xs
xsm
sm
md
lg

“ชวกิจ บุย”แข่งเพื่อ“ไทย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตกเป็นข่าวมาระยะหนึ่งกับนักแข่งชาวไทยหน้าใหม่ “ชวกิจ บุย” หลังไปคว้าแชมป์เอเชียในรายการ ฟอร์มูล่า เอเชีย 2008 สนามที่3 ณ เซปัง เซอร์กิตต์ มาเลเซีย เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมประกาศขอยกแชมป์ให้กับประเทศไทย เขาคนนี้เป็นใครมาจากไหน เหตุผลกลใดถึงต้องมาแข่งเพื่อประเทศไทย เรา “ผู้จัดการมอเตอริ่ง ไลท์” ไปหาคำตอบมาให้ท่านเรียบร้อยแล้ว

“ชวกิจ บุย” หรือ “บ๊อบบี้” หรือ “โรเบิร์ต ทาดาชิ บุย” เป็นหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน ที่เกิดในเมืองไทย ถือสัญชาติไทย มีคุณพ่อคือ โรเบิร์ต จอร์จ เป็นชาวอเมริกันและคุณแม่ ฟูมิโกะ บุย เป็นชาวญี่ปุ่น ซึ่งครอบครัวของเขาเข้ามาดำเนินกิจการสถาปิกในเมืองไทย โดยมีผลงานการสร้างอาทิ สนามกีฬาอินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก และตึกธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ รัชโยธิน เป็นต้น

บ๊อบบี้ เล่าให้เราฟังว่า ในวัยเด็กประมาณ 3-4 ขวบเขามักจะติดตามคุณพ่อไปดูการแข่งขันรถยนต์ที่สนามพีระเซอร์กิตอยู่เสมอ จึงเกิดความคิดฝังใจ “ชอบเกี่ยวกับกีฬาความเร็วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” แต่ไม่เคยคิดที่จะเป็นนักแข่งเลย จนกระทั่งโชคชะตาและคุณพ่อนำเขาเข้าไปฝึกงานที่ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย

เขาเริ่มเส้นทางนักแข่งด้วยความบังเอิญ จากการเข้าร่วมทดสอบเพื่อหานักแข่งหน้าใหม่ของค่ายบีเอ็มดับเบิลยู โดยติดเป็น 1 ใน 25 นักแข่งที่ได้รับทุนจากบีเอ็มดับเบิลยู และก็ไม่ทำให้เจ้าของทุนผิดหวังเมื่อเขา สามารถคว้าตำแหน่งดาวรุ่นแห่งปี 2004 ในรายการฟอร์มูลา บีเอ็มดับเบิลยู สกอร์ลาชิพ

“ถือว่าเป็นโชคชะตามากกว่าความตั้งใจครับ เพราะช่วงซัมเมอร์ตอนปี 2 ผมกลับมาเมืองไทยไป ฝึกงานกับบีเอ็ม มีโอกาสลองขับรถฟอร์มูล่า(รถแข่ง) ซึ่งทางบีเอ็มฯ ประเทศไทยเห็นแววจึงส่งผมไปคัดเลือกเพื่อชิงทุนนักแข่งของบีเอ็มฯที่เยอรมัน จริงๆ ตั้งใจไปสนุกสนานเฮฮามากกว่า แต่ผลออกมาเราได้รับทุนและคว้ารางวัลติดมือกลับบ้าน ทำให้ต้องคิดหนัก และเป็นจุดพลิกผันของชีวิตในวัย 20 ปีของผม” บ๊อบบี้เอ่ยถึงการเข้าร่วมแข่งครั้งแรก

เนื่องจากผลการคว้าทุนและรางวัลดังกล่าว ทำให้บ๊อบบี้ต้องเลือกระหว่าง “การเรียนหรือแข่งรถ” โดยเขาทดลองเรียนควบคู่กับแข่งรถไปด้วย แต่ผลคือมันไม่เวิร์คทั้งคู่ ทำให้เขาต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต

“สุดท้ายผมเลือก พักเรื่องการเรียนไว้ก่อน แล้วขอมุ่งมั่นด้านการแข่งรถ ด้วยเหตุผลสำคัญคือ “โอกาส” คือถ้าผมไม่คว้าไว้ หากมันผ่านแล้วมันจะผ่านเลยไป เพราะอายุมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากสำหรับอาชีพนักแข่ง และมันไม่สามารถที่จะทำให้ดีในเวลาเดียวกันทั้งสองเรื่อง ”

เมื่อได้โอกาสเข้าร่วมแข่งขัน บ๊อบบี้ เริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์การแข่งขันในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องโดยมีผลงานที่น่าภูมิใจอาทิ ร่วมทีมมาริทัลเรสซิ่ง คว้าชัยชนะ จากฟอร์มูลาซัพพอร์ต คว้าที่ 2 ในรายการ ฟอร์มูลาบีเอ็มดับเบิลยู เวิลด์ ไฟนอล 2006 และ คว้าแชมป์ในรุ่นนักแข่งเอเชียในรายการ ฟอร์มูลา เรโนลต์ (Asian Formula Renault Challenge) ที่ปักกิ่ง รวมถึงผลงานคว้าแชมป์ล่าสุดที่มาเลเซีย เป็นต้น

ซึ่งบ๊อบบี้ บอกเราถึงเทคนิคในการคว้าชัยชนะว่า ถ้าคิดจะเป็นนักแข่งอาชีพ ต้องซ้อมให้มากที่สุด เช่นถ้าต้องแข่งเสาร์-อาทิตย์ ควรเดินทางไปถึงประมาณวันอังคาร ซ้อมเต็มที่ในวันพุธ-พฤหัสบดี ส่วนวันศุกร์ตรวจเรื่องความพร้อมและพักผ่อน ก่อนจะลุยแข่งแบบไม่ต้องเครียด สนามนี้อาจจะแข่ง 10 รอบ สนามต่อไปอาจจะแข่ง 20 รอบ ทำเต็มที่และพยายามผ่อนคลายตัวเองอยู่เสมอ

“ส่วนกลยุทธ์ในการแข่งเราจะต้องทำงานกันเป็นทีม หลายคนอาจจะคิดว่ากีฬาประเภทนี้เป็นกีฬาโดดเดี่ยว แข่งคนเดียว ดังคนเดียว แต่แท้จริงแล้วเป็น กีฬาที่ทำกันเป็นทีม แบ่งเป็น 50% ของนักแข่ง ส่วนอีก 50% เป็นของทีมในการเซ็ตรถ เตรียมรถ และวางแผนการขับขณะแข่งอยู่ในสนาม ส่วนตัวผมจะมีวิศวกรประจำตัว 1 คน คอยดูแลเรื่องรถให้ และเขามักจะบอกกับผมเสมอว่า เขาเปรียบเสมือนหัวสมอง ส่วนผมเป็นนักขับต้องบอกลักษณะของรถ เพื่อให้เขาออกแบบและเซ็ตรถให้ตรงกับความต้องการของผม เพราะทุกอย่างจะต้องทำให้ดีที่สุดถึงจะมีสิทธิได้ชัยชนะมาครอง”

สำหรับจุดเด่นและเป็นที่สนใจของผู้พบเห็นคือ รถแข่งของบ๊อบบี้จะมีสติกเกอร์คำว่า “Racing For Thailand” ติดอยู่อย่างเด่นชัด ซึ่งเหตุผลของการติดป้ายนี้เกิดจากความรู้สึกของตัวเขาที่ ภูมิใจในความเป็นคนไทย แม้ว่าจะไม่มีเชื้อชาติไทย แต่เขาเติบโตพร้อมกับถูกเลี้ยงดูมาในวัฒนธรรมและสังคมไทยแท้ๆ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เขาจึงไม่รีรอ เพราะนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่จะตอบแทนบุญคุณแผ่นดินได้

“ผมเป็นคนไทย แม้จะไม่มีเชื้อชาติไทย แต่ผมก็ภูมิใจในความเป็นไทยของตัวเอง ผมเกิดและเรียนในโรงเรียนของไทย ได้รับการอบรมสั่งสอนแบบไทยมาตลอดชีวิต ฉะนั้นคงไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความเป็นไทยของผมได้ และการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เป็นสิ่งที่ทำให้ผมภูมิใจมากที่สุด” บ๊อบบี้กล่าว

เหนืออื่นใดยังความปิติใจให้กับ บ๊อบบี้ เป็นที่สุด เมื่อเขาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อไทยว่า “ชวกิจ” อันมีความหมายว่า “กิจการที่รวดเร็ว” สอดคล้องกับอาชีพที่เขากำลังดำเนินอยู่

ปัจจุบัน บ๊อบบี้ มุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน A1 กรังด์ปรีซ์ ประจำฤดูกาล 2008 ในนามของทีมชาติไทย เพื่อช่วยโปรโมทประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในเวทีโลก แต่ติดปัญหาบางประการทำให้ยังไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ เขาจึงกลับมาแข่งในรายการ ฟอร์มูล่า เอเชีย 2008 และคว้าชัยชนะพร้อมกับโชว์สโลแกน “Racing For Thailand” เหมือนเช่นเคย


กำลังโหลดความคิดเห็น