เมื่อทีมบอส” วิพากษ์ “ฟีม”

แม้ว่าวันนี้รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ จะกลายเป็นนักบิดทางเรียบที่โด่งดังที่สุดในเมืองไทย หลังทำผลงานขึ้นมารั้งอันดับ 13 ในตารางแชมเปี้ยนชิปรุ่น 250 ซีซี หลังผ่าน 16 สนามของฤดูกาล 2008 แต่ทว่า "เจ้าฟีม" ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุง อีกพอสมควรหากคิดจะก้าวขึ้นไปเป็นนักแข่งชั้นนำของโลกตามที่ตั้งเป้าเอาไว้

ผู้ที่มองเห็นข้อบกพร่องดังกล่าวได้ดีที่สุด หนีไม่พ้น “เอดูอาร์โด เปราเลส” เจ้าของทีมไทย-ฮอนด้า พีทีทีแซค ผู้คลุกคลีกับนักบิดหน้าตี๋ขวัญใจชาวไทยมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ “รัฐภาคย์” ก้าวสู่มอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกแบบเต็มตัว เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

หลังจากจบการแข่งขันรายการออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ที่ ฟิลลิปไอส์แลนด์ เซอร์กิต ประเทศออสเตรเลีย ที่ฟีมจบการแข่งขันในอันดับที่ 9 พร้อมขยับอันดับ ขึ้นไปรั้งที่ 13 ของโลกเป็นที่เรียบร้อย ทีมข่าว MGR Sport ได้มีโอกาสพูดคุยกับ เปราเลส “ทีมบอส” ของพีทีที แซค ถึงจุดด้อย และ ข้อเด่นของนักบิดชาวไทย รวมไปถึงสาเหตุสำคัญในจังหวะที่ฟีมออกตัวช้ากว่านักบิดรายอื่นจนตกไปอยู่ที่สุดท้ายหลังผ่านโค้งแรกทั้งที่ได้
กริดสตาร์ทดีที่สุดในชีวิตว่า

"ฟีม น่าจะตื้นเต้นและกดดัน จากการที่มีคนไทยมาให้กำลังใจที่สนามเยอะเป็นพิเศษ ซึ่งปกติแล้วตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา เขาทำได้ดีมาตลอดในเรื่องของการออกสตาร์ท นี่คือเรื่องที่ฟีมต้องรับมือกับมันให้ได้ในการแข่งขันครั้งต่อไป เพราะหากเขาสตาร์ทได้ตามมาตรฐานของตัวเอง ผมคิดว่าเขาน่าจะจบได้ถึงอันดับที่ 6 เป็นอย่างน้อย"

นอกจากนี้ “นายใหญ่” ของทีมยังได้กล่าวถึงรถฮอนด้า RS250RW คู่ใจหนุ่มฟีมว่าไม่ได้มีปัญหาที่ระบบเกียร์หรือปัญหาเครื่องยนต์ ตามที่นักบิดไทยเคยเปรยผ่านสื่อ หากแต่กล่าวยืนยันว่า "รถและเกียร์ถูกเซตอัพมาให้เข้ากับสนามอยู่แล้ว เวลาต่อรอบที่ตกลงไปในวันนี้ เป็นเพราะในบางโค้งฟีมทำความเร็วไม่ได้ตามที่เซตเอาไว้ ทำให้เกียร์ออโตเมติกไม่สามารถตัดรอบเครื่องให้เปลี่ยนเกียร์ขึ้นไปเป็นเกียร์สูงได้ มันส่งผลให้เวลาต่อรอบของเขาในบางรอบออกมาไม่ดีเท่าที่ควร"

เมื่อถามถึงจุดอ่อนของ "เจ้าลิงน้อย" หลังจากที่ได้ร่วมงานกับฟีมมาเกือบ 2 ฤดูกาล เปราเลสเผยว่า "สมาธิ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดยามคุณอยู่ในสนามแข่ง ฟีมเป็นนักแข่งที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งที่ผมเคยร่วมงานมา ผมคิดว่าความสามารถของเขายังไม่ถูกนำออกมาใช้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ บางสนามที่พลาดไปเป็นเพราะเขาไม่มีสมาธิจดจ่อกับการแข่งขัน สมาธิ คือจุดที่ฟีมยังต้องปรับปรุง เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นในตัวเองที่ยังไม่เต็มร้อย"

นอกจากนี้จากสไตล์การขับขี่ในสนามแข่งของหนุ่มฟีม ทำให้สื่อมวลชนเมืองไทยตั้งข้อสังเกตว่า นักบิดหน้าตี๋ยังขาดลูกบู๊ในจังหวะแซงสำคัญๆ ซึ่งต่างจากสไตล์ของคุณพ่อ “คริสมาส” อย่างสิ้นเชิง เรื่องดังกล่าวอดีตหัวหน้าช่างเครื่องทีมฮอนด้าพอนซ์ ให้ความเห็นว่า นี่ไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวลใจแต่อย่างใด

"นี่เป็นเพียงฤดูกาลที่ 2 ของเขาบนเวทีระดับโลก ผมต้องบอกคนไทยทุกคนว่า การจะก้าวไปเป็นนักแข่งระดับท็อปไม่ได้ใช้เวลาเพียง 1 ปีหรือ 2 ปีบางทีมันอาจต้องใช้เวลา 4 ปี ,6 ปี หรือ 8 ปี นักขับทุกคนต้องใช้เวลาเรียนรู้ด้วยกันทั้งสิ้น ผมคิดว่าประสบการณ์คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เขาคิดว่าควรจะแก้ปัญหาอย่างไรเมื่อขี่อยู่ในสนาม"

หากแต่ท้ายที่สุดแล้ว ทีมบอสชาวสเปน ก็ยังกล่าวชมนักบิดวัย 20 ปี จากชลบุรี ว่าเป็นนักแข่งที่เรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา หลังสามารถยกระดับตัวเองจากนักบิดอันดับ 17 ของโลก ขึ้นมารั้งอันดับ 13 เมื่อผ่านการแข่งขันไป 16 สนามและให้ความหวังแฟนความเร็วชาวไทยทิ้งท้ายไว้ว่า

“ในปีนี้ "ฟีมมีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากปีแรกมาก เขาเรียนรู้กับรถอยู่ตลอดเวลา เราจะพูดคุยกันถึงปัญหาด้านเทคนิคทุกครั้งที่นำรถลงไปวิ่งในสนาม ซึ่งเจ้าตัวก็ทำงานอย่างหนักและปรับตนเองให้เข้ากับรถที่มีขุมกำลังแรงขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว ผมคิดว่าฤดูกาลหน้าเขามีดีที่จะก้าวไปติดท็อป 6 ได้แน่นอน"


รู้จักเอดูอาร์โด เปราเลส ทีมบอส “ไทย-ฮอนด้าพีทีทีแซค”

เปราเลส คืออดีตหัวหน้าช่างเครื่องของทีมฮอนด้าพอนซ์ สมัยที่รุ่นโมโตจีพียังใช้เครื่องยนต์ 500 ซีซี เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักแข่งดังมากมาย อาทิ คาลอส เซกา, ลอริส คาปิลอสซี และอเล็กซ์ บารอส มีความเชี่ยวชาญกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะมายาวนาน ซึ่งหลังจากที่มอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นเป็น Moto GP หันมาใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ทำให้เปราเลส แยกตัวออกมาตั้งทีมเองภายใต้ชื่อ Stop&Go (แซค) ในปี 2003 ก่อนกลายเป็นทีม ไทย-ฮอนด้า พีทีทีแซค ที่มี "ฟีม" รัฐภาคย์ เป็นนักแข่งตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบัน