xs
xsm
sm
md
lg

“มิเชล วี” ชีวิตต้องดำเนินต่อไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยังจำเธอได้หรือไม่ สาวน้อยวัยเพียง 14 ปีผู้ได้รับฉายาเมื่อครั้งลงสนามเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักกอล์ฟชายเป็นครั้งแรกในรายการ โซนี่ โอเพ่น ที่ฮาวาย เด็กหญิงที่มีเรือนร่างสูงโปร่งเชื้อสายเกาหลี สัญชาติสหรัฐฯที่ได้รับการยกย่องว่า “บิ๊กวีซี่” หรือที่คนทั่วโลกรู้จักเธอดีในเวลาต่อมาว่า “มิเชล วี”

จากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบันเวลานี้สาวน้อยเชื้อสายเกาหลี สัญชาติอเมริกันวัย 18 ปี ที่ครั้งหนึ่งสร้างชื่อเสียงจากความพยายามที่จะลงสนามในทัวร์นาเม้นท์ของผู้ชาย มีผลงานที่น่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่งในช่วงฤดูกาล 2007 พร้อมกันนั้นยังประสบปัญหาบาดเจ็บต้องหยุดทำการแข่งขันเป็นเวลานานถึงสองเดือน และนี่คือสนามแรกที่เธอจะลงคืนสู่สังเวียนสวิง ซึ่ง มิเชล วี ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีก่อนที่เธอจะลงสนามทำการแข่งขันรายการแอลพีจีเอ มิเชลลอบ อัลตร้า โอเพ่น

บทสนทนาระหว่าง วี กับ ผู้สื่อข่าวของ เอเอฟพี เริ่มต้นด้วยการรักษาอาการและฝึกซ้อมในช่วงที่พักรักษาตัวโดยสาวน้อยวัย 18 ปีเล่าให้ฟังว่า "สำหรับฉันช่วงที่ต้องหยุดพักจากการแข่งขันนับเป็นช่วงเวลาที่ต้อง ปรับตัวเป็นอย่างยิ่งเพราะที่ผ่านมาตนเองยังไม่เคยประสบกับอาการบาดเจ็บหนักเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะในช่วงที่ได้หยุดพักนั้น ทำให้ฉันได้สำรวจผลงานและความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในเกมและอีกหลายเรื่อง

พอร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้นฉันลงฝึกซ้อมทันทีเพื่อเตรียมตัวสำหรับการกลับคืนสู่สนามไม่ว่าจะเป็นลูกพัตต์ ลูกชิป และการทำสมาธิเวลาอยู่ในสนามถึงเวลานี้ฉันรู้สึกได้ว่าฝีมือตนเองพัฒนาขึ้นจากเดิมและหวังว่าจะทำผลงานได้ดีในรายการนี้

หนึ่งเดือนหลังจากได้ฝึกซ้อมร่วมกับ เดวิด เลตเบทเทอร์ และเข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ดูเหมือนว่า มิเชล วี โตขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเธอกล่าวถึงเป้าหมายในการลงสนามครั้งนี้ว่า "ฉันเคารพในตนเองและยังคงมีความมุ่งมั่นเช่นเดิม ถึงเวลานี้ต้องการพิสูจน์ผลงานของตนเองให้ได้เสียก่อน และเป้าหมายสูงสุดเวลานี้คือการลงสนามและสนุกไปกับเกมขณะเดียวกันต้องเล่นให้ได้มาตรฐานของตนเองในทุกช๊อต”

"ที่สำคัญนี่คือรายการแรกที่ได้กลับคืนสู่สนาม ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง บางทีอาจเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม หรืออาจเกิดข้อผิดพลาดในหลุมที่สำคัญ แต่ถึงอย่างไรฉันเชื่อว่าการฝึกซ้อมอย่างหนักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาน่าจะส่งผลต่อผลงานที่จะเกิดขึ้นในสนามด้วยเช่นกัน"

ดูเหมือนว่าการได้ทำงานกับเดวิด เลตเบทเทอร์ จะทำให้ มิเชล วี สามารถสร้างความมั่นใจให้กับตนเองได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่า "ฉันฝึกซ้อมอย่างหนัก และได้เห็น ช็อตที่ดีของตนเองหลายต่อหลายครั้ง มันทำให้รู้สึกได้ว่าความลงตัวที่รอคอยกำลังกลับมาแล้ว และนี่คือช่วงเวลาที่รู้สึกว่าตนเองพร้อมมากที่สุด และน่าจะทำได้ดีที่สุดในทัวร์นาเม้นท์นี้ที่สำคัญไม่มีครั้งไหนที่ฉันจะซ้อมหนักเท่ากับครั้งนี้มาก่อน และการลงสนามครั้งนี้น่าจะพิสูจน์ความเหนื่อยยากที่ทุ่มลงไป”

เมื่อถูกถามถึงการปรับเปลี่ยนวงสวิง มิเชล วีกล่าวว่า "สำหรับฉันแล้วไม่คิดว่าจะมีนักกอล์ฟคนไหนยังคงใช้วงสวิงเดิมเมื่อตนเองมีอายุ 13 หรือ 14 ปีอยู่ ฉันเองก็เช่นกันเวลานี้ทุกอย่างคงต้องก้าวไปข้างหน้า และคงไม่ย้อนกลับหลังไปอีกแล้ว ถึงเวลานี้ต้องยอมรับว่าสรีระของตนเองเปลี่ยนไปจากเดิม คงไม่สามารถเล่นเหมือนกับเมื่อครั้งที่ตนเองอายุ 13 ได้อีกนี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันและเดวิดต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อปรับวงสวิงใหม่ซึ่งน่าจะส่งผลที่ดีกว่าเดิม"

ทั้งนี้ มิเชล วี มีแผนที่จะสอบการ์ดทัวร์ของแอลพีจีเอในปี 2009 ซึ่งเธอกล่าวว่า "ฉันชื่นชอบที่ได้ลงสนามร่วมกับโปรหญิงด้วยกัน พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมอาชีพที่วิเศษมาก และคงตื่นเต้นไม่น้อยหากได้ลงสนามเต็มทั้งฤดูกาล"

เมื่อมองย้อนกลับไปจะพบว่าชื่อเสียงที่ มิเชล วี สร้างขึ้นในฐานะที่เป็นนักกอล์ฟหญิงที่มุ่งมั่นจะเข้าสู่พีจีเอทัวร์ แต่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไรแต่ชื่อเสียงดังกล่าวทำรายได้ให้กับเธออย่างมหาศาลในฤดูกาลก่อน มีการประเมินว่ามิเชล วี นั้นมีรายได้จากสปอนเซอร์ ถึง 19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าเงินรายได้จากการแข่งขันของเธอหลายเท่านัก

ทั้งนี้มิเชล วีกล่าวถึงชื่อเสียงในลักษณะดังกล่าวของตนเองทิ้งท้ายบทสัมภาษณ์ว่า "สิ่งทีเกิดขึ้นและผลตอบแทนที่ได้รับไม่ได้ทำให้ฉันเสียใจ เวลานั้นฉันยังเด็กอยู่มาก และคุณมีโอกาสแค่หนึ่งครั้งในชีวิตที่จะรับหรือไม่รับ ผลที่ตามมาจากการตัดสินใจไม่ว่าจะร้ายหรือดี คุณต้องยอมรับและเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ถึงเวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นไปตามครรลองของมันส่วนฉันก็คงต้องก้าวเดินต่อไป”


กำลังโหลดความคิดเห็น