หาก มิเชล วี ระมัดระวังต่อการทำผิดกฏกอล์ฟมากกว่านี้ บางทีเราอาจได้เห็นภาพเธอชูโทรฟีแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ ครั้งแรกนับตั้งแต่เทิร์นโปรก็เป็นได้ เนื่องจากหลังจบรอบ 3 โปรวัยรุ่นลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน ขึ้นมารั้งตำแหน่งอันดับ 2 ร่วม แต่ที่สุดแล้วสิ่งเหล่านั้นก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อเจ้าหญิงแห่งวงการกอล์ฟถูกจับดิสควอลิฟายด์ในการแข่งขันรายการ สเตท ฟาร์ม คลาสสิก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักกอล์ฟทุกคนต่างรู้ดีถึงกฎที่ว่าห้ามผู้เล่นออกจากเต้นท์จดสกอร์ ตราบใดที่ยังไม่ได้เซ็นใบสกอร์การ์ด แต่ในการแข่งรอบ 2 มิเชล วี กลับเดินออกมา ก่อนมีเจ้าหน้าที่มาตามในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือเรื่องจงใจก็ตาม ทว่า "นักกอล์ฟที่ลืมเซ็นชื่อบนสกอร์การ์ดก็ไม่ต่างกับคนที่ออกจากบ้านโดยไม่ใส่เสื้อผ้า"
แม้อาจมองดูเป็นเรื่องเล็ก แต่กฎก็คือกฎ อีกทั้งยังไม่ใช่ครั้งแรกของ วี อีกด้วย เธอเคยถูกดิสควอลิฟายด์เมื่อครั้งลงเล่นรายการแรกในฐานะโปรน้องใหม่ด้วยข้อหาดรอปลูกผิดมาแล้ว
ถึงตอนนี้ วี ก็อายุ 18 ปีแล้ว แม้ยังมีเวลาอีกมากให้เธอได้เรียนรู้ แต่ก็ต้องรีบปลูกฝังสิ่งที่เธออาจไม่ได้ถูกสั่งสอนมาเพื่อก้าวขึ้นไปเป็นนักกีฬาระดับอาชีพ โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ต่อตนเองในเกมกีฬากอล์ฟที่ผลการแข่งขันในสนามถูกจดลงบนกระดาษเพียงแผ่นเดียว
นอกจากนี้ บางคนยังเริ่มตั้งข้อสงสัยถึงความสามารถที่แท้จริงของโปรสาวมือ 244 ของโลก พร้อมกล่าวโทษฝ่ายจัดการแข่งขัน แอลพีจีเอ ทัวร์ ว่าพยายามสร้างภาพลักษณ์ให้ชื่อ "มิเชล วี" มีมูลค่าทางการตลาดเพื่อดึงดูดเม็ดเงินจากโฆษณาและผู้ชมทางโทรทัศน์ โดยไม่ใส่ใจเรื่องของฝีมือและวุฒิภาวะของเธอ
อย่างไรก็ตาม มิเชล วี ยังมีประโยชน์แก่วงการกอล์ฟหญิงอยู่บ้าง เนื่องจากเธอเป็นแรงดึงดูดสำคัญที่สามารถเรียกให้คนทั่วไปหันมาสนใจแอลพีจีเอ ทัวร์ ได้ โดยเฉพาะสาวๆ ที่มีเธอเป็นแบบอย่างว่าทุกคนก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น
สุดท้ายแล้วบทเรียนในครั้งนี้ สอนให้รู้ว่าหาก มิเชล วี ปรารถนาจะก้าวไปเป็นยอดโปรแถวหน้าของโลก เธอจำเป็นต้องเริ่มฝึกนิสัยการอยู่ในกฎระเบียบ หากชื่อคุณปรากฏอยู่บนสุดของลีดเดอร์บอร์ดในวันสุดท้ายของรายการเมเจอร์ คงไม่มีโปรรายใดยอมผิดพลาดเหมือนเช่นที่เธอกระทำอย่างแน่นอน