อย.ถกกรมประมง ปส. - สทน. ยันไม่ห้ามนำเข้า "อาหารทะเล" จากญี่ปุ่น หลังปล่อยน้ำเสียจากโรงงานนิวเคลียร์ฟูกุชิมะลงทะเล แต่ปักหมุดเป็นพื้นที่เรดโซน ดักจับทุกกรณีตั้งแต่ที่ด่านนำเข้า ย้ำมีการตรวจมาตั้งแต่ปี 2554 ไม่พบปนเปื้อนกัมมันตรังสีเกินกำหนด เผยเตรียมสุ่มตรวจที่ด่านเพิ่มขึ้น 2 เท่า หากพบปนเปื้อนทำลายทิ้ง ประสานกรมอนามัยตรวจร้านอาหาร สร้างความมั่นใจ คาดล็อตแรกหลังปล่อยน้ำเสียถึงไทยกลาง ก.ย.นี้
เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ภก.เลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยสินค้าประมงนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ภายหลังมีการปล่อยน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิลงสู่ทะเลตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2566 แม้จะระบุได้รับการรับรองจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) แล้วว่า เมื่อเย็นวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา อย.ประชุมร่วมกับกรมประมง สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. เพื่อกำหนดมาตรการเฝ้าระวังและตรวจสอบอาหารทะเลนำเข้าจากญี่ปุ่น ขอผู้บริโภคอย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัย เพราะการนำเข้าอาหารทะแล เจ้าหน้าที่ด่านประมงของกรมประมง และด่านอาหารและยา ของ อย. มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดร่วมกับ ปส.และ สทน.เพื่อมิให้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในอาหารเกินมาตรฐานที่กำหนด หากพบจะสั่งเรียกคืน และระงับการนำเข้าทันที รวมถึงจะใช้มาตรการส่งคืนหรือทำลาย
"อันที่จริงไม่ใช่ว่าจะเพิ่งมามีมาตรการป้องกันหลังจากมีรายงานปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น ความจริงตั้งแต่ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ระเบิดหลังจากโดนสึนามิเมื่อปี 2554 ก่อน อย.ร่วมกับกรมประมงเก็บตัวอย่างอาหารทะเลที่ถูกส่งมาจากพื้นที่นั้นต่อเนื่อง เพื่อส่งไปตรวจที่ ปส.และ สทน.จนถึงปัจจุบัน เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอาหารทะเลที่ไม่ได้อยู่ในน้ำลึกมาก จากการตรวจสอบตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน ไม่พบว่ามีกัมตรังสีที่เกินจากที่กฎหมายกำหนด นี่คือสิ่งที่เราทำมาอย่างต่อเนื่อง และจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข ญี่ปุ่น เก็บตัวอย่างอาหารทะเลและผลิตภัณฑ์ประมงจากเมืองฟูกุชิมะ ส่งตรวจวิเคราะห์ในปี 2565 ถึง ก.ย. 2566 จํานวน 4,375 ตัวอย่าง การปนเปื้อนกัมมันตรังสีไม่เกินมาตรฐานตามที่กำหนดในประกาศของไทยเช่นกัน" ภก.เลิศชายกล่าว
ภก.เลิศชาย กล่าวว่า ส่วนที่จะมีการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะนั้น ไทยทราบเรื่องมาก่อนแล้ว โดยมีหน่วยงานภายใต้การกำกับขององค์การอนามัยโลก คือ หน่วยงานกลางปรมาณูระหว่างประเทศ International Atomic Energy Agency หรือ IAEA ที่จะประเมินรังสี เห็นว่า น้ำที่ปล่อยออกมามีค่าต่ำมากๆ แทบไม่มีนัยสำคัญเลย แต่เข้าใจว่า เมื่อพูดถึงคำว่ากัมมันตรังสี หรือน้ำที่ปล่อยมาจากโรงงานนิวเคลียร์ก็จะมีความกังวลว่าจะมีอะไรเล็ดลอดออกมาหรือไม่ จากการหารือร่วมกันของ อย. กรมประมง ปส. และ สทน.ยืนยันว่า พร้อมที่จะรับตรวจสอบคุณภาพอาหารทะเลที่ส่งมาจากพื้นที่ดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการอยู่แล้ว
“ที่มีรายงานว่าบางประเทศห้ามนำเข้า อยู่ที่บริบทที่ไม่เหมือนกัน แต่เราบอกแล้วว่า หากเป็นสินค้าที่มาจากเรดโซนเราดักจับทุกกรณี โดยเก็บตัวอย่างตั้งแต่หน้าด่าน ส่งไปยัง ปส. ส่วนสินค้าที่เหลือจะถูกกักเอาไว้ ถ้าตรวจแล้วไม่มีอันตรายก็ปล่อยออกมา ถ้าเจออะไรที่เป็นอันตรายสินค้าเหล่านี้จะถูกทำลาย ไม่มีโอกาสที่จะรั่วไหลเข้ามาทำให้ประชาชนเป็นอันตรายได้ นี่คือสิ่งที่เราดำเนินการกันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปประกาศว่าห้ามนำเข้า” ภก.เลิศชาย กล่าว
รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน เราจะเก็บตัวอย่างอาหารเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คิดว่าให้เหมือนเป็นเหตุฉุกเฉินเลย ซึ่งทุกฝ่ายยืนดีที่จะดำเนินการทั้งหมดอย่างเข้มข้น คาดว่า สินค้าอาหารทะเลล็อตแรกจากญี่ปุ่นที่จะถูกส่งมายังไทยหลังจากปล่อยน้ำเสียน่าจะราวๆ กลางเดือน ก.ย.นี้ แต่บางส่วนที่มาเร็วทางเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็จะมีด่านอาหารและยา ด่านประมงดักไว้อยู่แล้ว ขอยืนยันว่า ถึงจะมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ เปลี่ยนผ่านปีงบประมาณใหม่ แต่ไม่กระทบกับแผนการดำเนินการตรวจสอบเฝ้าระวังอาหารนำเข้าของไทย ส่วนการตรวจร้านอาหารที่เป็นปลายทางก็จะเป็นอีกมาตรการหนึ่ง โดยต้องประสานการทำงานกับกรมอนามัย ซึ่งจะมีเรื่องสุขลักษณะ อาหารปลอดภัยต่างๆ แต่อย่างที่บอกว่า อาหารพวกนี้ไม่ได้เข้ามาส่งเดช มีที่มาที่ไป เราดักจับอยู่ เชื่อว่าไม่น่าจะมีขบวนการเล็ดลอด และประสานกรมศุลกากรให้ความร่วมมือตรวจสอบมากขึ้น