xs
xsm
sm
md
lg

จากใจ "พริก" อาสาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พริก-กานต์ชนิต ซำมะกุล
หลายคนบอกเธอมาเพราะต้องการเกาะกระแส

หลายคนบอกเธอมาเพราะอยากดัง

หลายคนบอกเธอมาเพราะไม่มีงานทำ

ขณะที่อีกหลายคนบอกว่าเธอไม่สมควรมาเพราะอดีตไม่ดี

แต่ไม่ว่าใครจะมองหรือคิดอย่างไร ใช่หรือไม่ว่าคนที่รู้ใจเธอดีที่สุดย่อมคือตัวเธอเอง

แล้วคนนอกอย่างเราๆ จะไม่ฟังสิ่งที่เธอกำลังจะบอกสักหน่อยหรือ?
...


"ปวดหัวจังเลย ขอยาป้าหน่อยสิ..."

"มียาแก้เจ็บคอมั้ยคะหมอ..."

"หนูๆ ลุงเป็นอะไรไม่รู้เจ็บท้องจังเลย..."

"ช่วยด้วยครับหมอ คนเป็นลม..." ฯลฯ

สารพัดเสียงเซ็งแซ่ของผู้มาชุมนุมร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีอาการเจ็บป่วยซึ่งออกันอยู่แน่นบริเวณเต็นท์พยาบาลจำนวนหลายสิบ

ในบรรดาอาสาสมัครที่มาร่วมช่วยเหลือในส่วนของงานพยาบาลเพื่อทำหน้าที่ทั้งแจกยา เป็นผู้ช่วยหมอ หนึ่งในนั้นปรากฏสาวคุ้นหน้าร่างบอบบางคนหนึ่งกำลังทำหน้าที่ของตนเองอย่างขยันขันแข็ง ซึ่งแม้อากาศที่ร้อนอบอ้าวประกอบกับขาและมือที่ต้องขยับเขยื้อนอยู่ตลอดเวลาจะส่งผลให้เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้าขาวๆ ของสาวน้อยคนที่ว่าไม่ขาดสายจนส่งผลให้เธอต้องยกมือขึ้นปาดมันออกเป็นระยะๆ

...แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลาเช่นกันบนใบหน้าของเธอ ก็คือแววตาอันมุ่งมั่น และรอยยิ้มที่สดใส

"มาตั้งหลายวันก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นพริก จนพี่คนหนึ่งเขามาเจอแล้วเขารู้ ก็เลยพาไปหลังเวที ทีนี้ชื่อก็เลยถูกประกาศออกไป..."

สาวน้อยหน้าคุ้นปลีกตัวมาคุยกับเราเมื่อจำนวนผู้ชุมนุมที่ไม่สบายมีจำนวนเบาบางลงไปพอที่อาสาสมัครคนอื่นๆ จะรับมือไหว

"พริก-กานต์ชนิต ซำมะกุล" ดารา-นางเอกหนัง...คือเสียงที่โฆษกบนเวทีประกาศออกไป

ด้วยเงื่อนไขของคำว่า "ดารา" ที่แปะอยู่ แต่กับการที่คนทั่วไปไม่รู้จัก ไม่ทัก แง่หนึ่งมันก็คงจะสร้างความน้อยใจให้กับคนคนนั้นอยู่ไม่น้อย ทว่าเธอคนนี้กลับไม่รู้สึกเช่นนั้นแต่อย่างใด

"จริงๆ ก็ต้องยอมรับว่างานของพริกที่ผ่านมาอย่างหนังเรื่องจ.เจี๊ยวจ้าว มันก็นานหลายปีแล้ว หรือถ้าเป็นงานอย่างมิวสิกวิดีโอ หรือว่าถ่ายแบบในหนังสือตรงนี้มันก็ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม เพราะฉะนั้นมันก็ไม่แปลกที่บางทีคุณลุง คุณป้า คนแก่ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของคนที่มาชุมนุมที่นี่เขาจะไม่รู้จัก"

"บางคนเขาก็คุ้นๆ นะ มีเข้ามาถามด้วยว่าทำไมไม่เป็นดาราหน้าแบบนี้น่ะ หนูเลยบอกว่าไม่หรอกค่ะ แล้วไม่ได้บอกว่าอะไร บางคนก็จะมองๆ หนูก็เนียนๆ ไปเรื่อย (หัวเราะ) แต่จริงๆ ในความรู้สึกของพริกก็คือ งานที่พริกทำคืออาสาสมัครในส่วนของงานพยาบาลมันไม่จำเป็นเลยที่พริกจะต้องมาน้อยใจหรือว่าต้องพยายามให้ใครรู้ว่าพริกเป็นดารา เพราะพริกอยากจะมาช่วยงานตรงนี้"

"แต่ถ้าพริกจะขึ้นเวทีอย่างพี่ตั้วหรือว่าพี่จอย ตรงนั้นมันก็อาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง..."

ว่ากันตามความเป็นจริงหญิงสาวที่ชื่อ "พริก กานต์ชนิต" เพิ่งจะเข้ามาสัมผัสกับเรื่องการเมืองผ่านการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ นี้เอง

"พริกมาเป็นอาสาสมัครก่อนวันที่มีข่าวว่าจะมีการสลายม็อบด้วยแก๊สน้ำตา 3 วันน่ะค่ะ"

"จุดเริ่มต้นเกิดจากการเบื่อทีวี มันไม่มีอะไรดูเลย เปิดผ่านๆ ไปเรื่อยๆ ก็เปิดผ่านมาช่องเอเอสทีวี ก็เจอคุณยาย อารมณ์ มีชัย ขึ้นพูด มันสะดุดหูเรา ยายเขาพูดอะไร พี่น้องคะ เราต้องออกมาค่ะ เราก็เลยฟัง ยายโพกผ้ามาเลย ใส่เสื้อเหลืองมา คนมาชุมนุมกันเยอะมาก"

"แล้วเสียงยายแกแหลมๆ คือยายแกป่วยไงคะ รู้สึกว่าจะไปทำคีโมมา ยายเขาบอกว่าถ้ายายไม่ตาย เขาจะกลับมาใหม่ ทีนี้หนูก็เลยรอ แล้วยายเขากลับมาจริงๆ น่ะ เราก็โอ้โห เลยอยากรู้ว่าทำไมยายคนหนึ่งที่ป่วยหนัก คนที่กำลังรู้ตัวว่าจะต้องตายในอีกไม่นานทำไมยังมา"


"ตอนแรกมาดูสถานการณ์ก่อนค่ะ อย่างข้างหลังก็เจอตำรวจฮึ่มๆ ตลอด อะไรของเขาก็ไม่รู้ แต่ไม่หนี เดินเข้าไปลุยดู สนุก อยากรู้ แล้วมันเป็นการชุมนุมที่สนุกมาก ไม่ได้น่ากลัว ทุกคนใส่เสื้อเหลือง มันไม่มีอะไรเลวร้ายแน่นอน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคนแก่ คนมีอายุ เด็กๆ ไม่มี คือมันสงบน่ะค่ะ เราเลยเชื่อว่าไม่น่าจะมีเรื่องเลวร้าย"

ทำไมไปเป็นอาสาสมัครในส่วนพยาบาล?

"หนูมาเดินเล่นอยู่สองวัน หยุดพักไปแล้วกลับมาใหม่ ตอนนั้นเห็นหน่วยยาแล้วล่ะแต่ยังไม่มีคนแจกยา แต่พอเรากลับมาอีกครั้งเจอคนเริ่มเดินแจกยา แล้วคนชุมนุมเยอะกว่าเก่ามาก เห็นคนแจกยาอยู่คนเดียว เราก็เลยเข้าไปถามเขาว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย หนูอยากช่วย แล้วพี่คนที่แจกยาเนี่ยเขาเป็นผู้หญิงด้วย ก็เลยไปช่วยเขาดีกว่า"


"หน่วยยานี่คือเป็นอาสาสมัครเข้ามาทั้งนั้น จะมีคุณหมอจริงๆ อยู่ประมาณ 3-4 คน อย่างเราก็ช่วยได้ในการแจกยาดม ยาลม ยาหม่อง...งานอาจจะไม่หนักมาก แต่มันวุ่นวาย ตรงที่คนมันเยอะ จะเอานั่นเอานี่ มันมีหลายอย่าง"



"ส่วนใหญ่จะมาทำงานช่วง 5 โมงเป็นต้นไป ทีนี้ก็คิดว่าจะกลับ 3-4 ทุ่ม แต่พอมาทีไรก็ยาวถึงตี 1 ตี 2 เลยค่ะ ยาวเลย สนุกดีติดลมเลย มีคนบอกว่าหนูเป็นคุณหมอแล้วนะ จริงๆ หนูเป็นพยาบาลอาสา..(ยิ้ม) ไม่แจกยาผิดหรอกแหม"

เหตุการณ์ไหนที่คิดว่าน่าตื่นเต้นที่สุด?

"ช่วงแก๊สน้ำตา แต่ไม่เคยกลัวเลย สนุก ทุกคนพูดว่าตกใจว่ามีแก๊สน้ำตา วันที่จะสลาย ข้างหลังมีตำรวจมา เหมือนมีเสียงมาก่อนกวนด้วย แต่งตัวครบชุด คนข้างหลังโวยวายเหมือนจะสู้ ข้างหน้าก็บอกอย่ายุ่ง สักพักลุงจำลองมานั่งตรงกลาง จะได้ทำข่าวทั่วโลก"

"พริกคิดว่าตำรวจเขาไม่ทำอะไรหรอก เรามีสื่อ ถ้าคนที่แบบมีอำนาจจริงๆ เขาไม่ทำประชาชนหรอก อย่างมากก็แค่ขู่ ช็อตประทับใจคือทุกคนใส่เสื้อกันฝนแล้วมานั่งรอแก๊สน้ำตาน่ะ น้ำตาจะไหลมันประทับใจตรงนี้ เพราะไม่มีใครหนี"


ตอนที่เดินไปทำเนียบฯได้ไปกับเขามั้ย?

"โหนั่นเสียดายมากเพราะหนูไปทำงาน ก็รีบมาเลยนะ มามอเตอร์ไซค์ เพราะแท็กซี่ไม่รับไม่ยอมมาเลยนั่งมอเตอร์ไซค์มาสองต่อ ตอนนั้นเขาลุยกันไปก่อนแล้วก็โทรถามเพื่อนว่าถึงไหนแล้ว ตอนนั้นกำลังยื้อกันอยู่ สักพักเรามาถึงทำเนียบฯแล้วก็งง"

"นี่เรามาง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ เรามาช้านิดเดียวเอง มันง่ายแบบนี้เลยหรือ ทุกคนมากัน สนุกสนานเฮฮามาก เราไม่ได้จะไปทำร้ายทำลายอะไร เพราะลุงจำลองบอกแล้วว่า แม้แต่ต้นหญ้าก็จะไม่ไปเหยียบ"
...

มุมมองทางด้านการเมือง
จากคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องการเมืองสักเท่าไหร่ แต่วันนี้ในความรู้สึกของหญิงสาวที่ชื่อ "พริก กานต์ชนิต" เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว

"เหมือนสามก๊กเลยน่ะค่ะ ที่ผ่านมาหนูไม่เคยสนใจเรื่องการเมืองเพราะว่ามันมีแต่อภิปรายโต้แย้งกัน น่าเบื่อ แต่มาครั้งนี้มันซึมไปเอง มันเข้าใจเอง แล้วเราจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องหน้าที่ของทุกคน ทุกคนจะต้องรู้ ไม่งั้นเราจะเสียหมดเลย มันไม่ใช่เรื่องของสองพรรค สองกลุ่ม แล้วเราเป็นเหยื่อ"


จากความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในส่วนของประชาชนที่เกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองมีคนบอกว่าเป็นเกิดจากการเข้าถึงข้อมูลและการศึกษาเป็นสาเหตุสำคัญ เราเชื่อมั้ย?

"หนูว่าถ้าหนูมีอำนาจก็อยากทำงานในกระทรวงศึกษาธิการเลย หนูจะเปลี่ยนให้หมดเลย ในกรุเงทพกับต่างจังหวัดนี่ต่างกันมา มันไม่ยุติธรรม แล้วคนเก่งเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่เก่งแต่ในหนังสือ ไม่ได้เลือกคนเก่งจากคนที่มีความสามารถเฉพาะตัว ไม่มีจริยธรรมที่จะอยู่ร่วมกันได้ เข้าไปก็เห็นแก่ตัว ไปเรียนเมืองนอกกลับมาก็ดูถูกคนไทย"

"หนูอยากให้การศึกษาใหม่มันต้องเน้นที่ความสามารถในแต่ละสาขาอาชีพอย่างแท้จริง อย่างที่หนูเรียนการแสดงคณะศิลปกรรม ม.ศรีนครินทรวิโรฒ เป็นเอกการแสดง ที่เป็นโควต้า คนจะมองว่าเป็นอะไรที่มีสิทธิพิเศษ ไม่ใช่นะ มันไม่ใช่เรื่องเรามีสิทธิพิเศษ เราเอาความสามารถด้านการแสดงมาสอบ เอาความรู้มาสอบเข้า ไม่ใช่โควต้า แล้วมาฝาก..."

"แต่อย่างไรสิ่งที่สำคัญที่สุดหนูว่าคือต้องเป็นระบบการเรียนการสอนที่มีคุณธรรมกำกับควบคู่ไปด้วยค่ะ"

มีคนบอกว่า ลองให้คนที่มีความคิดไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ มาชุมนุมที่นี่สัก 1 อาทิตย์เขาจะมีความคิดที่เปลี่ยนไป?

"หนูว่าวันเดียวพอมั้ง..(หัวเราะ) ถามว่าข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่นี่มันต่างจากสื่อรายงานมั้ย มันไม่ต่างหรอก แต่ที่ออกไปมันบิดเบือนน่ะ มันคือการรายงานจากขาวให้เป็นดำน่ะ ขอแค่วันเดียวก็จะรู้ว่ามันคืออะไร เปิดใจแล้วฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

"มีคนบอกว่าการชุมนุมทำให้เกิดปัญหารถติด เศรษฐกิจวุ่นวาย จะบอกว่าถ้าไม่มีการชุมนุมมันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว บางทีมันหนักกว่านี้ด้วย หนูว่ามันเป็นข้ออ้างที่พูดขึ้นมาเพื่อสร้างสถานการณ์มากกว่า"

อนาคตอยากเล่นการเมืองมั้ย?

"หนูชอบเรียบง่ายค่ะ อยากมีสวน เลี้ยงหมา ถ้าอยากเข้ามาช่วยส่วนนี้หนูอยากช่วยเรื่องการศึกษาอย่างที่บอกมากกว่า เพราะหนูอยู่ระหว่างตรงกลางระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ล่าสุดที่กลับบ้านไป โดนถามว่าเด็กวัยรุ่นไปไหน ไม่มาชุมนุม กลับไปบ้านเปิดดูเอเอฟ วัยรุ่นมันอยู่ที่นี่เอง ส่วนคนแก่อยู่ม็อบ"

"มันไม่ผิดน่ะค่ะที่ว่าวัยรุ่นจะอยู่ที่เอเอฟ เพราะตรงนี้มันไม่มีใครมาบอกไงว่าการดูแล้วการโหวตเท่านี้เขาได้เท่าไหร่ ใครเสียอะไรใครได้บ้าง 6 บาทต่อครั้งก็จริงแต่มันทั้งประเทศ พ่อแม่บางคนเสียเงินเป็นหมื่น ลูกก็ไม่รู้หรอก รู้แค่สนุก เด็กไทยกำลังถูกปลูกฝังในทางที่แย่ เกาหลีญี่ปุ่นแต่งตัวแบบนั้นก็ไปตามเขาไป มันไม่ใช่ไทยสไตล์น่ะ มันต้องเปลี่ยนถึงระบบความคิดน่ะ"

รู้สึกอย่างไรที่คนมองว่าคนที่มากับกลุ่มพันธมิตรเหมือนกับควายให้ 5 แกนนำเลี้ยง?

"ใครพูดอยากเจอหน้า(ขึงขัง)...หนูว่ามันเป็นคำพูดที่ต้องการให้รู้สึกเจ็บใจน่ะ แต่มันไม่ได้อยู่ในหลักเหตุผล ถามกันง่ายๆ นะ สมมติถ้า 5 แกนนำ เขาขึ้นเป็นรัฐบาล แล้วถ้าเขาทำไม่ได้อย่างที่เขาวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น หรือเขาทำเหมือนที่คนอื่นทำ เขาจะโดนหนักมากกว่าไอ้คนที่เราไล่อยู่อีกนะ"
...

ตัวตนคนชื่อ "พริก"

"พริก กานต์ชนิต" เจ้าแม่คลิปหลุด โผล่ร่วมพันธมิตร ฯ

หนึ่งในการพาดหัวข่าวบางส่วนซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปในการเข้ามาเป็นอาสาสมัครในส่วนของงานพยาบาลให้แก่กลุ่มพันธมิตรฯ ของหญิงสาวที่กำลังนั่งสนทนาอยู่กับเรา

แม้จะเป็นเรื่องราวในอดีต แต่มันก็คือความเป็นจริง ซึ่งไม่ผิดแต่อย่างใดหากจะมีใครคิดที่จะนำมันมาเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินถึงปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

แต่สิ่งที่สำคัญ เราคงจะต้องฟังคำ ณ ปัจจุบันของคนที่เราคิดจะตัดสินใช่หรือไม่?

"หนูบอกผู้ใหญ่ก่อนขึ้นเวทีเลยว่า เออ!หนูมีเรื่องคลิปนะ หนูเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมาก่อน มันคือความผิดพลาดในชีวิตหนูที่มันแก้ไม่ได้ ภาพรวมมันทำให้หนูเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี หนูยอมรับ แต่บอกได้เลยว่ามันไม่ใช่ความตั้งใจของหนู"


"อย่างที่ลุงจำลองบอกน่ะค่ะ ว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อมาใช้หนี้แผ่นดิน หนูก็มานั่งๆ คิดนะ ว่าทำไมหนูต้องมาที่นี่ บางทีหนูอาจจะมาใช้หนี้อะไรบางอย่างก็ได้ ที่ต้องให้สังคมบ้าง"


หลายคนสงสัยในการมาเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ของเรา บ้างก็ว่าต้องการสร้างกระแส บ้างก็ว่าเพราะไม่มีงาน(บันเทิง)ทำ?

"โห โกรธนะคะ คือหนูก็มีเงินเก็บของหนู ล่าสุดหนูพึ่งถ่ายหนังสือไป ได้เงินตั้งหลายหมื่น แล้วก็มีละครติดต่อมา แต่หนูไม่เล่นเพราะบทมันยังไม่ดี คือไม่อยากเป็นตัวร้ายแจ๋นๆ น่ะ ไม่ได้มีอีโก้นะว่าต้องบทดี ไม่ใช่ แต่บทมาแบบแว้ดๆ โชว์ความโป๊มากๆ ก็ไม่ไหว (แต่เราก็ถ่ายแบบที่มันหวือหวามาก่อนนี่?) มันไม่เหมือนกัน การแสดงกับถ่ายแบบไม่เหมือนกัน"

"ไม่ได้เกาะกระแสหรอกค่ะ เป็นข่าวกับทางนี้มันเสี่ยงความตายมากเลยค่ะ มีคนบอกว่าแกขึ้นเวทีแล้วแกอย่านั่งแท็กซี่อีกนะ อันนี้มันเสี่ยงความตายความดังมันแลกกันไม่ได้นะ รู้หมดแหละว่าดาราที่มาขึ้นโดนขู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้คิดเลย"


"เรื่องจะไม่มีงาน อันนี้หนูว่าผู้ใหญ่ถ้าเขาไม่งี่เง่ามากมายเขาน่าจะแยกแยะออกนะ แต่แม้หนูจะขึ้นหรือไม่ขึ้น ถ้าเขาไม่สนใจเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว แล้วหนูขึ้นก็ใช่ว่าผู้ใหญ่จะสนใจหนู หรือไม่ให้โอกาสหนู มันวัดอะไรไม่ได้หรอก"



"หนูเลยกลับมาถามตัวเองว่า อยากจะช่วยหรือเปล่า อยากจะทำหรือเปล่า ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย คิดว่ามีโอกาสช่วยก็ช่วย หนูเคยอ่านหนังสือเขาบอกว่า หนึ่งถ้าช่วยพ่อแม่ได้แล้ว สองช่วยตัวเองได้แล้ว มีความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว สิ่งที่ควรทำคือช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้สำคัญที่สุด"


"อย่างหนู ยอมรับว่าอาจจะยังช่วยหนึ่งได้ไม่สุดๆ แต่ถ้าในเมื่อมันมีโอกาสที่จะข้ามกระโดดทางลัดมาทางสามเลย มันก็ไม่น่าจะผิดหรือมีผลอะไร"

ไม่ได้มาแบบทำเล่นๆ?

"เอาแค่นี้ดีกว่าเดินหรือว่าทำงานกับคนเป็นหมื่นๆ เนี่ยเหนื่อยมั้ย หนูว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จริงๆ ใครก็ทำได้แต่ถ้าคุณอยากทำคุณก็มาซิ มาร้องเพลงหรือมาขายของ มันเหนื่อยนะคะ เหนื่อยมาก เราต้องเจอกับคนหลายๆ แบบ คนเขาเป็นทุกข์มา แผลเหวอะหวะก็ต้องช่วย อย่างมีลุงมาแก่มาก เท้าเปื่อย เพราะแกแก่แล้วหลงๆ ลืมๆ นั่งตากฝนตัวเปียก เท้าเปื่อย เน่าทั้งสองเท้าเลย ตอนนั้นแกมาทำแผลทุกวัน หนูส่องไฟให้คุณหมอ แผลเน่าเฟะเลย บางคนก็หกล้มเลือดออก"

ใช้บริการรถแท็กซี่เคยเกิดวิวาทะกับคนที่เขามีความคิดแตกต่างจากเรามั้ย?

"พยายามเลี่ยงมากกว่าค่ะ ส่วนใหญ่หนูจะบอกว่ามาทำบุญวัดที่อยู่แถวๆ นี้ เขาก็จะบอกว่าม็อบยังอยู่นะ รถติดนะ หนูก็จะบอกไม่เลย รถมันไม่ติดเลย มันคล่องปรื๋อ ลองไปดู ครั้งแรกมาแท็กซี่เขามาส่งมาง่ายมาก คือมาจอดตรงคุรุสภา ไม่มีอะไรเลย ในทีวีมันประกาศว่ารถติด แต่หนูมาง่ายมาก แท็กซี่ก็เขาว่ามาชุมนุมรถติด แต่เขาไม่รู้หรอกว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง"

"หรืออย่างฝ่ายที่เรียกว่า นปก.นี่ หนูว่าแรงไป เสื้อสีแดงมันเป็นเลือดน่ะ มันเปรียบเทียบได้น่ะ เหลืองกับแดง ใส่เสื้อมีแดง แล้วก็ปาอึ ปาฉี่ พูดจาหยาบคาย ของเราก็อาจจะมีบ้างที่แรงๆ แต่ว่าโดยรวมส่วนใหญ่ทางนั้นจะออกหยาบคายเลย ด่าอย่างเดียว แล้วไม่ให้เกิดปัญญา พูดเพื่อให้ทางนี้เกิดความเจ็บใจเท่านั้นเอง"

เปิดตัวไปแล้ว ตอนนี้หนุ่มๆ ที่มาขอยาจีบหนือว่าแซวเยอะมั้ย?

"...ต่อจากนี้ถ้าจะมาขอยาก็ขอให้เป็นจริงๆ เพราะยาไม่พอ"
สาวพริกตอบแล้วหัวเราะ พร้อมขอตัวขึ้นเวทีเพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ประกาศขอรับบริจาคยา ก่อนสำทับว่าสิ่งที่เธอพูดไปทั้งหมดคือความคิดเห็นที่มิได้มีเจตนาจะสร้างภาพหรือให้คนอื่นมองว่าเธอเป็นคนดี เป็นคนเสียสละ

...เพราะการก่อเกิดความรู้สึกที่ว่า เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เฉกเช่นสถานการณ์การเมือง ณ เวลาปัจจุบัน

********************************





กำลังโหลดความคิดเห็น