หากถามถึงชื่อ “แสนสิริ” ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อนี้ และยิ่งเมื่อถามถึงชื่อของ อภิชาติ จูตระกูล หรือ “คุณปี๊บ” ผู้บริหารหนุ่มใหญ่มากประสบการณ์ละก็ บอกได้เลยว่าใครไม่รู้จักก็เชย... เพราะชื่อนี้อยู่กับ “แสนสิริ” มาตั้งแต่อ้อนแต่ออกจนถึงวันนี้ แต่จะมีใครสักกี่คนที่รู้จัก...ชีวิตส่วนตัว และแนวคิดการบริหารธุรกิจกับแนวคิดนอกกรอบของ***อภิชาติ จูตระกูล***ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
“วันพักผ่อนของคุณ...คืออะไร คือวันที่คุณนอนนิ่งๆอยู่กับบ้าน คือวันที่คุณนั่งจิบชา-กาแฟ หรือ คือวันที่คุณนั่งทอดน่องอ่านหนังสืออยู่ในรั้วบ้านคนเดียวเงียบๆ แต่ผมไม่ใช่ วันพักผ่อนของผมคือทุกๆวัน....วันทำงานของวันคือวันไหน...? วันจันทร์-ศุกร์หรือเปล่า..? สำหรับผมแล้ว.. วันทำงานคือทุกๆวัน”ประธานอำนวยการ แสนสิริ ถามและตอบคำถามในขณะเดียวกัน
ประโยคที่ได้ยินแล้วขัดหู แต่ฟังแล้วได้คิด สะกิดใจ ให้ใคร่อยากรู้ว่า... คำถามและคำตอบข้างต้นนั้น.. คนกล่าวมีเหตุ มีผล มีที่มาของคำถาม และคำตอบ หรือเพียงกล่าวให้เท่ๆ ดูมีเสน่ห์เท่านั้น
“คุณปี๊บ”เล่าถึงชีวิตในช่วงวัยรุ่นว่า ผมเป็นคนมันๆ.. ชีวิตส่วนตัวในวัยรุ่น วัยเรียน กับชีวิตในวันนี้ยังไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง...จะเปลี่ยนแปลงไปก็เพียงความรับผิดชอบในหน้าที่ ธุรกิจการงานที่เพิ่มขึ้น และความชอบในกีฬาที่เล่น กิจกรรมที่ทำ ซึ่งเปลี่ยนไปตามวัย ในช่วงเรียนผมไม่ทิ้งกีฬาและกิจกรรมที่ชอบก็ทำอยู่ควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล รถแข่ง
“เมื่อ 20 ปี 30 ปีก่อนนั้น ผมอยู่ในกลุ่มรถแข่งกับเพื่อนๆ ก็แข่งรถบนถนนสุขุมวิท ในช่วงกลางคืนเรียกได้ว่าเป็นแก๊งป่วนเมืองเลยทีเดียว แต่การแข่งแต่ละครั้งนั้น ผมไม่ได้ลงแข่งเองจะไปกับเพื่อนเป็นส่วนใหญ่ เพราะกีฬาประเภทนี้อันตรายเจ็บจริง เจ็บหนัก ”
หลังจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย ไปเรียนต่อสหรัฐอเมริกาช่วงอายุ 20ปี จนจบปริญญาโท ระหว่างที่เรียนอยู่ที่นั่นก็คบหาเพื่อนชาวต่างชาติ จับกลุ่มที่เล่นกีฬาไปพร้อมๆ กับเรียนหนังสือ ไม่ว่าจะเป็น สกีหิมะ ฟุตบอล กลับมาที่เมืองไทยก็เข้าแก๊งเล่นกีฬาเจ็ตสกี ขณะนั้นกลุ่มเพื่อที่เล่นเจ็ตสกีด้วยกันใช้ชื่อว่า “เรนโบว์” ซึ่งเป็นกลุ่ม เป็นชมรมที่ใหญ่มากมีสมาชิกเป็นร้อยๆ ปัจจุบันในกลุ่มก็มีเพื่อนๆ ที่ทำธุรกิจมีชื่อเสียงอยู่ในบริษัทใหญ่ๆ จำนวนมาก
แต่ก็มีบางส่วนแยกย้ายไปทำธุรกิจของตนเองซึ่งก็ยังมีการติดต่อกันเรื่อยๆ บางกลุ่มก็แตกกลุ่มออกมาเล่นกอล์ฟ แต่ยังใช้ชื่อกลุ่ม เรนโบว์เหมือนเดิม ส่วนตัวผมเองหลังจากที่เข้ามาสู่วงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็ยังคงเล่นกีฬาต่างๆ อยู่เป็นประจำทุกวัน แม้ว่าจะต้องรับผิดชอบธุรกิจและให้เวลาในการทำธุรกิจอยู่ตลอดเวลาและทุกวันนี้เองก็ยังคงเล่นกีฬาและทำงานอยู่ทุกๆวัน
“ถามว่าวันหยุด วันพักผ่อนผมทำอะไร สำหรับธุรกิจแล้ว ผมไม่มีวันหยุด ในขณะเดียวกันวันพักผ่อนของผมก็คือทุกๆวัน เพราะการพักผ่อนของผมคือการเล่นกีฬา ผมเป็นคน Out door ผมเล่นกีฬาทุกวัน เพราะมันคือการพักผ่อน ผมทำงานทุกๆวันเพราะนั่นคือธุรกิจ ธุรกิจกับการเล่นกีฬาของผมมันควบคู่กันอยู่ตลอดเวลา ในช่วงของการเล่นกีฬา เราก็คุยธุรกิจ ได้เพื่อนทางธุรกิจใหม่ๆ”
“คุณปี๊บ” เล่าต่ออีกว่า วันนี้โลกของไอที... เข้าถึงชีวิตเราได้ตลอดเวลา การสั่งงาน การประชุมของผมสามารถทำโดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือสามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถติดต่อ และทำงานได้ตลอดเวลา และผมเองก็เป็นคนโชคดีที่มีเพื่อนร่วมงานที่เก่ง สามารถทำงานร่วมกันได้โดยไม่มีข้อจำกัด ดังนั้นในขณะที่เล่นกีฬา ผมจึงสามารถทำงานได้ในขณะเดียวกัน
ที่เล่ามาดูในช่วงต้นๆ ดูเหมือนว่างานและกีฬาของผมเป็นเหมือนเรื่องที่แยกกันไม่ออก..? แต่บอกได้เลยว่ากีฬากับธุรกิจในมุมมองของผมต่างกันมาก กีฬาไม่สามารถนำมาปรับใช้เป็นแนวคิดในการทำงานได้เลย เพราะในเกมกีฬา วันนี้บาดเจ็บได้ พรุ่งนี้ก็หายได้ วันนี้ผลการแข่งขันแพ้ พรุ่งนี้แข่งใหม่ได้ แต่ในธุรกิจวันนี้พลาดเจ็บตัว คุณต้องใช้เวลาอีกนานในการฟื้นตัว หรืออาจจะไม่มีโอกาสอีกเลย หรือหากวันนี้คุณแพ้ ไม่มีพรุ่งนี้ให้คุณแข่งได้อีก เพราะทุกวันนี้ธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตลอดเวลา เมื่อคุณแพ้นั่นคือคุณล้มเหลว การไปขอโอกาสใหม่จากคู่แข่งไม่สามารถทำได้ ดังนั้นในความคิดผม ธุรกิจกับกีฬา จึงไม่สามารถปรับใช้กันได้
ถามว่า การเล่นกีฬาและธุรกิจของผมนั้นต้องไปด้วยกันอยู่ตลอดเวลา เรื่องนี้ต้องถามต่อไปอีกว่า การทำธุรกิจคุณทิ้งมันได้หรือไม่ ปล่อยให้มันเดินไปเองได้หรือไม่ ซึ่งผมเชื่อว่าคำถามของผมมันมีคำตอบในตัวของมันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องกีฬาก็เป็นเหมือนการพักผ่อน ถามว่าชีวิตคนเรามีเวลาเหลือกี่วันในชีวิต....?
1 ปีมี 365 วัน อายุคนเราเฉลี่ยไม่เกิน 60-70 ปี คิดเป็นวันเฉลี่ยประมาณ 30,000 วัน ถามคุณ ทำแต่งาน เอาแต่นั่ง เอาแต่นอนพักผ่อน โดยที่ร่างกายไม่ได้ออกกำลังกายบ้างเลย ชีวิตคุณจะอยู่ได้นานแค่ไหน
“ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าชีวิตคนเรามันสั้น... หากไม่ออกกำลังกายเพื่อต่ออายุ ยืดประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายเราคงใช้มันได้ไม่กี่ปี... สมมุติว่าเราเรียนจบอายุตอนอายุ 22-24 ปี ทำงานถึงอายุ 60 ปีปลดเกษียณระยะเวลาที่ใช้งานร่างกายแบบเต็มประสิทธิภาพ36 ปีในการทำงาน ส่วนที่เหลือเป็นช่วงเวลาที่ต้องพักผ่อนแล้ว แต่ถ้าคุณไม่เคยออกกำลังกายเลย อายุ 50 กว่าปี ร่างกายคุณก็หมดจะไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แล้วดังนั้น การเล่นกีฬาของผมจึงถือว่าเป็นการยืดอายุการทำงานให้แก่ร่างกาย”
หลังจากปลดเกษียณแล้วเราจะนั่ง จะนอนอ่านหนังสือ หรือจิบชา -กาแฟ ก็ยังมีเวลาอีกเยอะ นอกจากนี้หากมีร่างกายที่แข็งแรงคุณก็ยังสามารถทำงานได้ต่ออีก ดังนั้นในวันนี้การใช้ชีวิตของผมจึงมีทั้งธุรกิจและกีฬาในเวลาเดียวกัน
คุณปี๊บ กล่าวว่า ปัจจุบันผมกำลังสนใจกีฬาการแล่นเรือ เจ็ตโบต เป็นเรือขนาดเล็ก ไม่ใช้กำลังมาก เป็นกีฬาที่มีทั้งการพักผ่อน และออกกำลังกายไปในตัว ซึ่งก็มีกลุ่มที่ร่วมเล่นอยู่หลายคน จากเดิมที่ก่อนหน้านั้นเคยเล่นเจ็ตสกี ซึ่งต้องใช้กำลังค่อนข้างมาก ซึ่งสาเหตุที่ผมหันมาสนใจกีฬาเจ็ตโบตในขณะนี้ เพราะมันเป็นไปตามวัย ทำให้ต้องเล่นกีฬาที่ไม่ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายมากนัก
“วันนี้ผมยังไม่ได้ล่องเรือเจ็ตโบต แต่อยู่ระหว่างการสั่งซื้อ (รถลาก) ส่วนเรื่อที่ซื้อก็ซื้อมือสอง ใช้เครื่องเจ็ตในการทำงาน คิดว่าหลังจากนี้เมื่อได้ (รถลาก) แล้วก็จะไปแล่นตามทะเลสาบ แม่น้ำ เขื่อน หรือ อ่างเก็บน้ำในจังหวัดต่างๆอีกครั้งหนึ่ง”
อยากฝากไปถึงเด็กๆ เยาวชนว่า วันหยุดวันพักผ่อน ไม่ควรนั่งๆ นอนๆ หรือเอาเล่นเกม ควรออกกำลังกาย จะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ร่างกายแข็งแรง หากต้องการพักผ่อนวันข้างหน้ายังมีเวลาอีกเยอะ ...!