“ผมอยากเห็นสังคมไทยสงบสุขเหมือนกัน แต่ว่าถ้าเกิดเราอยู่เฉยๆ มันไม่ได้หมายความว่าเราจะสงบสุข การที่เรานิ่งเฉยแล้วมีสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้องเกิดขึ้น มันไม่ได้แปลว่ามันสงบสุข การอยู่เฉย กับความสงบสุขโดยที่เรารู้ทันเหตุการณ์ มันคนละอย่างกัน”
ผ่านไปเกือบ 2 เดือนกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักไล่รัฐบาล โดยยึดสะพานมัฆวานรังสรรค์เป็นฐานที่มั่น ณ เวทีแห่งนี้มีศิลปิน ดารา นักแสดง คอยแวะเวียนมาให้ความบันเทิงและเป็นกำลังใจให้ผู้ร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ ‘เค้ก B5’ หรือ อุทัย ปุญญมันต์ นักร้องหนุ่มเสียงดีเจ้าของเพลงฮิตอย่าง ‘แปลว่าขอบคุณ’ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับศิลปินรุ่นใหม่ที่จะกล้าประกาศตัวตน และความคิดทางการเมืองให้สังคมรับรู้
จุดกระแสสู่เวทีพันธมิตร
ท่ามกลางผู้ชุมนุมหลายพันคน ‘เค้ก’ นักร้องหนุ่มวัย 26 ปี เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มหันมาสนใจการเมืองว่า เนื่องจากครอบครัวของเขาชอบชมรายการของสถานีโทรทัศน์ ASTV มาตั้งแต่ก่อนจะมีการชุมนุมของพันธมิตรฯภาคแรก เมื่อปี 2549 กอปรกับในช่วงนั้นสื่อฟรีทีวีช่องอื่นๆ เริ่มปิดกั้นการรับรู้ข่าวสาร และเลือกที่จะนำเสนอเฉพาะข้อมูลจากซีกรัฐบาล โดยที่ผู้ชมไม่มีโอกาสรู้ว่าข่าวเหล่านั้นมีข้อเท็จจริงอย่างไร เค้ก จึงเปิดใจรับฟังข่าวสารจากทั้ง 2 ด้าน ทั้งจากฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายรัฐบาล เขามานั่งฟังการปราศรัยของพันธมิตรฯบ้างในบางครั้ง แต่ก็ยังคง ฟังหูไว้หู แล้วค้นคว้าศึกษาข้อมูลเพิ่มเต็มในหลายๆ ประเด็น ก่อนที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองว่าอะไรถูกอะไรผิด
หลังจากนั้นเป็นต้นมา นักร้องหนุ่มจึงค่อยๆ เกิดความศรัทธาในตัว ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ เนื่องเพราะแกนนำผู้นี้กล้าที่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้ แต่คนอื่นยังไม่รู้ ทั้งที่รู้ดีว่าหากพูดไปแล้วอันตรายอาจเกิดขึ้นได้รอบด้าน ทั้งจากรัฐบาลโดยตรง และจากผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลเนื่องจากคนเหล่านี้ได้รับข้อมูลอันเป็นเท็จจากกลุ่มคนและสื่อที่เป็นเครื่องมือรัฐ
โดยส่วนตัวแล้ว ‘เค้ก’ ไม่ได้รู้จักกับ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ มาก่อน หลังจากที่ เขาจบปริญญาตรีจากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้ว เค้กจึงเพิ่งรู้ว่า ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ คือศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาเช่นเดียวกับเขา
อาจถือเป็นโชคดีที่ทางครอบครัวของ ‘เค้ก’ สนับสนุนให้เขามาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เพื่อช่วยส่งแรงใจให้แก่ผู้ชุมนุม อย่างไรก็ดี ‘เค้ก’ไม่ได้ตัดสินใจเพราะแรงสนับสนุนจากครอบครัวเท่านั้น แต่แรงขับดันนั้นได้ผ่านการคิดอย่างรอบด้าน ชั่งน้ำหนักแล้วว่าอะไรถูกอะไรผิด ‘เค้ก’ คิดว่าการแสดงความคิดเห็นด้วยเหตุผลบนหลักความเป็นจริง เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ว่าในเรื่องใดก็ตาม ประจวบเหมาะกับแม้ผู้ใหญ่ในค่ายเพลงที่สังกัดอยู่จะห่วงเรื่องผลกระทบที่จะตามมา
แต่ก็มิได้ห้ามไม่ให้เขาขึ้นเวทีพันธมิตรฯแต่อย่างใด ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเค้กไม่วิตกในเรื่องนี้เพราะคิดว่าเขาสามารถรับผิดชอบในการกระทำได้ เนื่องจากไม่ได้เอาตัวเองไปผูกเกี่ยวกับองค์กรใด คิดแค่เพียงว่าการมาร่วมชุมนุมถือว่าตัวเองได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
“ชีวิตคนจะผิดถูกอย่างไรเราน่าจะได้ตัดสินใจเอง ไหนๆ ก็ได้รับฟังข่าวสารมารอบด้านแล้ว ผมไม่ได้เห็นด้วยกับพันธมิตรฯในทุกเรื่อง แต่เพราะพันธมิตรฯมีเป็นล้านคน ไม่มีทางที่คนจำนวนมากจะคิดตรงกันได้หมดและเราออกมาที่จุดนี้ไม่ได้ออกมาในนามของค่ายเพลงหรือของวง B5 แต่เราเป็นคนหนึ่งที่ติดตามเรื่องการเมืองมาระยะหนึ่งและก็เชื่อตามความคิดเห็นของเราที่ได้ผ่านการประมวลว่าถูกต้องแล้ว ผมแค่อยากมาแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด มีเพียงความตั้งใจที่อยากเห็นประเทศไทยพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ไม่ว่ากัน ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยก็อยากให้ศึกษาถึงข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อนที่จะมาต่อว่าหรือประณาม ” เค้กพูดถึงแนวคิดในการขึ้นเวทีพันธมิตรฯ
การเมืองเป็นเรื่องไม่เชย
ด้วยโอกาสที่ดีของ ‘เค้ก’ ที่เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปศึกษายังต่างประเทศ ทำให้เห็นว่าเด็กและเยาวชนที่นั่น ให้ความสนใจเรื่องการเมืองมากและกล้าออกมาถกเถียงแลกเปลี่ยนเรื่องการเมืองกันด้วยเหตุผล ซึ่งความคิดเห็นเหล่านี้จะช่วยขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ดีขึ้นได้ ในขณะที่การแสดงออกแบบนี้วัยรุ่นไทยกลับไม่มีให้เห็นเลย กลายเป็นว่าคนที่พูดเรื่องการเมืองจะถูกหาว่าบ้า ซึ่ง ‘เค้ก’ คิดว่าความคิดเห็นแบบนี้เป็นความคิดที่เชยมาก
ทั้งนี้ สิ่งที่ ‘เค้ก’ เห็นด้วยกับพันธมิตรฯมากที่สุดในตอนนี้คือเรื่องการเมืองใหม่ เนื่องจากเห็นจุดบกพร่องของการเมืองไทยหลายอย่างที่เปิดช่องให้นักการเมืองเข้ามาทุจริตคอรัปชั่น ทั้งที่เงินเหล่านี้เป็นเงินภาษีของประชาชนซึ่งรัฐควรนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ
สำหรับการเมืองใหม่ในความคิดของเค้กนั้น ประเด็นสำคัญที่สุดคือนักการเมืองต้องมีหิริโอตะปะ หรือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป หากการกระทำใดที่ปฏิบัติแล้วรู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อคนส่วนรวมก็ควรหลีกเลี่ยง
“การเมืองเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมานานแล้ว ซ้ำๆ ซากๆ จนมาถึงรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะ แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและดีรึเปล่า แต่ก็ทำให้เห็นว่าการเมืองมันอยู่ใกล้กับชีวิตเรามากขึ้น การเมืองถึงเวลาที่ควรเกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะยังมีสิ่งที่ควรจะแก้ไขอีกเยอะ”
ศิลปินกับความรับผิดชอบต่อสังคม
ศิลปินก็เป็นเพียงอาชีพหนึ่ง ‘เค้ก’ ดีใจที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักคือการร้อง-แต่งเพลง ซึ่งคนฟังที่มีสิทธิ์ชอบหรือไม่ชอบงานเพลงที่สื่อออกไป ขณะเดียวกันทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงออกถึงความคิดเห็นทางการเมือง การเมืองเป็นเรื่องของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดก็ตาม แม้กระทั่งดารา-นักร้องเพราะการเมืองก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็ยอยู่ของพวกเขาด้วยเช่นกัน
สิ่งที่น่าห่วงในขณะนี้คือบริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนสมัยนี้ถูกหล่อหลอมให้หมกมุ่นแต่เรื่องของตัวเอง อยากดูดี ทันสมัย จนตกเป็นเหยื่อของทุนนิยม เพราะถูกกระตุ้นจากสื่อในสังคมบริโภคอยู่ตลอดเวลา ‘เค้ก’ บอกว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดที่จะสนใจตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเท่าทันกับสิ่งที่ต้องพบเจอ เขาเปรียบว่าไม่ใช่เราไปมุดตัวอยู่ในถ้ำและโผล่ออกมามองเห็นแค่โลก 3 เมตร รอบตัวเอง แต่เราต้องมีเวลาให้กับตัวเองและก็เงยหน้าขึ้นมามองดูสังคมว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก้าวไปถึงไหนแล้ว
“อย่างที่บอกแหละครับว่ามองเห็นอะไรใกล้ๆ แค่ตัวเอง เห็นแค่ว่าพันธมิตรฯออกมาชุมนุมแล้วรถติด แต่ไม่มองไกลๆ ว่าถ้าเราปล่อยให้การเมืองเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะเป็นอย่างไร คือการสนใจตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ควรหาเวลามาสนใจเรื่องข้างนอกดูบ้างเพราะว่าเรื่องข้างนอกก็เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อตัวเองเหมือนกันในอนาคต”
สุดท้าย ‘เค้ก’ ฝากไปถึงแฟนคลับที่ติดตามงานของศิลปินทุกคนว่าควรแยกแยะระหว่างผลงานและความคิดเห็นของศิลปิน ไม่อย่างนั้นเรื่องดี ชั่ว จะปะปนกันไปหมด ศิลปินก็คือประชาชนคนหนึ่งที่ทำมาหากินในประเทศไทย มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นเหมือนคนทั่วๆ ไปที่ใช้ชีวิตอยู่บนประเทศไทย ส่วนผู้ชม ผู้ฟังมีสิทธิ์เอาไปคิดต่อเองได้
“ไม่มีใครดี 100% หรอกครับ ไม่ใช่ว่ามามีส่วนร่วมทางการเมือง แล้วจะร้องเพลงให้สนุกไม่ได้ ชีวิตมีหลากหลายมุม อย่ามองว่าศิลปินจะสนใจการเมืองไม่ได้ ไลฟ์สไตล์ก็เป็นของแต่ละคน” เค้กกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่เขาจะบินไปเรียนต่อด้านการโรงแรมที่ประเทศสวิสแลนด์ ในเดือนสิงหาคมนี้ พร้อมทั้งฝากบทเพลง “เธอฉัน ความฝัน เมืองไทย” ให้กับคนไทยทุกคนซึ่งมีความคาดหวังตรงกันว่าอยากเห็นการเมืองไทยพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟังเพลง เธอฉัน ความฝัน เมืองไทย
เพลง: เธอฉัน ความฝัน เมืองไทย
เนื้อร้อง ทำนอง : อุทัย ปุญญมันต์
เรียบเรียง : กิจจาศักดิ์ ตริยานนท์
ตรงนั้น ตรงนั้น ฉันไม่มองอื่นใด
ตรงนั้น เท่านั้น ด้วยกันจะผ่านข้ามไป
ทางจะสูง เหน็บหนาว ว่างเปล่า ยาวไกล
ต่อให้ล้านแรงขวาง กั้นกาง ไม่หวั่นไหว
เพราะฉันเชื่อใน... ความฝัน
แหลกเหลว เลวร้าย ลบแล้วเราเริ่มใหม่
หลักแหลม หล่อหลอม ไม่ยอมให้ใครทำลาย
เราจะร้องขับขาน เพื่อบ้านเมืองไทย
เราจะรักในหลวง ทุกห้วงดวงใจ
เธอฉันจะไม่ หยุดฝัน
ไม่มีดาวดวงใด อยู่สูงไกลเกิน
ถ้าเราเดิน เดิน เดิน ต้องถึงสักวัน
ร่วมทำดี ดี ดี ไม่หนี ไม่หวั่น
ตรงนั้น เราจะไป
ความฝัน อีกไม่ไกล
เธอฉัน เราจะไม่ หยุดฝัน ไม่ว่าอะไร
ให้มันรู้กันว่าเราคือไทย
****************
เรื่อง : สุดารัตน์ ขาเมระนิยะ