เกียวโดนิวส์รายงาน (31 ส.ค.) นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ และรัฐมนตรีหลายคนรับประทานอาหารทะเลที่มาจากทะเลนอกจังหวัดฟุกุชิมะเมื่อวันพุธ ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการปล่อยน้ำกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลงสู่มหาสมุทร
เห็นได้ชัดว่าการประชุมร่วมรับประทานอาหารกลางวันมีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำที่ปล่อยทิ้งต่อสุขภาพของมนุษย์ และความเสียหายต่อชื่อเสียงผลิตภัณฑ์ประมงจากพื้นที่รอบๆ จังหวัดทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น
หลังการประชุมที่สำนักนายกรัฐมนตรี ยาสุโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ซึ่งรับผิดชอบด้านนโยบายนิวเคลียร์ กล่าวว่า คิชิดะกินซาซิมิซึ่งประกอบด้วยปลากะพง ปลาลิ้นหมา และปลาหมึก ควบคู่ไปกับข้าวที่เก็บเกี่ยวในฟุกุชิมะ
"เราจำเป็นต้องสื่อสารให้ผู้คนทั้งในและต่างประเทศทราบถึงความปลอดภัยของอาหารทะเลที่จับได้ในทะเลใกล้กับศูนย์นิวเคลียร์ฟุกุชิมะ" นิชิมูระกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการประชุม
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ญี่ปุ่นเริ่มปล่อยน้ำบำบัดออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ซึ่งได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิที่ตามมาในเดือนมีนาคม พ.ศ.2554 ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก แม้ว่าจะมีการต่อต้านจากการประมงในท้องถิ่นและจีนก็ตาม
ญี่ปุ่นอ้างว่านิวไคลด์กัมมันตรังสีส่วนใหญ่ ยกเว้นไอโซโทป ถูกกำจัดออกจากน้ำโดยผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะถูกปล่อยออกมา
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ไอโซโทปเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์น้อยกว่าวัสดุกัมมันตภาพรังสีอื่นๆ เช่น ซีเซียมและสตรอนเซียม เนื่องจากปล่อยรังสีอ่อนๆ และไม่สะสมในร่างกาย
สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศกล่าวว่าวิธีการปล่อยน้ำของญี่ปุ่นสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก และจะมีผลกระทบทางรังสี "เล็กน้อย" ต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม
แต่จีน ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์การปล่อยน้ำอย่างรุนแรง ได้ออกคำสั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ประมงของญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว หลังจากโรงไฟฟ้านี้เริ่มการปล่อยน้ำ
คิชิดะกล่าวว่า ภายในสิ้นสัปดาห์นี้ รัฐบาลจะเปิดเผยมาตรการช่วยเหลือชาวประมงในประเทศซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการห้ามนำเข้าของจีน
ฝ่ายบริหารของคิชิดะได้จัดตั้งกองทุนแยกกัน 2 กองทุน กองทุนหนึ่งมีมูลค่า 3 หมื่นล้านเยน และอีกกองทุน 5 หมื่นล้านเยน เพื่อแก้ไขข่าวลือที่สร้างความเสียหาย และช่วยเหลือชาวประมงท้องถิ่นในการดำเนินธุรกิจของตน