xs
xsm
sm
md
lg

โยคะ@Yokidz กับครูกิฟท์ ลิ่วมโนมนต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากเอ่ยถึง “โยคะ” ศาสตร์การบริหารกาย ลมหายใจ และการผ่อนคลาย ซึ่งต่างจากการออกกำลังกายแบบอื่นๆ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าจุดประสงค์ของการฝึกโยคะไม่ใช่การพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หรือความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ (แม้โยคะจะมีประโยชน์เช่นนั้นด้วยก็ตาม) แต่โยคะมีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูจิตของกายให้กลับมาสู่สภาวะความเป็นอยู่ที่ดี ผ่อนคลาย และตื่นตัวอยู่เสมอ ซึ่งการฝึกโยคะมีผลต่อจิตของกายในทุกๆ ด้าน เช่น ด้านร่างกายโดยผ่อนคลาย รักษา และสร้างความแข็งแรง ยืดเส้นยืดสายระบบกระดูก กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหัวใจ ระบบการย่อยอาหาร ต่อมต่างๆ ในร่างกาย และระบบประสาท ส่วนผลทางด้านจิตใจนั้นจะเกิดผ่านการสร้างจิตใจที่สงบ ความตื่นตัวและสมาธิ ในขณะที่ผลทางด้านจิตวิญญาณ คือ การเตรียมพร้อม สำหรับการทำสมาธิ และสร้างความแข็งแกร่งจาก "ภายใน"

ปัจจุบัน “โยคะ” เป็นศาสตร์ที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกันเป็นอย่างมากในทุกเพศ ทุกวัยไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก ๆ ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นที่มาของ Yokidz Learning Center สถานที่ฝึกโยคะสำหรับเด็กย่านทองหล่อ โดยมีครูกิฟท์ - อรสิริ ลิ่วมโนมนต์ เป็นผู้ริเริ่มและสอนเด็กให้ฝึกโยคะที่แรกในเมืองไทย

กว่าจะเป็น Yokidz Learning Center

ครูกิฟท์เล่าว่า เริ่มสนใจโยคะและเล่นมานานแล้ว ซึ่งโรงเรียนสอนโยคะหรือสถานที่เล่นโยคะส่วนใหญ่จะเป็นของผู้ใหญ่ ไม่มีใครเปิดคอร์สเรียนสำหรับเด็ก หรือสถานที่เล่นโยคะสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อเด็กคนไหนสนใจที่จะเล่นโยคะ พวกเขาก็ต้องไปเล่นร่วมกับผู้ใหญ่ ซึ่งอันที่จริงหากเด็กเล่นโยคะพร้อมผู้ใหญ่ เขาจะไม่รู้สึกผ่อนคลาย ไม่สนุกเท่ากับการเรียนพร้อมเพื่อนวัยเดียวกัน เพราะการเรียนรู้ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่นั้นมีความต่างกันมาก

ดังนั้น หลังจากที่สำเร็จหลักสูตรการสอนโยคะสำหรับเด็กจากสหรัฐอเมริกา อเมริกา ครูกิฟท์จึงได้ตัดสินใจกลับมาเมืองไทยเพื่อเปิดสอนอย่างจริงๆ จังๆ เพราะเชื่อว่าการเปิดสถานที่สอนโยคะสำหรับเด็ก ๆ นั้นจะทำให้เด็กได้เล่นโยคะในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน รวมทั้งมีการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมเกม ดนตรี ศิลปะ และการเล่าเรื่อง

ด้วยพื้นฐานนิสัยที่รักเด็กเป็นทุนเดิม ยิ่งทำให้ครูกิฟท์มั่นใจว่า การทำงานครั้งนี้คือการ “ให้” โอกาสเด็ก ๆ

“งานที่เราทำเป็นการให้ที่เด็ก ๆ ได้รับโดยตรง รับจากเราเอง ซึ่งเราอยากให้เขามีสมาธิ และมีความอ่อนโยน เอาเป็นว่า อยู่กับเด็กๆแล้วมีความสุขมาก”

เด็กสมาธิสั้นเล่นโยคะได้หรือไม่

สำหรับคำถามดังกล่าว ครูกิฟท์ตอบชัดเจนว่า “ได้” ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมว่า “โยคะเริ่มต้นจากการสังเกตลมหายใจ เราจะรู้ว่า เวลาเหนื่อยเราหายใจแรงขึ้น ลมหายใจเราอ่อนลงเมื่อเรารู้สึกว่าร่างกายเรากลับสู่ปกติ เด็กจะรับรู้โดยธรรมชาติ เพราะฉะนั้นเวลาเด็กโมโห เขาจะรู้โดยตัวเขาเอง จากการสังเกตลมหายใจ ซึ่งมีคนเคยถามว่า เด็กสมาธิสั้นเล่นโยคะได้หรือไม่ คำตอบคือเด็กทุกคนสามารถเล่นโยคะได้ ไม่เว้นแม้แต่เด็กที่สมาธิสั้น เพราะการเล่นโยคะจะทำให้พวกเขามีร่างกายที่แข็งแรง และ ยืดหยุ่น รวมไปถึงการควบคุมตัวเอง”

“มีงานวิจัยออกมาว่า การที่เด็กสมาธิสั้นหันมาฝึกโยคะนั้น จะมีผลให้พัฒนาการของพวกเขาดีขึ้นโดยที่ไม่ต้องพึ่งยาปฏิชีวนะ ซึ่งหากกล่าวถึงพฤติกรรมของเด็กตามธรรมชาตินั้น เด็กๆไม่ได้นิ่ง เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้อยู่แล้ว แต่โยคะจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขานิ่งได้มากขึ้น เพราะการฝึกกำหนดลมหายใจนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฝึกสมาธิและการควบคุมตนเอง”

“นอกจากนั้น การเล่นโยคะที่ Yokidz เด็ก ๆ ทุกคนจะต้องนั่งสมาธิ สวดมนต์ ไหว้พระ ก่อนการเล่นโยคะทุกครั้ง เพราะการเล่นโยคะนั้น หากเรานำหลักศาสนามาผสมผสานกันก็เป็นเรื่องที่ดี เด็ก ๆ จะรู้สึกว่าพวกเขาได้ใกล้ชิดกับธรรมะ ได้ขัดเกลาจิตใจ และสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนทางเลือกที่คอยช่วยเหลือเด็ก ๆ ให้มีสมาธิและสำรวมมากขึ้น ซึ่งเด็กจะทำมากหรือน้อยนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า พวกเขาได้ทำแล้วต่างหาก”

โยคะเด็กไม่ง่ายอย่างที่คิด

ด้วยความที่เด็ก ๆ มักมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง การสอนโยคะจึงไม่ควรมองข้ามจุดนี้ไป ครูผู้สอนเองก็ต้องมีเทคนิค กลยุทธ์ต่างๆในการสอนเพราะเด็กแต่ละคนก็นิสัยต่างกันไป และต้องรับมือกับเด็ก ๆ ให้ได้

“การสอนของที่นี่จะไม่คาดหวังว่าเด็กต้องทำท่านี้ได้ภายในกี่วัน เด็กต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ เราจะไม่คาดหวังกับเด็ก เพราะการที่ผู้ใหญ่คาดหวังเด็กจะทำให้เด็กมีปัญหา ดังนั้นการสอนที่ดี คือการใช้หัวใจสอนด้วยความเข้าใจ อยู่กับเด็กเหมือนเพื่อนที่ต้องให้ความรัก ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องมีจิตวิญญาณ รู้จักพลิกแพลงในการเรียนการสอน เด็กจะได้รู้สึกสนุกไปกับเรา แล้วเขาจะรู้สึกผ่อนคลายที่จะเล่นโยคะ”

นอกจากนั้นแล้ว ครูโยคะคนสวยยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “การฝึกโยคะจะช่วยในเรื่องความมั่นใจ และการที่มีเพื่อน ๆ วัยเดียวกันร่วมเรียนด้วย เด็กจึงไม่รู้สึกว่า พวกเขากำลังมาเรียน หรือกำลังถูกสอน สำหรับครูเอง ถ้าทำแล้วเรามีความสุข เด็กอยากมาเล่นโยคะ ก็ถือว่าของขวัญ เป็นรางวัลที่เราได้รับจากพวกเขาแล้วค่ะ”

สานต่อหลังเลิกเรียน

การที่ครูสอนให้เด็ก ๆ นั่งสมาธิ และสวดมนต์ก่อนการเล่นโยคะทุกครั้งนั้น นับว่าเป็นโอกาสที่ดีของพวกเขาเอง แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าพ่อแม่ได้ขับเคลื่อนความคิดนี้ต่อไปเมื่ออยู่ที่บ้าน โดยการให้ลูกฝึกสมาธิบ้าง อาจให้ลูกหัดนั่งสมาธิสัก 5-10 นาทีหรือมากกว่านั้นก็ได้

“นอกจากเงินที่เราได้จากการสอนแล้ว มันไม่ใช่แค่เด็ก ๆ เล่นโยคะเป็น เราต้องพัฒนาจิตใจของเด็กให้ได้ด้วย อยากให้พ่อแม่ตระหนักว่า การที่ลูกเรียนหนังสือกับทักษะชีวิตที่เขาควรได้รับนั้น สิ่งไหนมันสำคัญกว่ากัน การหล่อหลอมเด็กเป็นคนดีควรเริ่มต้นตั้งแต่พวกเขายังเล็ก ถ้าผู้ใหญ่ละเลย เมื่อพวกเขาโตขึ้น แล้วไม่มีคุณภาพ นอกจากบ้านเมืองจะได้รับผลกระทบแล้ว ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็แย่ไปด้วย ใครจะมาดูแลเรา ความเกรงใจ ความเคารพก็อาจจะหายไป มาตรฐานสังคมก็ตกต่ำลง ดังนั้นผู้ปกครองต้องเข้าใจลูกด้วย เพราะทุกวันนี้เด็ก ๆ ได้รับแรงกดดันค่อนข้างเยอะ สังคมมีแต่การแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น แต่อย่าตามใจจนเกินไป เพราะเด็กส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับพวกวัตถุนิยมมาก ส่วนด้านจิตใจไม่ได้รับการขัดเกลาสักเท่าไร”

หากสิ่งที่พ่อแม่และครูทุกคนจากโรงเรียนต้องการมอบให้เด็กนั้น คือการให้เด็กมีพัฒนาการทั้งในด้านร่างกาย และจิตวิญญาณที่ดี รวมถึงมีภูมิคุ้มกันต่อสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ในสังคม สิ่งที่ครูสอนโยคะ หลักสูตรนอกตำราเรียนอย่างครูกิฟท์ต้องการจะมอบให้เด็ก ๆ นั้น ก็คงไม่แตกต่างกัน



กำลังโหลดความคิดเห็น