เกียวโดนิวส์รายงาน (13 ก.ค) เซี่ย ชิน-วาน รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยาของฮ่องกงกล่าวเมื่อวันพุธว่า เมืองจะห้ามนำเข้าอาหารทะเลจาก 10 จังหวัดของญี่ปุ่น หากประเทศนี้ดำเนินแผนการปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่ทะเล
เซี่ย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทันทีที่การปล่อยน้ำในฟุกุชิมะเริ่มขึ้น รัฐบาลของเมืองจะห้ามนำเข้าอาหารทะเลของญี่ปุ่นทันที รวมถึงผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแช่แข็ง แช่เย็น แห้ง หรือถนอมอาหาร ตลอดจนสาหร่ายทะเลและเกลือทะเล
ฮ่องกงเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและการประมงที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น โดยมีจีนแผ่นดินใหญ่เป็นตลาดใหญ่ที่สุดของ 10 จังหวัด ได้แก่ โตเกียว ฟุกุชิมะ ชิบะ กุมมะ โทจิงิ อิบารากิ มิยางิ นีงะตะ นากาโนะ และไซตามะ
กระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่นจัดการบรรยายสรุปเมื่อวันพุธสำหรับรัฐบาลฮ่องกงเกี่ยวกับแผนการปล่อยน้ำฟุกุชิมะ และเรียกร้องให้ไม่มีมาตรการกำกับดูแลเพิ่มเติม
อ้างอิงจากกระทรวง เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นยังได้ให้รายงานการประเมินอย่างครอบคลุมของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ/IAEA) เกี่ยวกับแผนดังกล่าวที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเรียกร้องให้รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจโดยอิงจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
รายงานของ IAEA สรุปว่าการปล่อยน้ำทะเลจะมี "ผลกระทบทางรังสีเล็กน้อยต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม"
ผู้แทนรัฐบาลฮ่องกง รวมทั้งเอริก ชาน ผู้นำหมายเลข 2 เห็นพ้องกับฝ่ายญี่ปุ่นว่าควรรักษาการสื่อสารในเรื่องนี้ไว้
เมื่อวันอังคาร นายจอห์น ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฮ่องกงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยของอาหารในเมือง โดยกล่าวว่า รัฐบาลของเขตปกครองตนเองกึ่งอิสระจะ "ดำเนินการขั้นเด็ดขาด" เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน
“อุตสาหกรรมการจัดเลี้ยงจะได้รับผลกระทบ แต่แน่ใจว่าพวกเขาจะเข้าใจว่า เราตัดสินใจรอบคอบแล้วเนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้” เขากล่าวเสริม
ทั้งนี้ จีนแผ่นดินใหญ่สั่งห้ามนำเข้าอาหารจากฟุกุชิมะ และอีก 9 จังหวัดตั้งแต่ปี 2554 เมื่อเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่จนทำให้เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะ