ฟ้าใหม่ของ“ อนา อิวาโนวิช”

สำหรับวงการเทนนิสหญิงในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าชื่อของ มาเรีย ชาราโปว่า นั้นเปล่งรัศมีความงามและฝีมือจนแทบจะบดบังสาวจอมหวดรายอื่น จนกระทั่งการมาถึงของสาวหน้าหวานจากเซอร์เบียที่ชื่อ "อนา อิวาโนวิช" ที่นอกจากจะพกดีกรีสวยเริ่ดมาเต็มพิกัดแล้วผลงานของเธอในฤดูกาล 2008 ก็เร้าใจใช่เล่นโดยเฉพาะชิ้นโบว์แดงที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกในชีวิตให้กับตนเองบนสนามโรลังก์ การ์ลอส ด้วยวัยเพียงแค่ 21 ปีพร้อมส่งตนเองขึ้นไปเป็นหวดหญิงมือ 1 ของโลกได้สำเร็จแม้จะเป็นระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่ 9 สัปดาห์ แต่เธอก็เป็นนักเทนนิสหญิงรายแรกของเซอร์เบียที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดดังกล่าว

สำหรับศักราชใหม่ที่กำลังจะมาถึง อิวาโนวิช ที่มีอาการบาดเจ็บเล่นงานช่วงครึ่งปีหลังจนอันดับรูดลงไปเป็นมือ 5 ของโลกเตรียมลงประเดิมสนามในรายการ บริสเบน อินเตอร์เนชันเเนล ณ เมืองบริสเบนเพื่ออุ่นเครื่องก่อนลงสนามออสเตรเลี่ยนโอเพ่น และบรรทัดต่อจากนี้คือบทสัมภาษณ์นักเทนนิสหน้าหวานกับความคาดหวังในฤดูกาลใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับออสเตรเลี่ยน โอเพ่น แกรนด์สแลมแรกของปีที่เจ้าตัวหวังว่าจะไปได้ไกลกว่าตำแหน่งรองแชมป์เมื่อช่วงต้นปี 2008 ที่ผ่านมา

บาดเจ็บมาตลอดช่วงหลังของปี 2008 ตอนนี้ร่างกายเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
“ตอนนี้อาการเจ็บทั้งที่ข้อเท้าและนิ้วหัวแม่เท้าหายสนิทดีแล้ว กลับมาฝึกซ้อมได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ตอนนี้ตื่นเต้นมากๆที่จะได้ออกสตาร์ทฤดูกาล 2009 ด้วยร่างกายที่แข็งแรงร้อยเปอร์เซนต์”

เตรียมความพร้อมสำหรับลงแข่ง บริสเบน อินเตอร์เนชันแนล และ แกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพน ไว้อย่างไรบ้าง?
“ช่วงเดือนธันวาคมได้มีโอกาสไปฝึกซ้อมที่ประเทศสเปนมา 2-3 สัปดาห์ สำหรับตอนนี้เริ่มปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศของออสเตรเลียได้แล้ว เมืองเมลเบิร์นและซิดนีย์ช่วงปิดฤดูกาลถือว่าอากาศดีมาก”

รู้สึกอย่างไรที่จะได้กลับไปเยือนรอด เลเวอร์ อารีนา เซนเตอร์ คอร์ตของออสเตรเลียน โอเพน อีกครั้งหลังจากปีที่แล้วแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ?
“คิดว่าการลงสนามครั้งนี้สมาธิน่าจะดีกว่าครั้งก่อน แต่ก็ไม่แน่พอถึงเวลาจริงๆอาจจะยังตื่นเต้นอยู่บ้างใครจะไปรู้ ! (หัวเราะ) ออสเตรเลียน โอเพน เป็นแกรนด์สแลมที่ฉันชอบและหวังจะทำผลงานให้ดีที่สุด ปีที่แล้วเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญในชีวิต ก่อนหน้านั้นฉันยังไม่เคยเล่นในสนามขนาดใหญ่ต่อหน้าผู้ชมมากมายขนาดนั้นมาก่อน(14,820 คน) ในรอบชิงฯเมื่อปีที่แล้วชาวออสซีหลายคนเอาใจช่วยฉัน ประทับใจมากจริงๆ ปีนี้อย่าลืมเชียร์กันเหมือนเดิมนะ(ยิ้ม)”

สำหรับคุณแล้วคู่ต่อสู้คนไหนที่เล่นด้วยยากที่สุดในทัวร์?
“ตอบยากเหมือนกันนะ จะว่าไปในดับเบิลยูทีเอ ทัวร์มีแต่นักเทนนิสเก่งๆเต็มไปหมด อย่างเช่นคู่พี่น้องวิลเลียมส์ หรือ “เจเจ” เยเลนา แยนโควิช มือ 1 โลกคนปัจจุบันขณะที่ มาเรีย ชาราโปวา แชมป์ออสเตรเลียน โอเพนเมื่อปีที่แล้วก็แข็งแกร่งมากๆ แต่ใจจริงไม่อยากไปคิดว่าใครเก่งกว่าใครหรือใครเก่งที่สุดหรอก เพราะทุกคนในทัวร์ก็ล้วนแต่เป็นคู่ต่อสู้ที่ฉันจะต้องลงไปเล่นเพื่อเอาชนะให้ได้ทั้งนั้น”

หลังคว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพนมาครองจนได้เป็นมือ 1 ของโลกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คิดว่าปีนี้จะทำอันดับขึ้นไปตรงจุดนั้นได้อีกหรือไม่?
“ต้องได้สิ ! แต่ต้องอย่าไปคิดถึงอันดับโลกจนมากเกินไปนะ ทางที่ดีควรเน้นผลงานในแต่ละแมตช์ แต่ละทัวร์นาเมนต์ที่ลงแข่งมากกว่า เพราะถ้าเล่นได้ดีอันดับก็จะดีขึ้นเองโดยอัตโนมัติ”

เท่าที่เคยสัมผัสมาการเป็นมือ 1 โลกทำให้ความกดดันมากขึ้นไหม ?
“แน่นอนเมื่อคุณอยู่ในจุดที่สูงขึ้นความกดดันก็ต้องมากขึ้นตามไปด้วยเพราะนักเทนนิสคนอื่นๆในทัวร์จะอยากเอาชนะคุณมากกว่าเดิม เรื่องนี้ต้องดู โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เป็นตัวอย่าง เขาสามารถทนความกดดันมหาศาลและเป็นมือ 1 ของเอทีพี ทัวร์ได้นานถึง 237 สัปดาห์ก่อนจะมาเสียให้ ราฟาเอล นาดาลไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา”

เมื่อช่วงต้นปี 2008 คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าชอบประเทศออสเตรเลียมากที่สุด คิดจะย้ายมาอยู่เป็นการถาวรไหม?
“แน่นอน ถ้าย้ายมาอยู่ที่ออสเตรเลียจริงๆก็น่าจะมีความสุขไม่น้อย แต่ให้มาอยู่ที่นี่ระหว่างเล่นเทนนิสอาชีพอยู่คงจะลำบาก อยู่บ้านที่เมืองบาเซิล สวิสเซอร์แลนด์น่าจะสะดวกต่อการเดินทางมากกว่า”

คุณมักถูกถามเรื่องตอนเด็กๆที่ต้องซ้อมเทนนิสในสระว่ายน้ำสมัยที่กรุงเบลเกรดยังมีสงคราม รู้สึกอย่างไรเวลาถูกถามเรื่องนี้?
“สำหรับฉันไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็ต้องมีคนมาถามถึงอยู่แล้ว แต่ระยะหลังก็เริ่มตอบสั้นลงเรื่อยๆแล้วนะ(หัวเราะ)ฉันเข้าใจสื่อมวลชนว่าจะให้ตั้งคำถามใหม่มาถามตลอด 1 ปีคงจะยาก”

คำถามสุดท้ายและหลายคนคงอยากรู้สำหรับออสเตรเลี่ยน โอเพ่น 2009คุณตั้งเป้าไว้อย่างไร?
“ต้องยอมรับว่า ออสเตรเลียน โอเพน คือทัวร์นาเมนต์สุดโหด เพราะผู้เล่นแต่ละคนได้เตรียมความพร้อมและพักผ่อนมาเต็มถัง ด้านอากาศร้อนระอุมากๆ ส่วนตัวฉันคงทำได้เพียงตั้งใจลงไปเล่นให้ดีที่สุดในแต่ละแมตช์ หากเก็บชัยชนะได้ในรอบแรกความมั่นใจก็จะมากขึ้นและจากนั้นน่าจะทะลุไปได้ไกล หวังว่าหนนี้อาจไปไกลกว่าปีที่แล้วที่ได้รองแชมป์”