ช่วงบ่ายวันหนึ่ง ณ บริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กรรมการผู้จัดการหญิงแห่งองค์กรที่เป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านเทคโนโลยีแห่งนี้ เปิดห้องทำงานต้อนรับ เพื่อพูดคุยถึงอีกมุมของชีวิตที่นอกเหนือไปจากการคร่ำเคร่งในหน้าที่การงาน คุณต่อ รัมภา มนูญศิลป์
หลังจากที่ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารของซัน ไมโครซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) แทนคุณแอนดรูว์ ลิม ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการส่วนงานขายภาครัฐ การศึกษา และสาธารณสุข ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก “รัมภา มนูญศิลป์” (คุณต่อ) ก็เป็นชื่อที่ทุกคนในวงการไอทีต่างคุ้นเคยและจับตามอง เนื่องจากเป็นผู้นำหญิงในจำนวนไม่มากนักในภาคธุรกิจนี้
ก่อนที่จะได้มีโอกาสเข้ามาทำงานด้านการตลาดและการขายที่ซัน คุณต่อเคยดูแลรับผิดชอบงานด้านการบริหารงานขายและการตลาดที่บริษัท สหวิริยา ซิสเท็มส์ จำกัด และบริษัท สหวิริยา อินฟอร์เท็ค คอมพิวเตอร์ จำกัด จนช่วงปี 2536-2540 ย้ายเข้ามาทำงานกับฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาช่องทางธุรกิจและผู้จัดการฝ่ายขาย ดูแลในส่วนของการพัฒนาและขยายงานด้านการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าระดับองค์กร และดูแลเครือข่ายคู่ค้าและรีเทลเลอร์ของบริษัทเอชพี นับจากปี 2540 ถึงปัจจุบันจึงได้ร่วมงานกับซัน ไมโครซิสเต็มส์ ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายพัฒนาพันธมิตรและตลาด จนถึงกรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย ในที่สุด
เรียกได้ว่าคุณต่อ รัมภา เป็นผู้บุกเบิกตลาด สร้างส่วนแบ่งให้ซันฯ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตลาดระบบปฏิบัติการแบบเปิด หรือโอเพนซอร์ส พร้อมทั้งผลักดัน ขยาย และสร้างชุมชนผู้ใช้ระบบปฏิบัติการโซลาริส และเทคโนโลยีจาวา ให้เป็นที่ยอมรับในตลาดเมืองไทย “เป้าหมายของซันฯ คือการสร้างการเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตร ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของบริษัทที่มุ่งทำการตลาดผ่านพันธมิตรคู่ค้า 100% โดยมีทีมงานซันฯ สนับสนุน” คุณต่อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
นอกเหนือไปจากหน้าที่การงานที่หญิงเก่งคนนี้รับผิดชอบแล้ว กิจกรรมสบายๆ ยามว่างของเธอก็ยังส่งเสริมทั้งในด้านความสนุกสนานเพลิดเพลิน ช่วยการพบปะในแวดวงสังคม รวมไปถึงต่อยอดไปยังธุรกิจได้อีกทางหนึ่ง นั่นก็คือกีฬากอล์ฟนั่นเอง
“ลูกค้าที่เป็นพาร์ตเนอร์ส่วนใหญ่เล่นกอล์ฟ ก็เหมือนกับออกกำลังกายไปด้วย เล่นไป คุยกันไป ทั้งเรื่องทั่วๆ ไป และเรื่องธุรกิจ ช่วงแรกก็รู้สึกว่าร้อนและไม่น่าสนุก แต่พอได้เล่นบ่อยๆ ก็คิดว่าเป็นกีฬาที่ท้าทาย ใช้สมาธิ ได้ประโยชน์ทั้งในแง่ร่างกาย สมอง และจิตใจครบถ้วนจริงๆ”
คุณรัมภายังกล่าวถึงประโยชน์ของกีฬากอล์ฟให้ฟังด้วยว่า ได้พัฒนาด้านการคิด การวางแผน ต้องมีกลยุทธ์ที่จะคำนวณว่าทำอย่างไรสิ่งที่เราตั้งไว้จะไปถึงเป้าหมาย นั่นก็คือการตีลูกให้ลงหลุม เพราะมีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกที่เป็นอุปสรรคในการบรรลุเป้าหมายของนักกีฬาหรือผู้เล่น ทั้งสภาพอากาศ สภาพสนาม คู่แข่งหรือผู้ที่เล่นด้วย เปรียบเหมือนการบริหารในธุรกิจก็เช่นกัน จึงสามารถนำสิ่งที่ได้จากการเล่นกอล์ฟไปปรับใช้ในการทำงานได้อย่างลงตัว
“กอล์ฟไม่ได้เป็นกีฬาไฮโซ หรือกีฬาที่เล่นสร้างภาพ ดังที่หลายคนเข้าใจ กอล์ฟก็เป็นกีฬาอีกหนึ่งประเภทที่สร้างเสริมสุขภาพ กระชับมิตรภาพระหว่างผู้เล่น ไม่ต่างจากกีฬาประเภทอื่น ความเข้าอกเข้าใจ ช่วยเหลือกัน ปรึกษาแนะนำเทคนิคระหว่างการเล่นก็เหมือนกับการช่วยเหลือผู้ร่วมงาน และพนักงานในซันฯ ถึงการทำงานในด้านต่างๆ” คุณต่อยังเล่าต่อไปว่า ครอบครัวของเธอเองก็ชอบเล่นกอล์ฟ โดยเป็นอีกกิจกรรมที่เสริมความสามัคคี ที่ช่วยให้เธอและลูกชายทั้ง 2 คน ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน และทุกครั้งจะอดอมยิ้มไมได้เวลาเห็นเด็กวัยเพียง 14 ปี และ 11 ขวบ มีสายตาที่มุ่งมั่นกับวงสวิงสุดเท่ของตัวเอง
“แต่กีฬากอล์ฟ เป็นเกมส์กีฬาที่ท้าทายมาก ไม่ใช่ว่าเราจะพัฒนาขึ้นตามการซ้อมเท่านั้น หลายๆ ครั้งยังต้องต่อสู้กับความไม่แน่นอน ความไม่มั่นคงของตัวเราเอง บางช่วงตีดีมาตลอด แต่เอ๊ะ! ไหนบางวันตีไม่ได้เลยผิดฟอร์มไปหมด อันนี้ค่อนข้างยากเพราะขนาดตัวเราเองยังไม่สามารถควบคุมให้มีสมาธิ และตีได้อย่างสม่ำเสมอแล้ว การจะรับมือกับปัจจัยภายนอกก็ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น“
“กีฬาสะท้อนกับชีวิตจริงของการทำงานได้ดีทีเดียว ถ้าเราปล่อยให้อุปสรรคจากตัวเราเองเกิดขึ้น การจะจัดการกับปัญหารอบด้านก็จะมีประสิทธิภาพลดลง การทำใจให้ว่าง ตั้งสติ รู้ตัวเราว่าอยู่ตรงไหน ทำอะไร มีขีดจำกัดอะไร จะทำให้มองวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจนขึ้น รู้ว่าเรามีทีมหรือคนที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มตรงไหนได้บ้าง และร่วมกันเอาชนะอุปสรรคจากตลาด การแข่งขันที่สูงในสภาวการณ์เช่นปัจจุบันได้อย่างไร หากเราเรียนรู้ที่จะแข่งขันกับตนเอง เราจะให้ความสำคัญกับการพัฒนา เรียนรู้ แก้ไขข้อบกพร่อง และมองเกมกีฬาอย่างเข้าใจ ยิ่งเมื่อไหร่ที่ต้องเล่นเป็นทีม ก็ต้องตระหนักถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทีมเวิร์ค และ แฟร์เกม คือท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครจะเป็นผู้ชนะ หรือผู้แพ้ได้ตลอดกาล
หากมองถึงสถานการณ์บ้านเมืองเราในปัจจุบัน ที่ดูจะสับสนอลหม่านอยู่ไม่น้อย คนไทยด้วยกันต่างแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย และขัดแย้งกันเอง ก็เปรียบได้ว่าพวกเรากำลังแบ่งข้างกันเล่นกีฬา แข่งขัน ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างจะเอาชัยชนะเป็นที่ตั้ง จนบางครั้งอาจจะลืมนึกไปว่า พวกเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน เกิด และเติบโตบนผืนแผ่นดินเดียวกัน ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเกมจบลง ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะก็ตามเราต่างก็ยังคงต้องอาศัยผืนแผ่นดินเดียวกันในการดำรงอยู่ และใช้ชีวิตต่อไป จึงอยากฝากให้ทุกคนมองถึงผลโดยรวมต่อประเทศชาติเป็นสำคัญ ดังคำกล่าวของ มาร์ติน่า นาฟาติโลวา นักเทนนิสชาวรัสเซียที่ว่า “The moment of victory is much too short to live for that and nothing else.”
และนี่คือมุมมองของผู้หญิงเก่ง แห่งวงการไอที ที่สามารถบาลานซ์เรื่องงาน ไลฟ์สไตล์ ครอบครัว ได้อย่างลงตัว แถมยังให้ข้อคิดดีๆ ที่เชื่อมโยงระหว่างเกมส์กีฬาและธุรกิจ เป็นตัวอย่างที่ไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์สำหรับเวิร์กกิ้ง วูเมนทุกคนในยุคปัจจุบัน