกได้เลย 300 บาท ไม่แพง" อนุชากล่าวเสริม
ไม่ใช่คอนเสิร์ตการเมือง
ถามว่าเป็นห่วงหรือกังวลว่าจะมีกลุ่มคนมาก่อกวนการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้หรือไม่ อนุชาให้ความเห็นว่า คงไม่มีผู้มาก่อนกวน เพราะที่ผ่านมาเพลงของแฮมเมอร์พูดถึงความรักชาติรักแผ่นดินมาตลอด และที่สำคัญแฮมเมอร์เชิดชูสถาบันมาอย่างต่อเนื่อง...
"เท่าที่ผ่านมา แม้จะเป็นการชุมนุมที่ผ่านมา แฮมเมอร์จะโดนบีบจากข้างนอกค่อนข้างน้อย เพราะว่าเกี่ยวกับบทเพลงเกี่ยวกับสิ่งที่แฮมเมอร์ทำอยู่ เราก็จะร่วมอยู่ในสังคมมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่หวั่นเพราะว่าพี่น้องแฮมเมอร์เองก็เยอะ แล้วผมเชื่อว่าต่อให้เป็นคนต่างความคิดกัน ผมว่าวันนั้นเขาคงมาดู วันนั้นต้องหยุดศึก"
อารีบอกว่าแฟนแฮมเมอร์มีอยู่ทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะฝั่งใดฝั่งหนึ่ง และคนเหล่านั้นเขาจะถอดชุดของเขาออกเพื่อที่จะมาดูคอนเสิร์ต 30 ปีแฮมเมอร์...
"เพราะความเป็นแฮมเมอร์ของพวกเรา กระแสกดดันเรามีบ้างแต่ก็ไม่มากนัก เพราะว่าเรายังเป็นคนที่ยืนอยู่ด้วยความมั่นคงของตัวเองสูง"
"เราเชื่อมั่นในพี่น้องประชาชน" อนุชาบอก "กับที่เราอบอุ่นกับผู้ฟังมาตลอด 30 ปี และยิ่งปีที่แล้วเราได้เห็นภาพชัดเจน ความกลัวมันก็เลยหายไป และคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ใช่คอนเสิร์ตการเมืองใดๆ เป็นเพียงครั้งแรกที่ทางเอเอสทีวีกับทางแฮมเมอร์มาร่วมกัน และที่สำคัญรายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว เราจะต้องไปสามสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเยาวชนทางนั้นยังขาดอุปกรณ์กีฬามาก และก็ร้องขอแฮมเมอร์มาตลอดหลายปี แต่เราไม่มีกำลัง แต่ครั้งนี้เราจะแบ่งตรงนี้เป็นกองทุน เราจะส่งเสริมในด้านกีฬา ให้เยาวชนได้เล่นอุปกรณ์กีฬาที่ทัดเทียมกับเด็กทางภาคอื่นเขาบ้าง"
อารียืนยันว่ามางานนี้แล้วคุ้มแน่นอน เพราะแค่เรื่องระบบก็ลงทุนสูงมากแล้ว แถมยังได้คนระดับมืออาชีพทั้งนั้นที่เข้ามาร่วมทำคอนเสิร์ตครั้งนี้...
"แต่เรื่องที่จะมีการรบกวน ผมเชื่อมั่นคนไทยว่าเราทำเพื่อสิ่งที่ดีแล้ว คุณอาจเข้าใจผิดในเรื่องบางอย่างไปบ้างว่าสิ่งที่เราทำไม่สำคัญ แต่เราไม่ได้เป็นนักธุรกิจเราจึงบอกว่ากิจกรรมที่เป็นศิลปะแล้วศิลปินเข้าร่วมทำกับกลุ่มที่เห็นความสงบความเรียบร้อยของเมืองไทย เห็นประชาธิปไตย เป็นความเจริญทางความคิดของคนไทย อยากให้เดินตามกันมาในความถูกต้อง"
"ก็ขอเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมกันเพื่อจะได้บันทึก เก็บภาพเหล่านี้เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนแฮมเมอร์เก่าๆ ตลอดที่ผ่านมา จนถึงวันนี้อาจจะมากขึ้นแล้ว และโอกาสนี้แทบจะไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่เมื่อมีโอกาสแล้วเราก็อยากให้มาร่วมกัน" อนุชาเชิญชวน
"ผมเชิญผ่านไปด้วยกับศิษย์เก่าทหารบก ร.1 รอ. รุ่น 22 ทุกคนเลย ไม่ว่าใหญ่โตแค่ไหน ไป..." อารีเชิญบ้าง "แล้วก็พี่น้องมุสลิม ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจว่างานนี้ไปแล้วมันจะมีเรื่องไม่ดีทางศาสนาไหม ผมมีอัลฮัมดุลิลลาฮฺอยู่ หมายถึงมีพระเจ้าอยู่กับเราตลอด และงานนี้เราจะงดจำหน่ายแอลกอฮอล์ และทุกคนที่ไปในงานวันนั้นเป็นผู้ร่วมประวัติศาสตร์กับภาพบันทึกที่จะออกมาในอนาคตหลังจากคอนเสิร์ต ทุกคนมีค่า เพราะว่าทุกคนเป็นเจ้าภาพร่วมกับแฮมเมอร์จัดงานครั้งนี้ด้วย"
เพื่อชีวิตยังไม่ตาย ?
เวลายังเหลืออีกนิด ก็เลยถามไถ่ถึงสถานการณ์เพลงเพื่อชีวิตเมืองไทยทุกวันนี้ ว่าแฮมเมอร์มีความคิดเห็นอย่างไรกับวงการเพลงเพื่อชีวิตเมืองไทยในปัจจุบัน...
"เด็ก, หรือคนรุ่นใหม่ เข้าใจคำว่าเพื่อชีวิตแตกต่างไปแล้ว เพราะฉะนั้นคำว่า 'เพื่อชีวิต' จะต้องมีการเปลี่ยนไป เพราะตอนนี้มีคนเอาไปรวมกันอยู่แล้ว เดี๋ยวก็เอาไปใช้เป็นลูกทุ่งเพื่อชีวิตบ้าง เพื่อชีวิตอย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็เลยย้อนกลับไปอีกว่ามันเป็นสิ่งที่ค่ายเพลงอุปโลกน์ขึ้นมา แล้วทำให้วงการเพื่อชีวิตเสื่อมเสียไป ประจวบกับศิลปินเพื่อชีวิตหลายคนพอมีชื่อเสียงแล้ว แต่สิ่งที่คุณปฏิบัติกับสังคม สิ่งที่คุณปฏิบัติตัวอยู่ กับสิ่งที่คุณร้องออกไปมันตรงกันข้าม ตอนนี้ผมมองว่าวิธีที่จะแก้วงการเพลงเพื่อชีวิตที่ดีที่สุดก็คือ คนรุ่นใหม่ต้องคิดคำใหม่ๆ อย่าเลียนแบบศิลปินเก่าๆ เพราะมันเป็นคนละรุ่นกัน ลีลา สไตล์ก็อาจต้องเปลี่ยน ภาษา คำร้อง ก็ต้องเปลี่ยนไปบ้าง และก็อย่าไปติดยึด พังกำแพงกันเสียทีที่ว่าเพื่อชีวิตทำอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้, เพื่อชีวิตจะเป็นร็อกก็ได้ เป็นอะไรก็ได้ อยู่ที่ว่าเพลงของคุณมันให้อะไร มันสื่ออะไร คำว่าเพื่อชีวิตไม่ใช่ไปตีโจทย์ว่าคุณจะต้องแต่งตัวอย่างนี้ เนื้อหาอย่างนี้" อนุชาแสดงความคิดเห็น
ส่วนอารีบอกว่าคนเพื่อชีวิตในยุคก่อนเป็นคนมีคุณภาพ และไม่อยู่ในความมึนเมา...
"ผมก็ไม่อยากไปว่าเจ้าแอ๊ดเขาหรอกนะ พอเขาเป็นโลโก้ว่าเพื่อชีวิตแล้วคนรู้สึกว่าจะยอมรับทางสังคมสูง พอไปโฆษณาไอ้เครื่องดื่มมึนเมาเข้า มันก็กลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ในเรื่องที่ว่าทำถูกต้อง แต่เวลาเขาดื่มเขาไม่บอกนี่ว่าทำยังไงแล้วมันจะไม่เมา มันก็เลยกลายเป็นว่าเพื่อชีวิตทำอย่างนี้ บิ๊กของเพื่อชีวิตทำ คนที่เป็นแฟนเขาก็จะทำ วัฒนธรรมการตีกันมันก็เกิดจากเขา เพราะว่าเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของน้ำที่ทำให้คนเปลี่ยนนิสัย ตรงนี้มันตรงข้ามกับความคิดคำว่าเพื่อชีวิตของแฮมเมอร์ คนก็เลยมองเพื่อชีวิตเป็นภาพลักษณ์แบบที่ผมพูดถึงแอ๊ด คาราบาว แฮมเมอร์พยายามที่จะดึงภาพที่ดีกลับมา แต่เผอิญคำว่าเพื่อชีวิตมันเสียไปแล้ว มันเหลือแต่คำที่เราพูดถึงกัน ในปัจจุบันเพลงเพื่อชีวิตอย่างแฮมเมอร์ ก็เปลี่ยนเป็นเพลงเพื่อแผ่นดิน ดูว่าประโยชน์มันชัดขึ้นจากชื่อนี้ เพราะว่าเพื่อชีวิต จริงๆ Music for Life หรือ Song of Life มันแตกต่างกัน 'แห่งชีวิต' กับ 'เพื่อชีวิต' คือถ้าแห่งชีวิตมันจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ถ้าเพื่อชีวิตมันจะตีเป็นว่าเพื่อชีวิตเฉพาะจุดได้ แต่ก็จริง เพราะเพื่อชีวิตมันเกิดขึ้นได้ทั่วโลก คนจน ชาวไร่ชาวนา หรือคนที่เป็นโจร ก็มีสาเหตุของการเป็นโจร จึงทำให้เพื่อชีวิตมันใหญ่จนแยกไม่ได้ มาทำธุรกิจได้สูง จึงกลายเป็นลูกทุ่งพื่อชีวิต อะไรต่ออะไรก็นำมาใช้ ทำมันเสียแล้ว กลายเป็นธุรกิจไปแล้ว"
"บทเพลงเหล่านี้มันคงอยู่ แต่อาจจะใช้คำใหม่ๆ ต่อไปอาจจะมีการปรับ" อนุชากล่าว
"แต่ในโอกาสที่มีเพลงเกี่ยวกับในหลวง พระราชินี อย่างพวกเรา และเพลงของป๋าเปรมที่แต่งให้พวกเรามาร้อง ผมว่ามันแยกไม่ได้แล้วว่าจะต้องเอาแฮมเมอร์ไปเปิดในเวลาเพื่อชีวิต ผมบอกเป็นเพลงเพื่อแผ่นดิน มันเปิดได้ all day all night ถ้าใครยังอ้างอย่างนั้นอยู่ผมว่าตกสังคม แล้วคุณไม่เข้าใจเลยว่าเพลงแบบนี้เป็นเพลงให้กับแผ่นดินแท้ๆ ไม่ใช่เพลงที่ถูกปิดกั้นไปไว้กับเวลาเพื่อชีวิตดึกๆ ต้องเปิดสมอง เปิดความเข้าใจของตัวเองที่จะเป็นนักจัด นักทำ นักให้ ที่เรียกว่าดีเจ หรือนักข่าวอย่างพวกเรา ต้องมองตรงนี้ไปเป็นความรู้เพื่อสอนคนรุ่นหลังด้วย" อารีกล่าวย้ำ
สรุปว่าเพื่อชีวิตยังไม่ตาย ?
"ไอ้ตายมันไม่ตายหรอก" อนุชาบอก "มันมีวิถีทางไปของมันอยู่แล้ว เพลงประเภทนี้จะต้องมีควบคู่กับโลกไป เพราะปัญหาของโลกยังไม่หมด เพลงเพื่อชีวิตไม่ตาย แต่คำว่า 'เพื่อชีวิต' อาจจะไม่ได้อยู่อย่างนี้ตลอดไป"
อารีบอกว่า เพลงแฮมเมอร์ วันข้างหน้าคนรุ่นต่อไปอาจเรียกชื่อใหม่... "เขาจะบอกว่า เนี่ย, อย่างนี้เมื่อก่อนเขาเรียกเพื่อชีวิต" อารีว่า
"เหมือนเราไปเปรียบเทียบกับเพลงของ คำรณ (สัมปุณณานนท์) ถ้าเป็นเพลงแบบเรา สมัยก่อนก็จะเป็นเพื่อชีวิตแบบคำรณ" อนุชาให้ความเห็น
"เนี่ย, เราพยายามทำตรงนี้ ที่เราทำทุกวันมาถึง 30 ปีก็เพื่อตรงนี้" อารีบอก "วันข้างหน้าเพื่อชีวิตเปลี่ยนไปแล้ว แต่เมื่อมาเห็นเพลงของแฮมเมอร์ถูกเอากลับมาร้อง หรือภาพเก่าๆ เขาบอก อย่างนี้วันนี้เราเรียกกันอย่างนี้ แต่เมื่อก่อนเขาเรียกเพลงเพื่อชีวิต... คือเราจะเป็นตัวอย่างในประวัติศาสตร์ของความรู้ดนตรีด้วย เราสร้างอะไรหลายๆ อย่างไว้ แสดงว่าเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเรา เพราะเราก็ต้องตายในวันหนึ่ง เราก็ต้องจบชื่อเสียงในวันหนึ่ง"
"เรื่องราวอย่างนี้มันควรจะมีคนสานต่อ..." อนุชากล่าว
"เราสรุปว่า 30 ปี ความเหน็ดเหนื่อยและความยุ่งยากไม่มีใครทำได้อีกแล้ว ผมเชื่อมั่น ยุคดนตรีใหม่ๆ วงต่อไปจะอยู่กันไม่เกินสิบปี เพราะยุคสมัยเปลี่ยนเร็ว การที่จะมาคิดอย่างพวกเรามันจำเป็นต้องพร้อมทุกคน คำว่าวง พร้อมทุกคน แล้วทุกคนนั้นมีเจตนาเดียวกันที่จะทำให้ได้แบบแฮมเมอร์ถึง 30 ปี เพราะว่าปัญหาในการเดินทางแต่ละสิบปี มันจะเป็นปัญหาถึงล้มวงได้ตลอด แต่คุณจะทนมัน รักษามัน ทั้งๆ ที่จบลงหลายๆ อย่าง เศรษฐกิจ ของปลอม นายทุนไม่ซื่อสัตย์ กับเส้นทางของเราคือวงเก่า ทำอย่างไร อยู่ได้ยังไง 30 ปี ก็คิดว่า 21 กุมภาฯ นี้น่าจะรู้กัน" อารีกล่าวทิ้งท้าย...
นอกจากเสียงเพลงแล้ว ตำนานเพื่อชีวิตวงนี้จะมีเรื่องราวอะไรมานำเสนอและบอกเล่าให้แฟนเพลงของพวกเขาฟังบ้าง ตลอดก้าวย่างและการเดินทางไกลจนมาถึง 30 ปีแฮมเมอร์ แผ่นดินนี้คือไทย ถ้าอยากรู้ต้องไปดูคอนเสิร์ตกัน!
********************************
-- คอนเสิร์ต '30 ปีแฮมเมอร์ แผ่นดินนี้คือไทย' จัดขึ้น ณ อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป, บัตรราคา 300 บาททุกที่นั่ง, ติดต่อซื้อบัตรได้ที่ อาคารบ้านเจ้าพระยา สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2629-3949 ต่อ 3033 หรือ 0-2629-4433 รายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับมูลนิธิพัฒนาภาคใต้ เพื่อซื้ออุปกรณ์การเรียนและกีฬาให้กับโรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
***************************************
เรื่อง : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ภาพ : พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร และช่างภาพนิตยสาร mars