xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิตบนแผ่นฟิล์ม "จันทร์นภา สายสมร"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ความฝันกับความจริงมักจะเดินสวนทางกันเสมอ เช่นเดียวกับเธอ "จันทร์นภา สายสมร" ที่วัยเด็กใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นหมอ แต่โชคชะตาฟ้าลิขิตให้เธอเลือกเรียนผิด...ขณะเดียวกัน เธอค้นพบตัวเองว่าไม่มีความชำนาญด้านนี้...ฝันจึงเปลี่ยน...จากหมอมาเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ สักอย่าง สุดท้ายด้วยความบังเอิญปีสุดท้ายของการเรียนปริญญาโท เธอมีโอกาสศึกษาตลาดฟิล์มกรองแสงในไทย และจากจุดนั้นธุรกิจที่ไม่คาดฝันก็เริ่มต้น

เธอกลายเป็นเจ้าของธุรกิจคลายร้อนหรือฟิล์มติดรถยนต์และอาคารจากอเมริกา ภายใต้ชื่อ "ลามิน่า" และ "ลูมาร์" พร้อมกับขยายสินค้าให้หลากหลายเพิ่มขึ้นทั้งฟิล์มนิรภัย ฟิล์มปกป้องสีรถ ฟิล์มตกแต่ง และอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการติดตั้งฟิล์ม

ด้วยบุคลิกที่ดูมั่นใจเยี่ยงชายชาตรี ทำให้เธอนำพาบริษัทติดฟิล์มเล็กๆ ก้าวขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งในตลาดฟิล์มติดรถยนต์เมืองไทย...เธอทำได้อย่างไร เก่งขนาดไหน อะไรคือกุญแจของความสำเร็จ...

เรื่องราว-ชีวิตบนแผ่นฟิล์มของเธอจึงน่าค้นหา

จากเด็กน้อยผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นหมอแต่จับพลัดจับผลูเข้าไปเรียนเทคนิคการแพทย์แทนด้วยความเข้าใจผิด แม้จะไม่ตรงใจแต่ก็สามารถเรียนจนจบการศึกษา จากนั้นมาทำงานตามสายอาชีพดังที่ได้สู้เล่าเรียนมา และก้าวหน้าตามลำดับ

สุดท้ายเมื่อสิ่งที่เรียนไม่ใช่ ..งานก็ไม่ชอบ.. เธอจึงต้องตัดสินใจเรียนต่อ และบังเอิญได้ศึกษาเรื่อง "ตลาดฟิล์มกรองแสงในเมืองไทย" เลยเห็นช่องว่างของตลาดและไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปเฉยๆ ทำให้วันนี้ชื่อของเธอ "จันทร์นภา สายสมร" กลายเป็นที่รู้จักพร้อมกับชื่อ "ลามิน่า" ในฐานะเจ้าตลาดฟิล์มกรองแสงอันดับ 1 ของเมืองไทย

ติดตามเรื่องราวชีวิตบนแผ่นฟิล์มของเธอได้ ....

"ตอนนั้นเลือกเรียนเทคนิคการแพทย์เพราะเข้าใจผิด..คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการออกแบบเครื่องมือการแพทย์หรือวิศวะ แต่พอไปเรียนจริงๆก็พบว่าตัวเองไม่มีความชำนาญในด้านนี้ จึงเปลี่ยนความฝันว่าจะมีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเองสักอย่าง

หลังจากเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมหิดลจึงเริ่มต้นทำงานเป็นเซลส์ขาย เครื่องมือการแพทย์อยู่ 7 ปีจนเลื่อนตำแหน่งมาเป็นหัวหน้าฝ่ายแล้วลาออก จันทร์นภา เล่าถึงความหลัง

แต่ระหว่างทำงานเธอได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาการบริหารที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปีสุดท้ายของการเรียนกลุ่มของเธอเลือกทำแผนธุรกิจของตลาดฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย... นี่คือจุดเริ่มต้นของเธอกับฟิล์ม "ลามิน่า"

"ในช่วงการทำวิจัยทำให้ทราบว่าภูมิอากาศบ้านเราร้อน ตลอดทั้งปีประกอบกับปัญหารถติด การติดฟิล์มกรองแสง จึงเหมาะมากสำหรับเมืองไทย ขณะเดียวกันคู่แข่งในตลาด มีน้อยแต่ก็เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งมาก เราจึงสนใจและอยาก เป็นทางเลือกใหม่ของลูกค้ามากกว่าจะมาต่อสู้กับบริษัทใหญ่"

ภายใต้การริเริ่มของจันทร์นภา ผสานความมุ่งมั่นตั้งใจ ศึกษาและสำรวจความต้องการของตลาดฟิล์มกรองแสงในเมืองไทยอย่างเป็นระบบ ทำให้เธอตัดสินใจก่อตั้ง บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2538 ในฐานะบริษัทผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์, ฟิล์มอาคาร, ฟิล์มตกแต่ง และอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการติดตั้งฟิล์ม ซึ่งนำเข้าจากอเมริกายี่ห้อ "ลามิน่า" ส่วนฟิล์มปกป้องสีรถ, ฟิล์มนิรภัย ใช้ชื่อยี่ห้อ "ลูม่าร์"

ช่วงเริ่มต้นธุรกิจย่อมมีอุปสรรคไม่ต่างจากคนอื่น จันทร์นภาเอ่ยถึงความยากของการทำธุรกิจว่า ข้อแรกคือการหาคน มาร่วมงานเพราะบริษัทฯเป็นเพียงห้องแถวเล็กๆ ดูไม่มั่นคง บวกกับหลักการบริหาร พี่คิดว่าต้องใช้คนจำนวนน้อยสุดเพื่อให้เกิดประโยชน์มากสุด ..สุดท้ายเธอก็ได้เพื่อนร่วมชะตากรรมทั้งหมด 8 คน

ข้อสองคือเรื่องของการขายสินค้าเพราะต้องควักเงินสดเพื่อซื้อสินค้าและกว่าของจะขนถ่ายมาทางเรือก็ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนและขายไปพร้อมให้เครดิตลูกค้า 2 เดือนและเผื่อเวลาสินค้าหมุนเวียนอีก 2 เดือนรวม 6 เดือน ยิ่งขายดี ยิ่งไม่มีเงินเพราะเงินไปหมุนอยู่ในตลาดหมดช่วงเริ่มต้น... ซื้อสินค้าบ้าง เป็นหนี้ลูกค้าบ้าง กว่าจะเข้าที่ เข้าทางล่วงเลยมาถึงปีที่ 3 แต่ปัญหาก็ยังตามมาอีกเพราะในปี 40 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจทรุดตัวทำให้หวั่นใจเหมือนกันว่าจะไปไม่รอดแต่ในที่สุดก็ผ่านมาได้จนถึงวันนี้

ด้วยบุคลิกที่จริงจังกับการทำงาน เป็นผู้บริหารหญิงเหล็ก สู้ยิบตา ไม่มีการท้อถอย กล้าคิด กล้าทำ เสริมแรงด้วยกองทัพทีมงานที่แข็งแกร่งทำให้การขับเคลื่อนองค์กรเป็นไปอย่างรวดเร็ว

เหนืออื่นใด เธอยังมีหลักในการบริหารงานอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และอธิบายได้ทุกขั้นตอน ตามแนวทางธรรมาภิบาล (Corporate Good Governance) ที่มุ่งเน้นให้ข้อมูลเรื่องฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคมากที่สุด จนกระทั่งปี 2004 บริษัทได้รับรางวัลตราสินค้าได้รับความนิยมและเชื่อมั่นสูงสุด หรือ Super Brands Awards จนถึงปัจจุบันนับเป็นเครื่องมือการันตี ให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกมั่นใจในสินค้าของลามิน่า

"สิ่งที่เป็นจุดแข็งของเราคือ การให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคอย่างถูกต้อง ซึ่งผู้ประกอบการกลุ่มหนึ่งมักจะให้ข้อมูลที่ผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทดสอบการป้องกันความร้อน การทดสอบการป้องกันรังสียูวี ทำให้ลูกค้าสับสนกับข้อมูลและอาจจะเลือกติดตั้งสินค้าไม่ได้มาตรฐาน"

นอกจากการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว การอบรมช่างติดฟิล์มและพนักงานให้สามารถดูแลลูกค้าให้ดีที่สุดเป็นสิ่งที่เธอให้ความสำคัญมากเช่นกันเพราะเมื่อ 12 ปีก่อนการติดฟิล์มจะอาศัยแค่ความชำนาญของช่างทำให้ไม่มีมาตรฐาน

จากจุดอ่อนนี้เอง จึงทำให้เกิดแนวคิดการยกระดับมาตรฐานการติดตั้งฟิล์มของศูนย์ตัวแทนจำหน่ายลามิน่าให้เทียบเท่าระดับสากล ด้วยการฝึกอบรมเทคนิคการติดตั้งอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องให้แก่ผู้จัดจำหน่ายฟิล์ม ลามิน่า

ถึงวันนี้ จันทร์นภา บอกว่า การรักษาแชมป์ยากกว่าการเป็นแชมป์ เพราะเมื่อ ก้าวมาถึงจุดสูงสุดในการเป็นผู้นำตลาดแล้ว ลามิน่ายังต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการตอบแทนสังคมด้วยการสร้างโรงเรียนในโครงการ "ลามิน่าสานฝันเด็กไทย ได้เล่าเรียน"

สำหรับในปี 2551 ผู้หญิงแกร่งคนนี้มั่นใจและยืนยันว่าจะยังรักษาความเป็นเจ้าตลาดได้อย่างแน่นอน แม้ว่าตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์จะตกลงไปบ้างตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ธุรกิจฟิล์มยังสามารถขยายฐานสินค้าออกไปได้อีกและบริษัทยังคงเดินหน้าอย่าง ต่อเนื่องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาสินค้าเข้ามาเพิ่มเติม โดยในช่วงที่ผ่านมา มีการเปิดตัวฟิล์มนิรภัยภายใต้แบรนด์ "ลูม่าร์" รวมถึงการขยายเครือข่าย "ลามิน่า เอ็กซ์คลูซีฟชอป" ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

เพราะชีวิตคือการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ด้วยเหตุนี้หลังจากมีเวลาว่างจากงาน จันทร์นภาจึงมีกิจกรรมหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการขับเครื่องบินเล็ก การวาดภาพ สะสมหนังสือ เล่นดนตรี เล่นกีฬา หรือล่าสุด การเลี้ยงปลา

"สิ่งที่ทำมันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์รวมถึงการทำงาน ชีวิตที่มีความหมาย คือ ชีวิตที่รู้จักประมาณตน ให้โอกาสคนอื่นรวมถึงการไม่สิ้นหวังและอย่าละทิ้งความฝัน ของตัวเอง"

ทุกวันนี้ชีวิตบนแผ่นฟิล์มของเธอยังเดินหน้าต่อไปอย่างไม่ย่อท้อพร้อมความหวังให้ "ลามิน่า" อยู่ในใจของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ...ถึงแม้เธอจะพลาดโอกาสที่จะเป็นหมออย่างที่ฝันไว้ แต่ "จันทร์นภา สายสมร" ก็ประสบความสำเร็จและมีความสุขในการทำธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจพอเพียง

ที่สำคัญเป็นบทพิสูจน์ว่าเธอคือสาวแกร่งที่มีความมั่นใจและเป็นผู้นำในการบริหารด้วยความสามารถที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง ....
กำลังโหลดความคิดเห็น