xs
xsm
sm
md
lg

รำลึก สำราญทอง เกียรติบ้านช่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ขณะที่เสียงสวดมนต์ของพระดังขึ้นเป็นจังหวะเสียงร้องไห้ก็พร่ำดังกระซิกสอดแทรกเข้ามาเช่นกัน เวลาย่ำค่ำของวันที่ 17 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ บนศาลาที่ 1วัดโสมนัสวิหาร ด้านหลังเวทีมวยราชดำเนินมีผู้มาเยือนหลายร้อยคนเพื่อมาเคารพศพ สำราญทอง เกียรติบ้านช่อง หรือรู้จักกันในนาม เจ้าไก่ นักชกผู้คร่ำหวอดอยู่ในสังเวียนมวยไทยมานานกว่า 10 ปี ซึ่งประสบอุบัติเหตุขับรถประสานงากับรถบรรทุกจนถึงขั้นเสียชีวิต ได้สร้างความตกตะลึงให้กับวงการมวยไทยไปตามๆ กัน เพราะคงไม่เคยมีใครคาดคิดว่าเขาจะอายุสั้นเพียงนี้


สำราญ ชูมณี มีชื่อเล่นว่า  “ไก่”  เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 16 ก.ค. 2514 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเอกพลศึกษาจากสถาบันราชภัฏจันทรเกษม เป็นนักชกมวยไทยระดับแนวหน้าค่าตัวเรือนแสนของค่ายมวย “เกียรติบ้านช่อง” ที่มี “ใหม่ เมืองคอน” เป็นเจ้าของ ดังในยุคสิบกว่าปีที่ผ่านมา ภายใต้การจัดของ ทรงชัย รัตนสุบรรณ โดยมีผลงานที่เป็นที่รู้จักกันดีในนาม รองแชมป์มวยไทย เวทีลุมพินี และรองแชมป์มวยไทย เวทีราชดำเนิน ใช้ชื่อในการชกมวยว่า “สำราญทอง เกียรติบ้านช่อง” เป็นน้องชายของ “เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง”อดีตแชมป์มวยไทยหลายรุ่นก่อนจะผันตัวเองมาเป็นครูมวย หลายคนเรียกติดปากว่าครูเป็ด เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง แชมป์มวยไทยรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวต 115 ปอนด์ รุ่นเฟเธอร์เวต 126 ปอนด์ และแชมป์มวยไทยโลก รุ่นไลต์เวต 135 ปอนด์

ครอบครัวชูมณี มีพี่น้องด้วยกัน 9 คน ครูเป็ดเป็นลูกคนที่ 7 ส่วนไก่เป็นลูกคนที่ 8 ชีวิตในวัยเด็กของสองพี่น้อง ชอบศิลปะแม่ไม้มวยไทยด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองสนิทกันมาก คลุกคลีอยู่ด้วยกันมาตลอด เป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่น้องตอนที่ครูเป็ดอายุ 12 ปี ส่วนไก่ อายุ10 ปี พวกเขาเกิดห่างกันสองปี ในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เขาจะชอบดูแข่งมวยด้วยกันทางโทรทัศน์ พอดูแล้วก็จำท่า เตะ ต่อย ของนักมวย แล้วก็เอามาหัดเล่นกันตามประสาเด็ก แต่ใครจะไปรู้ว่า ความชื่นชอบมวยไทยตั้งแต่วันนั้นจะพาทั้งสองคนเดินมาถึงฝั่งฝันได้

ด้วยความฝันและความพยายามก็เป็นจริงได้เมื่อครั้งครูเป็ดอายุได้ 12 ปี เขาขึ้นชกครั้งแรกก็ชนะเลยได้รับเงินจำนวน 100 บาท และก็ชนะมาเรื่อยๆ มาแพ้เอาครั้งที่ 21 ซึ่งมันก็ทำให้เขามีจุดความหวังที่จะต้องเอาชนะในครั้งต่อไปให้ได้โดยอาศัยความพยายามและขยันหมั่นเพียรเพิ่มเป็นสองเท่า ในช่วงที่เขาขึ้นมาเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ตอน ม. 4 เขาเรียนที่โรงเรียน วิมุติยาราม ย่านพระราม 7 ครั้งนั้นมีคนแนะนำให้เขารู้จัก “ใหม่เมืองคอน”ซึ่งเป็นหัวหน้าค่าย ครูเป็ดอยู่กับเขามาตลอด เรียนไปด้วยชกมวยไปด้วย ในช่วงเช้าพอวิ่งเสร็จก็มาซ้อมมวยต่อ เขาใช้ชีวิตแบบนั้นทุกวัน ช่วงเวลาไม่นานไก่ก็ตามครูเป็ดขึ้นมากรุงเทพฯ ไก่เรียนที่โรงเรียนผดุงสิทธิ์วิทยา ในตอนนั้นค่าตัวครูเป็ดจากหลักร้อยก็เพิ่มไปเป็นหลักหมื่น ครูเป็ดส่งเงินกลับบ้านให้แม่ตลอด ขณะที่ครูเป็ดเรียนอยู่มัธยมปลายเขาก็คว้ารางวัลแชมป์เปี้ยนไปครอง ซึ่งกว่าจะได้มาช่างยากเย็นเหลือเกิน ต่างจากการชกมวยในสมัยนี้ เวลาต่อมาค่าตัวครูเป็ดได้พุ่งสูงถึงหลักแสน และตีคู่มากับน้องชาย

จากคำบอกเล่าของพี่ชาย

เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง เล่าความรู้สึกให้ฟังว่า ตอนแรกที่มีคนมาบอกว่าน้องชายเสียชีวิตแล้ว ก็ยังไม่เชื่อ แต่พอโทรไปหาเพื่อนๆเขาก็ร้องไห้กัน วันนั้นตนอยู่ในระหว่างออกงานโชว์ตัวชกโชว์มวยไทยที่จังหวัดระนอง ในตอนเช้ามีคนโทรมาบอกว่าไก่ขับรถส่วนตัวชนกับรถบรรทุก ย่านถนนรามอินทรา ตอน 04.00 น. จึงรีบกลับมากรุงเทพฯ ในใจตอนนั้นรู้สึกเสียใจมากจนไม่กล้าบอกแม่ ในวันนั้น เขามีงานปาร์ตี้ที่ออฟฟิส ก็คงจะดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็คงไม่มากพอจนเป็นเหตุให้เขาขับรถชนหรอกคิดว่าเขาน่าจะหลับในมากกว่า ไม่น่าเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ เพราะเท่าที่ดูเขาเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน ขับรถก็ไม่เร็ว เวลาขับตามยังต้องบีบแตรไล่เลย เขาทำงานเป็นผู้จัดการคอนโดฯ ย่านทาวน์ อินทาวน์และเมื่อสองถึงสามวันที่แล้วก็ยังเจอไก่อยู่เลย มานั่งกินข้าวด้วยกัน ส่วนตัวไม่เคยมีลางสังหรณ์อะไรเลยว่าเขาจะเสีย ไม่คิดว่าเขาจะไปเร็วขนาดนี้

“ลักษณะนิสัยของไก่เป็นคนนิสัยดีมากนี่ผมไม่ได้ยอน้องนะ ทุกคนรู้ดี ตอนมาเรียนแรกๆ ไม่ค่อยพูดนิ่งๆ เงียบๆ แต่พอมาอยู่ในกลุ่มนักมวยก็เป็นคนตลก ร้องเพลงเฮฮา เวลาที่เราขึ้นชกไฟท์ใดแล้วพลาดหวังก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา แต่ผมก็บอกน้องว่ากีฬาย่อมมีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา และก็ไม่ต้องไปคิดมาก ต้องคิดว่าครั้งนี้แพ้ครั้งหน้าต้องขยันมากกว่าเดิม คราวหน้าต้องทำให้ดีมากกว่าเดิม ตั้งแต่ต่อยมวยมาก็ไม่เคยคิดล้มมวย เพราะถ้าทำอย่างนั้นผมก็คงจะกลายเป็นคนไม่มีวัฒนธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์ในอาชีพของตัวเอง ผมเรียนจบ ม. 6 แล้วมาเรียนต่อที่สถาบันราชภัฏจันทรเกษม ตอนนั้นยังไม่เป็นมหาวิทยาลัย เรียนเอกพละศึกษา ซึ่งไก่ก็เรียนเหมือนผม เราอยู่เคียงข้างกันมาตลอดร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา พวกเราเดินมาถึงตรงนี้ด้วยความยากลำบากก็ภูมิใจที่สร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลของเราได้สำเร็จ ที่บ้านผมมีอาชีพทำสวนยาง ซึ่งพวกเราก็ช่วยกันทำมาตลอด พอมาอยู่ที่กรุงเทพฯก็ไม่ได้ช่วยทำ แต่ไก่เขาจะมีสวนยางเป็นของตัวเอง เขามีลูกหนึ่งคน ชื่อน้องปุ๊กกี้ ตอนนี้อายุได้ 3 ขวบแล้ว กำลังน่ารักเลย

“ด้านการชกมวยผมประทับใจในตัวของไก่ เรื่องการออกหมัดกับศอก คือเขาเทคนิคดีมาก มีผ่อนหนักเป็นเบา ก็โอเค ในสายตาผม ช่วงเวลาที่ไก่ยังอยู่เขาตั้งใจว่าจะซื้อบ้านให้ครอบครัวอยู่ ผมรักไก่มาก และจะรับหน้าที่ดูแลครอบครัวของเขาต่อไปถ้าหากตอนนี้ไก่เขายังไม่ไป ผมอยากจะบอกกับเขาว่า ขอให้เขาหายไวๆ ไก่อ้วนมากเลย ทำไมไม่ค่อยดูแลสุขภาพตัวเอง บอกหลายครั้งแล้วว่าให้มาช่วยสอนมวย โหมงานหนักตลอด อยากให้ไก่มาออกกำลังกายที่ค่ายมวย มาช่วยพี่สอนมวย” ผู้เป็นพี่ชายเล่าความรู้สึกออกมา และทุกคนในครอบครัวก็ต่างอยู่ในวังค์วนของความเศร้า ความรักของคนในครอบครัว

เพ็ญสุภา จินดานิล ภรรยาสำราญทอง เล่าว่า ตอนนั้นยังนอนอยู่แล้วก็มีคนที่โรงพยาบาลโทรมา เขาก็บอกว่าคุณสำราญอยู่โรงพยาบาล พี่ก็ถามว่าเป็นอะไรเหรอ ร้ายแรงมั้ย แล้วก็เลยรีบไปเลยค่ะ มีญาติโทรมาเป็นระยะๆ เมื่อไปถึงเห็นคนข้างๆร้องไห้ ก็คิดว่าคงจะไม่อยู่แล้วหละ น้องปุ๊กกี้ก็ไปด้วยกัน ตอนนั้นคุณไก่ก็เหมือนคนนอนปกตินี้แหละ ก็ไม่ได้บอกอะไรกับลูกหรอก บอกเขาว่าพ่อไก่ไม่สบาย เขาก็ถามว่าพ่อไก่อยู่ไหนเขาก็เห็นว่าแม่ร้องไห้ เขาก็บอกว่าอย่าร้องไห้สิแม่อ้อมร้องไห้ทำไม

ไก่เขาทำงานหนักมาก เอาจริงเอาจังกับงานมาก ต้องเต็มที่กับการทำงาน เขาเป็นผู้จัดการทั่วไป พักผ่อนน้อย ส่วนอ้อมเองก็สอนหนังสืออยู่ที่ โรงเรียนสารสาสน์ วิเทศน์ นิมิตรใหม่ สอนชั้นอนุบาล น้องปุ๊กกี้เรียนที่นั่น เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 แล้ว ก่อนที่พี่ไก่จะจากไปเขาตั้งใจไว้ว่าจะซื้อบ้านมือสองให้ สั่งจองไว้แล้วกับธนาคาร เขามาบอกว่าอนุมัติแล้วนะ แต่ยังไม่รู้รายละเอียด มัดจำ สามหมื่นห้า เขาไปดูตลอดเลย แต่สุดท้ายความหวังนั้นก็ดับวูบลง ตอนนี้ก็ทำงานเลี้ยงลูกคนเดียวตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้หรอก ยังคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลา

ด้านอบ ชูมณี ผู้เป็นแม่ของครอบครัวชูมณี พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า “แม่เสียใจ เสียใจมากที่ลูกจากแม่ไป แม่อยากอาบน้ำให้ลูกก่อน เลี้ยงดูพวกเขาทั้ง 9 คนแบบธรรมดานี่แหละ ไม่ได้มีหลักอะไรมาก เด็กสมัยก่อนเลี้ยงง่าย ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้แม่เลี้ยงลูกมาคนเดียวตั้งแต่ เป็ด ไก่ยังเล็กๆ เท่ากับน้องปุ๊กกี้นี่แหละ พ่อเขาก็มาเสียไป แม่ก็ทำสวนยางพาราเลี้ยงลูก 50 กว่าไร ตอนนั้นราคายาง กิโลละ 6 บาทถูกมาก แต่ตอนนี้กิโลละ 80 บาท เดือนหนึ่งก็มีรายได้ 5-6 หมื่นบาท พี่ของไก่อีก 5 คนก็อยู่ที่บ้าน

“ตอนแรกที่รู้ว่าลูกเป็นนักมวยก็ไม่อยากให้เป็นหรอก แม่ก็กลัวว่าลูกจะเจ็บ แต่พอเห็นเป็ด ไก่กลับมาจากโรงเรียน ก็ซ้อม เห็นว่าเขาชอบจริงๆ ก็ห้ามไม่ได้เพราะเขามีใจรักจึงสนับสนุนแทน ตอนเด็กๆ ไก่เขาเป็นคน ตลก เพื่อนๆ ก็ชอบเขา เขาบอกแม่ตลอดว่าอยากเป็นอะไร ถ้าเขาอยากทำอะไรแม่จึงไม่ขัด เราก็ตามใจลูก อาหารการกินเราก็อยู่กันอย่างง่ายๆ มื้อหนึ่งทำกับข้าวไม่เยอะหรอก ก็อยู่กินกันธรรมดา ถ้าไก่อยู่แถวนี้แม่อยากบอกไก่ว่าไปดีนะลูก ขอให้ชาติหน้าเราได้มาเป็นแม่ลูกกันอีก” แม่อบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า

เสียงสั่นเครือเจือน้ำตาของผู้เป็นแม่ ยังคงสะท้อนและกังวานอยู่ในห้วงแห่งความคิด บัดนี้อดีตนักมวยชื่อดังได้ล่วงลับไปแล้ว แต่ตำนานของเจ้าไก่ “สำราญทอง เกียรติบ้านช่อง” ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของแฟนมวยชาวไทย และครอบครัวของเขาตลอดไป

เรื่องโดย ออรีสา อนันทะวัน






จากนักชกสู่ครูสอน เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง

แม้น้องชายที่ร่วมฝ่าฟันเส้นทางสู่สังเวียนมาด้วยกันจะด่วนจากไปก่อนเวลา แต่ปณิธานของผู้เป็นพี่ชายอย่างเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ยังคงมุ่งมั่นแน่วแน่บนหนทางแม่ไม้มวยไทยต่อไป เพียงแต่ผันตัวจากนักชนบนเวทีมาเป็นผู้ฝึกสอนศิลปะแม่ไม้มวยไทยแทนเท่านั้น

เจริญทองเล่าว่าเมื่อพูดถึงเรื่องชกมวยสิ่งที่ทำให้เขามาถึงจุดตรงนี้ได้ ก็เพราะความขยันในการซ้อม “ผมเป็นคนขยันมาก และเป็นนักมวยคนแรกของพี่ใหม่ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับค่าย ตอนแรกที่เข้ามามีพี่ อ๊อด จันดีโลหะ มาแนะนำให้รู้จักกับพี่ใหม่เมืองคอน เป็นนักข่าวหนังสือมวย และเขาก็สร้างข่าวให้ อาชีพนักมวยเป็นความฝันของผมเลย เพราะเมื่อมองย้อนลงไปการชกมวยคือสิ่งที่ผมถนัดมากที่สุดและไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปทำงานอะไร ถึงจะเจ็บก็ต้องทน เพราะคนที่ชกมวยเขาก็ต้องเจ็บด้วยกันทั้งนั้น ผมก็ไม่ใช่มวยบู้ล้างผลาญ มีเทคนิคในการต่อสู่อยู่แล้ว ตัวผมจะใช้ขาเตะ และศอก ส่วนไก่ก็ใช้หมัด กับศอก เมื่อมีเวลาว่างเราก็จะมาช่วยสอนเทคนิคการชกให้กันและกัน

“เราสองพี่น้องต่างแขวนนวมมานานกว่า สิบปีแล้ว ผมจึงหันมาเปิดโรงเรียนสอนมวยไทย อยากจะรักษาวิชาความรู้ที่มีสอนให้คนอื่นเผื่อเพื่อพวกเขาจะได้เอาไว้ป้องกันเมื่อยามมีภัย กลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กและเยาวชน ช่วงแรก เปิด 08.00 น. เลิก 20.00 น. ด้วยความรู้ที่ผมจบพละมาและ เคยไปสอนที่อเมริกา รัฐเทคซัสอยู่ประมาณเกือบปี จึงเอาแนวคิดนี้มาปรับปรุง ดัดแปลงเปลี่ยนเป็นความรู้ในการสอนมวย และตกแต่งสถานที่เพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งเด็กๆ ที่มาก็ชอบเพราะเราเน้นสอนยังไงให้เด็กสนุกมีความรู้ แถมยังให้เด็กๆ ได้ออกกำลังกายสุขภาพแข็งแรง ที่สำคัญด้วยความใจดีของตัวผู้สอนเอง เด็กจึงชอบ ตอนแรกมีมามาเรียนคนสองคน แต่ตอนนี้ก็เกือบ 500 คนได้ มีผู้หญิงประมาณ 20 % นักเรียนของผมมีตั้งแต่ 6 ขวบ จนถึง 40 แต่กลุ่มที่เยอะที่สุดคือพวกเด็กๆ สนนราคาที่คอร์สละ 3,500 บาทเปิดทุกวัน เว้น วันจันทร์ เปิด 10-12 , 15-17 ,18-20 ย่านรามคำแหง 39

"สำหรับฮีโร่ในดวงใจของผมคือ สามารถ พยัคฆ์อรุณ อดีตแชมป์มวยไทยและมวยสากล เจ้าของฉายา "เพชฌฆาตหน้าหยก"เป็น ผมชอบพี่มารถมาก เป็นนักชกในดวงใจเลย และทุกครั้งที่ขึ้นชกผมมีเครื่องรางไว้เตือนใจตลอด อันดับแรกคือพ่อแม่ ตามมาด้วยครูบาอาจารย์ และท้ายสุดคือพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เป็นพระชื่อดังแถวภาคใต้" ครูเป็ดบอกอย่างภาคภูมิใจ

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเราจะขึ้นชกตอนไหนเรื่องสุขภาพ การดูแลตัวเองเป็นประจำคือสิ่งสำคัญมากที่สุด ถึงแม้ว่ามวยไทยจะเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ แต่กลับไม่ค่อยได้รับความสนใจจากรัฐบาลเท่าที่ควร เขามองไม่เห็นในสิ่งเล็กน้อยแต่เป็นประโยชน์เป็นหน้าตาของประเทศชาติ ครั้งหนึ่งในอดีตครูเป็ดเคยไปประชุมที่สภา เรื่องการบรรจุให้มวยไทยเข้าไปอยู่ในหลักสูตรการเรียนของสถาบันการศึกษา ในรูปของตำราเรียนจะอยู่ในหลักสูตรนักเรียนชั้นมัธยมต้น หรือปลายแต่ก็ได้ แต่กลับไม่มีใครเห็นด้วย ซึ่งถ้าหากมีคนต่างชาติมาถามคุณว่าอะไรคือเอกลักษณ์ประจำชาติ คุณจะตอบเขาว่าอะไร คำตอบส่วนใหญ่ก็คือหนีไม่พ้น มวยไทยเพระมันเป็นวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยเป็นสิ่งที่ควรอนุรักษ์ไว้ และมวยไทยเป็นศิลปะการป้องกันตัวที่สวยงามในแบบต้นฉบับของคนไทย คือต้องไหว้ครู้ก่อนด้วยลีลาท่าทางอ่อนช้อยด้วยและแข็งแกร่งในการต่อสู้ ด้วยท่าที่หนุมานถวายแหวน มณโฑนั่งแท่น อิเหนาแทงกริช เอราวัณเสยงา จระเข้ฟาดหาง หนูไต่ราว ญวนทอดแห ฯลฯ โดยที่ชาติอื่นไม่มี

"ส่วนตัวผมไม่อยากกลับไปชกมวยอีกแล้ว เพราะด้วยสภาพร่างกาย และอายุที่ย่าง 39 ปีแล้ว เป็นครูสอนมวยไทยนี่แหละดีกว่า ได้สอนให้คนอื่นมีความรู้ โดย 2 ปีแรกที่เปิดค่ายมวย ไก่ก็มาช่วยตลอดแต่หลังๆก็ไม่ค่อยมาเพราะงานเยอะมาก แม้ผมจะไม่ได้ชกมวยแล้วผมก็ยังดูแลร่างกาย สุขภาพตลอด คนในครอบครัวผมด้วยจึงไม่เคยไปนอนเจ็บที่โรงพยาบาลเลย ขนาดแม่ อายุ 73 ยังสุขภาพดีอยู่

"ตอนเด็กครูเป็ดบอกว่าเป็นคนเลี้ยงง่ายไม่เคยเกเร เป็นวัยรุ่น ไม่เกเรไม่สูบบุหรี่ จบ ม.6 ยังกินเหล้า สูบบุหรี่ไม่เป็นเลย ยังจีบสาวไม่เป็นเลย พอมาต่อยมวย ก็กลับไปสร้างบ้านให้แม่ และมีโรงยิมศูนย์กีฬาที่บ้าน ชื่อศูนย์ กีฬาเจริญทอง มีสนามมวย สนามตระก้อ มีสนามฟุตบอล ที่อ.ทุ่งใหญ่ สร้างได้ประมาณ 3-4 ปีแล้ว ตอนเปิดงานครั้งแรก ได้จัดงานใหญ่มาก มีนักร้อง และตลกมาร่วมงานมากมาย ปัจจุบันครูเป็ดมีลูกสองคน คนโต 3 ขวบ คนเล็กขวบกว่าเป็นผู้ชายทั้งสองคนเลย อนาคตครูเป็ดไม่อยากให้ลูกเป็นนักมวยเหมือนเขา แต่อยากให้มีความรู้ในการป้องกันมากกว่า เหตุผลก็คือสงสารกลัวลูกเจ็บ ไม่อยากให้เขาเจริญรอยตามหรอก เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินผ่านมาได้ยินคำสนทนาของเราจึงเอ่ยถามว่า

“หากวันหนึ่งลูกเป็ดแอบไปชกมวยโดยไม่บอกหละจะทำไง”
ครู เป็ดรีบตอบพร้อมยกมือโบกทันที “ไม่ได้ๆ ลูกผมต้องอยู่ในความดูแลผมตลอด” ครูเป็ดยิ้มเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามครูเป็ดได้มีเด็กในสังกัดสองคนคือ ศักดิ์วุฒิ เจริญทอง กับ เศษมณี เจริญทอง ที่อยากจะปั้นให้เขาเป็นนักชกที่มีความสามารถ ทุกเช้าจะพาเขาไปวิ่งที่ สนามกีฬาหัวหมาก และกลับมาอาบน้ำและไปโรงเรียนต่อ ทั้งสองเป็นญาติแถวบ้าน เขาสองคนเหมือนเป็นภาพสะท้อนตัวครูเป็ดกับไก่ในวัยเด็กที่เรียนหนังสือด้วย ชกมวยไปด้วย ไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ ขณะที่เด็กสมัยนี้เกเรมาก ครูเป็ดอยากให้เอาแบบเด็กสองคนนี้เป็นตัวอย่างคือต้องขยัน และเมื่อชกมวยได้เงินมาแล้วก็อย่าเที่ยวหมด ต้องรู้จักเก็บอดออม

กำลังโหลดความคิดเห็น