คุณเคยสงสัยกันรึเปล่าว่า ก่อนที่เราจะรักใครสักคน มันจะต้องมีเหตุผลอะไรประกอบบ้าง บางคนบอกว่า ก็เขาน่ารัก นิสัยดี สวย หล่อ และอะไรอีกมากมาย หลายคนอาจเชื่อในพรหมลิขิต ที่เบื้องบนดลบันดาลให้คนทั้งสองมาพบกัน แต่พอคิดอีกทีมันก็เป็นเรื่องที่ยากต่อการพิสูจน์ ปริทรรศน์วันนี้เรามีคำตอบให้คุณผู้อ่านคลายข้อสงสัยดังกล่าว แม้ว่าเรื่องที่เรากำลังจะนำเสนอยังต้องรอการพิสูจน์อย่างเป็นทางการอยู่
เคยสงสัยในความรู้สึกของตัวเองหรือไม่ว่า ทำไมเราถึงได้เกิดความรู้สึกรักใครบางคนขึ้นมาได้ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้หล่อ รวย หรือเป็นคนดีอะไร แล้วอะไรกันล่ะที่ทำให้เราหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือเขินอายเพราะทำอะไรเปิ่นๆ ออกไป
นิตยสาร Her World ได้อธิบายเรื่องสารฟีโรโมน ที่เขียนโดย นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ว่า สารฟีโรโมน เป็นสารที่มนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยกลิ่นเหมือนอย่างมดหรือผึ้ง แต่เราสามารถรับรู้ได้ทางสมอง สังเกตได้โดย เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปเจอคนที่ตรงสเปก หรืออยู่ดีๆ ก็เกิดความรู้สึกปลื้ม ชอบ ประทับใจขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ความรู้สึกนี้แหละที่เรียกว่าสารฟีโรโมนในร่างกายเรากำลังทำงาน ที่สำคัญอีกข้อคือถ้าผู้หญิงคนไหนที่ติดพ่อมาก หรือรักพ่อมากๆ หากเธอได้ไปพบเจอชายที่มีกลิ่นหรือนิสัยคล้ายพ่อเมื่อไหร่ ผู้หญิงคนนั้นมักจะตกหลุมรักเขาไปโดยไม่รู้ตัว
จากหลักวิทยาศาสตร์ สู่หลักความจริง
ตามหลังวิชาการคำว่า ฟีโรโมน (Pheromone) นั้นเกิดจากการรวมกันของคำในภาษากรีก "Pherein" ที่แปลว่า to carry และ "Hormon" ที่แปลว่า to excite โดยกลุ่มนักวิจัยยุคแรก คือ Karlson และ Luscher ได้คิดค้นคำนี้ในปี ค.ศ. 1959 และอาจเรียกฟีโรโมนว่า ecto-hormones กล่าวคือเป็นสารเคมีที่หลั่งออกจากร่างกายแล้วไปมีผลต่อพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตชนิด (สปีชีส์) เดียวกัน เช่น ฟีโรโมนที่มดหลั่งออกมาไม่ได้มีผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ และฟีโรโมนที่มนุษย์เราผลิตขึ้นก็มีผลต่อมนุษย์เราด้วยกันเองเท่านั้น เป็นต้น
เมื่อโมเลกุลของฟีโรโมนถูกหลั่งออกจากร่างกายทั้งจากระบวนการของร่างกายเราเองและปฏิกิริยาชีวเคมีของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น เช่น จากบริเวณรักแร้ สารคัดหลั่งที่อวัยวะเพศ น้ำปัสสาวะ และผิวหนังทั่วไป เป็นต้น เดินทางผ่านตัวกลางในอากาศ เมื่อจับกับตัวรับซึ่งคาดว่าเป็นตัวรับชนิดที่เรียกว่า Vemeronasal receptors ที่จมูก แล้วจึงส่งสัญญาณข้อมูลไปยัง Olfactory Bulb และประมวลผลขั้นสูงยังสมองส่วนต่างๆ ต่อ
ฟีโรโมนเป็นคำที่มาจาก คำภาษากรีก 2 คำรวมกันที่รวมกันแล้ว แปลความได้ว่านำเอาความตื่นเต้นมาให้ เป็นความตื่นเต้นในความรัก ตื่นเต้นที่จะได้มีการเจริญพันธุ์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า สัตว์ทุกชนิดในห้วงเวลาที่มีการเจริญพันธุ์นั้นจะมีการหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมา สารดังกล่าวเรียกกันว่าฟีโรโมน ส่วนมากแล้วจะหลั่งออกมาจากเพศเมีย เพราะต้องการเรียกให้ตัวผู้มาทำการผสมพันธุ์จะได้เจริญเผ่าพันธุ์ต่อไป ไม่สูญพันธุ์ไปเสียก่อน ต่อมาก็พบว่าปลาบางชนิดก็มีสารฟีโรโมนดังกล่าวด้วย เช่น ปลาฉลามและปลาแซลมอน ในสัตว์บกนั้นพบเกือบทุกชนิด และไม่เว้นแม้แต่สัตว์ปีกตัวเล็กๆ เช่น ตั๊กแตน ผีเสื้อ แต่ไม่พบในนก
โดยปกติแล้วฟีโรโมนเป็นสารที่ระเหยได้ และสร้างออกมาจากเพศหนึ่ง เพื่อกระตุ้นอีกเพศหนึ่งให้เกิดอารมณ์รักใคร่ อยากจะได้ไว้เป็นคู่ ฟีโรโมนออกฤทธิ์อย่างแรงในการกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกรักใคร่ อยากเป็นของกันและกันให้มากขึ้นในเผ่าพันธุ์เดียวกัน รับรองว่าฟีโรโมนของคุณไม่สามารถไปกระตุ้นม้าหรือช้างให้รักคุณได้เด็ดขาด
สารเรียกรักที่มากกว่า คำว่ารัก
เวลาที่พูดถึงฟีโรโมนนั้นมักจะเรียกกันว่า กลิ่นเรียกรัก แต่โดยแท้ที่จริงแล้ว ฟีโรโมนนั้นไม่มีกลิ่นที่รับรู้ได้จากทางจมูก ซึ่งกลิ่นที่ไม่มีกลิ่นดังกล่าวคนเราจะรับรู้ได้จากสมอง โดยฟีโรโมนจะหลั่งออกมาเพียงน้อยนิด แต่ก็สามารถที่จะเรียกคู่ได้จำนวนมหาศาล โดยปกติแล้ว ฟีโรโมนมักจะหลั่งออกมาจากเพศหญิงเพื่อที่จะให้ชายมาหลงรัก
คุณจำได้ใช่ไหมว่า ฟีโรโมนแท้ๆ นั้นไม่มีกลิ่น ดังนั้น รับรองว่าไม่ใช่กลิ่นที่เรียกว่าสาบสาวอย่างเด็ดขาด เป็นที่เชื่อกันมานานแล้วว่า สัตว์เพศผู้ทั้งหลายมีตัวรับกลิ่นเสน่ห์หรือฟีโรโมนดังกล่าวอยู่ในสมอง จึงสามารถที่จะหลงเสน่ห์เพศเมียได้ ในขณะที่สัตว์เพศเมียไม่มีตัวรับกลิ่นดังกล่าว จึงไม่มีการหลงเสน่ห์ตัวเอง ในสัตว์บกบางชนิดนั้น ตัวผู้ก็มีฟีโรโมนเหมือนกันและเป็นตัวกระตุ้นให้ตัวเมียเกิดการตกไข่ เช่น ในกระต่ายและหนูนั้นตัวเมียจะเกิดการตกไข่ก็ต่อเมื่อได้กลิ่นฟีโรโมนของตัวผู้เท่านั้น
ไม่เกิน 10 ปีที่ผ่านมาที่มีการสกัดเอาฟีโรโมนของมนุษย์เราออกมาได้เป็นผลสำเร็จ โดยสกัดเอาฟีโรโมนจากผิวหนัง ซึ่งเมื่อนำเอาสารสกัดดังกล่าวไปทดสอบกับอาสาสมัครจำนวน 40 คน ผลการทดลองนั้น อาสาสมัครตอบว่ามีความรู้สึกดี เป็นมิตร และอยากตอบสนองต่อความรัก พูดง่ายๆ ก็คือทำให้มีอารมณ์แห่งความรักนั่นเอง
และเนื่องจากเคยมีการวิจัยพบว่า ในน้ำหล่อลื่นและตกขาวตามธรรมชาติของผู้หญิงที่สะอาดนั้น มักจะมีกลิ่นที่ชวนให้วาบหวาม และบางกลิ่นระเหยออกมาจากจุดซ่อนเร้นของสัตว์บกที่เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดในบางห้วงเวลา เมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้ว ปรากฏว่าประกอบไปด้วยกรดไขมันบางชนิดที่มีโครงสร้างคล้ายฟีโรโมนด้วย และคุณผู้ชายที่พิสมัยการทำรักด้วยปากกับส่วนนั้นของแฟนคุณ เคยลองสังเกตดูบ้างไหมว่า ในบางช่วง เช่น วันไข่ตกกลิ่นจะเปลี่ยนไป บางครั้งพบว่าผู้หญิงจะมีกลิ่นสะอาด หอมเย้ายวนใจ ออกมาจากส่วนนั้นเหมือนกัน
ในปัจจุบันพบว่า ฟีโรโมนของคนเรานั้นจะหลั่งออกมาในปริมาณน้อยนิด จากน้ำมันบริเวณผิวหนังรอบๆ หัวนม, ใต้รักแร้ และบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
ฟีโรโมนของคนมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมน Dhea ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างมาจากต่อมหมวกไต เป็นต่อมเล็กๆ ที่อยู่เหนือไตทั้งสองข้าง แค่เหมือนเท่านั้น ไม่ใช่เหมือนทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าฟีโรโมนมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมน และออกฤทธิ์ต่อประสาทสมองส่วนจิตใต้สำนึกที่ทำให้คิดถึงเรื่องราวพื้นฐาน ซึ่งก็คือการเจริญพันธุ์ของมนุษยชาติ
ฟีโรโมนจึงทำให้เกิดอารมณ์รักใคร่ อารมณ์เพศ และกระตุ้นให้มีความต้องการทางเพศต่อเพศตรงข้าม ร่างกายของคนเราจะหลั่งฟีโรโมนออกมาก็ต่อเมื่อเจอกับเพศตรงข้ามที่พึงพอใจ และเมื่อตนเองมีอารมณ์เพศเท่านั้น คือ ทำให้เกิดความรัก และเพิ่มอารมณ์ที่จะมีสัมผัสรักทางกายต่อกันและกัน เมื่อคุณเกิดความรักในเขาและเธอ ฟีโรโมนก็จะหลั่งออกมา ไปกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับทราบถึงความรักและความสนใจที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการตอบสนองตามมา
มีการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่มีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอแล้วเกิดไปแต่งงานขึ้น เธอมีเพศสัมพันธ์กับชายคนรักอย่างสม่ำเสมอ ไม่ช้าไม่นาน ประจำเดือนของเธอก็มาเป็นปกติ แพทย์หลายท่านพยายามอธิบายว่า เกิดจากเซ็กซ์ที่สุขสมทำให้เกิดมีการหลั่งสารแห่งความสุขออกมา จนนอนหลับผ่อนคลาย ฮอร์โมนของการเจริญพันธุ์จึงหลั่งออกมาดี ทำให้มีประจำเดือนเป็นปกติได้
ตาโต แก้มยิ้ม ความรู้สึกแรกของความรัก
ขณะที่ รศ.ดร.นัยพินิจ คชภัคดี โครงการศูนย์วิจัยชีววิทยาระบบประสาทและพฤติกรรมสถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า สารฟีโรโมนในคนยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่ามีจริงหรือไม่ แต่ในจมูกคนจะมีเส้นประสาททั้งหมด 12 คู่ และเส้นประสาทคู่ที่ 0 ในจมูกจะมีเส้นประสาทที่เกิดฮอร์โมนชื่อ Vemeronasal เป็นเส้นประสาทที่มีในสัตว์แคระ เช่น มด ผึ้ง หนู กระต่าย ซึ่งในคนยังไม่มีการระบุว่ามีสารดังกล่าวอยู่ โดยโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีการวิจัยที่เสนอเกี่ยวกับฟีโรโมนในคนว่า กลิ่นรอบเดือนของผู้หญิงจะมีปฏิกิริยาด้านพฤติกรรมต่อเพศตรงข้าม และจากการวิจัยพบว่าเวลาที่นักศึกษาหญิงพักอยู่ในหอหญิงล้วน โดยไม่มีนักศึกษาชายอยู่ร่วมหอพัก รอบเดือนของนักศึกษาหญิงจะมาไม่สม่ำเสมอ แต่หากนักศึกษาหญิงพักในหอที่มีนักศึกษาชายรวมอยู่ด้วยมักจะมีรอบเดือนที่มาตามปกติ
ตามหลักฐานข้อหนึ่งที่เกิดขึ้นกับคนและมีลักษณะที่คล้ายกับสัตว์ชั้นต่ำคือ คนเราสามารถรับกลิ่นหอมต่างๆ ได้โดยใช้จมูกรับกลิ่น แต่คนเราสามารถรับกลิ่นที่เรียกว่ความหลงใหล ความชื่นชอบได้ทางสมอง ขณะที่สัตว์ชั้นต่ำจะมีสารดังกล่าวไว้เพื่อดึงดูดเพศตรงข้ามหรือป้องกันภัยจากศัตรู
ในปัจจุบันไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าคนเรามีสารฟีโรโมนอยู่ในร่างกายจริง แต่ก็มีการวิจัยอยู่เรื่อยๆ ที่ยังไม่มีข้อสรุป โดยมีการวิชัยชิ้นหนึ่งที่ชื่อว่าเซ็กซ์ฟีโรโมน การวิจัยดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ทางธุรกิจการค้ามากมาย และทำให้เกิดความตื่นตัวทางเพศในการทำงานร่วมกัน เซ็กซ์ฟีโรโมนยังเป็นพฤติกรรมทางเพศที่ศึกษาแล้วพบว่า สิ่งแรกที่จะทำให้คนเราหลงใหลได้ก็คือรูปร่าง หน้าตา รอยยิ้ม ซึ่งจะมีความสำคัญมากกว่ากลิ่น มันจึงขึ้นอยู่กับการมองเห็นมากกว่า อีกข้อคือความรักจะขึ้นอยู่กับวัยของคนด้วยว่ามีประสบการณ์มาอย่างไร และขึ้นอยู่กับทัศ
นคติของบุคคล หากจะกล่าวว่าผู้หญิงมักชอบผู้ชายที่เหมือนพ่อ และผู้ชายมักจะชอบผู้หญิงที่เหมือนแม่ก็ไม่ผิดนัก
ในประสาทการมองเห็นของคน ครั้งแรกที่พบกัน หากมีพฤติกรรมตาโต แก้มยิ้ม มักจะเป็นที่สนใจของเพศตรงข้าม หรือที่เรียกว่าซิมโบลิค พิคเจอร์ และหากได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น จนมีโอกาสได้ออกเดท เดินเที่ยว ทานข้าวด้วยกัน หรือคุยกันแล้วมีรสนิยมที่เหมือนกัน และถ้าเป็นช่วงที่เพศหญิงมีรอบเดือน ผู้หญิงจะยิ่งมีฮอร์โมนเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ร่างกายอบอุ่น ส่งผลมาถึงหน้าตาและทำให้สามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้มากขึ้น ส่วนผู้ชายก็จะมีกลิ่นกายเฉพาะตัว ซึ่งไม่ใช่กลิ่นเหงื่อ แต่เป็นกลิ่นหอมๆ ที่รับรู้ด้วยสมองมากกว่าจมูกในเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก ความหลงใหล การสื่อสารภายนอกร่างกาย เป็นการทำงานของสมอง
หญิง ชาย สัมผัสฟีโรโมนได้ต่างกัน
ปิยาภรณ์ รัตนโชติสกุล นักศึกษานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เล่าให้ฟังว่าเคยดูเรื่อง ของสารฟีโรโมนในรายการเมก้า เครฟเวอร์ วันนั้นเขาทดลองเอาฝาแฝดชายมา 2 คน และให้ทั้งสองคนแยกไปอยู่ในตู้ที่จัดไว้ให้ โดยในตู้หนึ่งมีสารฟีโรโมนที่สกัดมาแล้วอยู่ด้วย แต่อีกตู้หนึ่งไม่มี แล้วก็เชิญผู้หญิงมาร่วมรายการ 5 คน วิธีการเล่นก็คือให้พวกเธอทั้ง 5 คน ปิดตาให้สนิทแล้วให้ใช้ความรู้สึกของตัวเองเลือกว่าชอบที่จะอยู่ตู้ไหนมากกว่ากัน ซึ่งการทดลอปรากฏว่าตู้ที่มีสารฟีโรโมนมีผู้หญิงเลือกถึง 4 คน ส่วนตู้ที่ไม่มีสารฟีโรโมน มีผู้หญิงเลือกแค่คนเดียว
การทดลองดังกล่าว ทำให้รู้ว่าสารฟีโรโมนมีผลต่อการดึงดูดต่อเพศตรงข้ามจริง เพราะผู้หญิงทั้ง 5 คนต่างปิดตา มองไม่เห็นหรอกว่าคนที่เธอเลือกจะหน้าตาเป็นยังไง ที่สำคัญที่สุดเขาทั้งสองเป็นฝาแฝดกัน สิ่งที่ผู้หญิงทั้ง 5 คนเลือกจึงเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ดึงดูดจากเพศตรงข้ามมากกว่า
ปิยาภรณ์ ยังบอกอีกว่า ในส่วนตัวเธอเชื่อว่า สารฟีโรโมนมีอยู่จริง ถึงแม้ว่าจะไม่เคยดูรายการ เมก้า เครฟเวอร์ มาก่อนเธอก็เชื่ออย่างนั้นเพราะเธอเองก็เคยรู้สึกดี กับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเคยชอบ เธอเชื่อว่าผู้ชายทุกคนมีกลิ่นของตัวเอง ซึ่งทั้งเราและเขาต่างก็ไม่รู้หรอกว่า ไอ้กลิ่นที่ว่านี่มันเป็นยังไง เพราะมันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม หรือกลิ่นเหงื่อ แต่เรารู้แค่ว่ามันเป็นกลิ่นที่เกิดมาจากความรู้สึก กลิ่นดังกล่าวที่ว่านี่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดกับทุกคน มันเกิดได้เฉพาะบางคนเท่านั้น มันเป็นความรู้สึกของหัวใจที่มีอิทธิพล เป็นเหตุผลที่ไม่สามารถอธิบายได้
ด้าน โชติวรรณ รุจิประเสริฐวงศ์ หนุ่มเจ้าเสน่ห์ผู้มีประสบการณ์ในเรื่องของความรัก เล่าให้เราฟังว่า ฟีโรโมนเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาพร้อมกับกลิ่นตัวซึ่งมีอยู่ในร่างกายของเราทุกคน โดยแต่ละคนก็จะมีกลิ่นที่ต่างกันออกไป กลิ่นที่ว่านี่สามารถดึงดูดเพศตรงข้ามให้มาหลงเสน่ห์ตัวเราได้
“โดยส่วนตัวเชื่อว่า ฟีโรโมนเป็นสารที่สร้างความรู้สึกทางเพศได้ แต่ไม่ถึงขั้นเกิดความรักหรอก อย่างเช่นเราไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งสวยมากๆ แต่เขาดันผิดกลิ่นที่เราชอบ เราก็ไม่อยากจะคบ โดยส่วนตัวเราไม่รู้นะว่าผู้ชายทุกคนจะเป็นเหมือนเรารึเปล่า คือเราคิดว่าผู้หญิงที่อยู่ในช่วงก่อนที่จะมีรอบเดือนเขาจะดูสวย ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล น่ารักเลยแหละ มันคงเป็นช่วงที่ผู้หญิงมีฮอร์โมนเยอะมากกว่าปกติ จึงทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเสน่หา น่าหลงใหลในตัวของพวกเธอ” โชติวรรณ บรรยาย
แม้ว่าหลายคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สารฟีโรโมน สามารถสร้างกลิ่นที่รับรู้ได้ทางสมองจริง แต่เรื่องดังกล่าวก็ยังต้องมีการพิสูจน์กันต่อไป ในขณะที่หลายคนคิดว่าแล้วอะไรล่ะที่เป็นบทพิสูจน์ เรื่องของความรัก มันเป็นอะไรกันแน่ ฟีโรโมนหรือพรหมลิขิต หรืออะไรก็แล้วแต่
แต่สิ่งสำคัญที่สุดของคนที่กำลังมีความรัก หรือกำลังเสียใจ ผิดหวังอยู่ คือการใช้หัวใจและเหตุผลควบคู่กันในการตัดสินใจที่จะรักใครสักคน บางทีความรักอาจจะอยู่รอบๆ ตัวคุณ เพียงแต่คุณลองหยุด และก้าวเดินไปอย่างช้าๆ ดูบ้าง คุณอาจจะเจอก็ได้
*********************
อ้างอิงข้อมูลจาก
www.bloggang.com/viewblog.php?id=neuroguy&date
บทความของ นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ จากนิตยสาร Her World
********************
เรื่อง-ออรีสา อนันทะวัน