ศูนย์ข่าวศรีราชา - “น้องมาลี” เด็กสูงจังหวัดตราด ร่วมกิจกรรมวันเด็ก สนุกสนานดีใจร่วมเล่นละครและรำวงกับเพื่อนๆ วอน “นายกรัฐมนตรี” ช่วยเหลือค่ารักษาความสูง
วันนี้ (9 ม.ค.) ที่โรงเรียนบ้านปะเดา ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด คณะกรรมการโรงเรียน นำโดย นายอุดม เฟื่องรัตน์ ประธานสถานการศึกษา และ นายพรชัย เชวงชุติรัตน์ ผู้อำนวย การโรงเรียน และคณะครู ผู้ปกครอง ได้จัดงานวันเด็กแห่งชาติให้กับนักเรียนของโรงเรียนบ้านปะเดา ซึ่ง 1 ในนั้น มี น้องมาลี ดวงดี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีความผิดปกติทางร่างกายเนื่องจากมีความสูง 212 ซม.เนื่องจากเป็นโรคเนื้องอกในสมองและกดทับต่อมควบคุมการเจริญเติบโต ร่วมงานด้วย
โดยกิจกรรมเริ่มจาก นายพรชัย เชวงชุติรัตน์ กล่าวเปิดงานและอ่านสาสน์วันเด็กแห่งชาติของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมมอบเกียรติบัตรรางวัลเด็กดีศรีปะเดา ให้กับ ด.ช.สุวัฒน์ ไกรหลาบ แล้ว คณะสื่อมวลชนท้องถิ่นของ จ.ตราด ได้นำของขวัญ ชองชำร่วยและเสื้อจำนวน 3 ตัว ที่ น้องมาลี ดวงดี อยากได้ใน วันเด็กปีนี้ มาให้และน้องมาลี ได้สวมใส่ ท่ามกลางเพื่อนๆ นักเรียน ซึ่ง น้องมาลี ดีใจที่ได้รับของขวัญในวันนี้ หลังจากนั้น ได้มีการทำกิจกรรมของนักเรียนในระดับชั้นต่างๆ ตั้งแต่ อนุบาล-ป.6 ซึ่งในการแสดงละครของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และปีที่ 5 เรื่องเศรษฐีเฒ่าเจ้าปัญญา ซึ่งน้องมาลีร่วมแสดงด้วย
นอกจากนี้ ในการแสดงรำวงเพื่อคัดเลือกเด็กที่รำวงสวยที่สุดเพื่อรับรางวัล ปรากฏว่า น้องมาลี ก็ได้รับรางวัลรำสวย 1 ใน 10 ของผู้ได้รับรางวัลด้วย โดยในการแสดงเป็นคนรับใช้ของเศรษฐี มีหน้าถือพัดให้กับเศรษฐี ทั้งนี้ เป็นความปรารถนาของ น้องมาลี ที่ต้องการแสดงละคร และเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมการแสดงในครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยได้รับบทบาทใดๆ เนื่องจากมีรูปร่างใหญ่โต
กระทั่งในช่วงพักรับประทานอาหาร น้องมาลี ก็ได้ร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนๆ ซึ่งน้องมาลีก็ทานอาหารเหมือนปกติกับเด็กทั่วๆ ไป เพียงแต่เพิ่มปริมาณอาหารขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากนั้น ในเวลา 11.30 น.นายมาม เกาะสอด และ นางจี่ เกาะสอด รวมทั้ง น้องดาวเรือง ดวงดี อายุ 2 เดือนเศษ ซึ่งเป็นลูกสาวคนที่ 3 และเป็นน้องสาวของน้องมาลี ได้เดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อร่วมกิจกรรมและรอรับ น้องมาลี กลับบ้าน
หลังจากเดินทางกลับบ้านในเวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปติดตามดูสภาพชีวิตในบ้านพักซึ่งหากจากโรงเรียนประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ในสวนยางพารา โดยบ้านพักเป็นขนำขนาดเล็กทำด้วยไม้ มีห้องนอน 1 ห้อง ซึ่ง ต้องพักรวมกันจำนวน 6 คน (พ่อแม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ มาลี และน้องดาวเรือง) ซึ่งบ้านมีขนาดเล็กเกินไปโดยน้องมาลี นอนกับพ่อแม่ในห้องนอน และอยู่ในสภาพแออัด โดยทุกวัน นายมาม และ นายสุทัศน์ พี่ชาย จะออกไปช่วยกันตัดยางในเวลาเช้ามืด และกลับมาในตอนสายของทุกวัน ขณะที่ น้องมาลี จะทำกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าและเดินทางไปโรงเรียนโดยมีรถยนต์ของครอบครัวไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน
ทั้งนี้ ความเป็นอยู่ของครอบครัวน้องมาลีขึ้นอยู่กับการกรีดยางพารา ที่ต้องแบ่งรายได้กับเจ้าของสวนในอัตราเจ้าของสวน 60% และคนตัด 40% ซึ่งมีรายได้อยู่ประมาณวันละ 500-800 บาท/วัน โดยก่อนหน้านี้ มีรายได้ประมาณ 1,000-1,500 บาท/วัน เนื่องจากราคายางสูง
นายมาม กล่าวว่า นับ เป็นเวลา 2 ปีแล้ว ที่มีสื่อมวลชนมาติดตามรายงานข่าว และติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของ น้องมาลี และได้เชิญครอบครัวของตนเองไปออกรายการต่างๆ เป็นประจำ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของครอบครัว และน้องมาลี ที่จะต้องต้อนรับ และเล่าถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของครอบครัว บางครั้งต้องเดินทางไปบันทึกเทป เพื่อออกรายการในสถานีโทรทัศน์ในช่องต่างๆ ส่งผลให้การดำเนินชีวิตเปลี่ยนไป รายได้ที่เคยได้รับจากการตัดยาง พาราต้องลดลง และได้ส่วนแบ่งน้อยลง เนื่องจากมีเวลาทำงานน้อย นายจ้างก็ตัดส่วนที่ไม่ได้ทำออกไป
โดยในขณะนี้ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อรายได้ และความเป็นอยู่ของครอบครัวแล้ว เพราะเวลา เดินทางไปบันทึกเทปนอกสถานที่ จะต้องขาดรายได้ที่เกิดจากการตัดยางพารา แม้จะมีรายได้จากค่าบันทึกรายการ หรือค่าเดินทาง ก็ไม่เพียงพอกับสิ่งที่ต้องขาดไปจากการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งในเรื่องนี้ต้องขอความเห็นใจจากสื่อมวลชน เจ้าของรายการเพราะหากจะ ต้องเดินทางไปบ่อยๆ คงต้องดูแลในส่วนที่ต้องสูญเสียไปด้วย
สำหรับในวันเด็กแห่งชาติ นายนาม กล่าวกับลูกด้วยสีหน้าซึมเศร้า ว่า อยากทำอะไรให้ลูกอย่างที่ลูกต้องการ โดยเฉพาะการพาไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก หรือทะเล รวมทั้งน้ำตก แต่เนื่องจากต้องทำงานทุกวันไม่มี เวลา จึงได้แต่อธิบายให้ลูกเข้าใจถึงสภาพปัญหาของครอบครัว ซึ่ง น้องมาลี ก็เข้าใจ และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ ทั้งนี้ ในวันเด็กแห่งชาติต้องการที่จะทำอะไรเพื่อลูกให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการรักษาความสูงของลูกให้อยู่ในภาวะปกติ แต่ยังขาดแคลนเรื่องเงินค่ารักษา เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนหลายแสนบาท จึงขอวิงวอนผู้มีเมตตาได้ช่วยเหลือตนเองและครอบครัวด้วย
ส่วน น้องมาลี กล่าวว่า รู้สึกดีใจและประทับใจในงานวันเด็กที่โรงเรียนได้จัดขึ้น เพราะทำให้ได้รับความสนุกสนาน ได้รับของขวัญ และขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชน ที่ซื้อเสื้อผ้าและขนมมาให้ ซึ่งในวันเด็กต้องการจะไปเที่ยวทะเล และน้ำตก และอยากไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า แต่พ่อไม่มีเวลา เพราะต้องทำงานทุกวัน ซึ่งเข้าใจและไม่รบเร้าให้พ่อพาไป และ ในวันเด็กแห่งชาติวันที่ 10 มกราคม 2552 นี้ อยากจะขอความช่วยเหลือไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความช่วยเหลือในการรักษาอาการผิดปกติทางร่างกาย เพราะทุกวันนี้ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากไม่มีค่ารักษา ซึ่งต้องฉีดยาควบคุมและเสียค่าใช้จ่ายเข็มละ 50,000 บาท จำนวน 12 เข็ม ทำให้พ่อไม่มีเงินไปจ่ายเป็นค่ารักษา จึงขอความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรีดูแลในเรื่องนี้ด้วย
สำหรับโปรแกรมที่สถานีโทรทัศน์ และรายการที่ติดต่อมายังน้องมาลี ในขณะนี้ปรากฏว่า มี รายกายคนไทย ไม่ทิ้งกัน ที่ช่อง 9 จะออกอากาศในวันจันทร์ที่ 12 มกราคมนี้ และรายการของสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศ จะเดินทางมาบันทึกเทปเพื่อออกอากาศในวันที่ 13-15 มกราคมนี้ รวมทั้งในวันที่ 10 มกราคม 2552 จะออกในรายการอย่างนี้ ก็มีด้วย ในช่อง 3 เวลา 13.30 น.และยังมีรายการโทรทัศน์จากประเทศญี่ปุ่น ได้ติดต่อขอนำตัวน้องมาลีไป ออกรายการโทรทัศน์ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย