จากเหตุการณ์สึนามิยักษ์ถล่มฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคมปี 2011 (เลขจำง่ายคือ 11-3-11) จนทำให้โรงไฟฟ้าปรมาณูของบริษัท TEPCO เกิดอาการหลอมละลาย และต้องพยายามปิดเครื่องเพื่อรักษาระดับกัมมันตรังสีที่รั่วทะลักออกมาจากโรงไฟฟ้า
ขณะนี้เวลาผ่านมาได้ 12 ปีแล้ว และมีการอพยพผู้คนจากเขตรังสีปรมาณูออกมาจากพื้นที่ รวมทั้งการจัดการนำน้ำหล่อเย็นจากโรงไฟฟ้าไม่ให้ไหลลงในทะเลและมหาสมุทร
โดยวิธีเก็บน้ำผสมปรมาณูเหล่านี้ในถังขนาดยักษ์ถึงกว่า 1,000 ถัง เท่ากับสระน้ำโอลิมปิกถึง 500 สระ...จนมีปัญหาที่จะไม่มีพื้นที่สำหรับเก็บน้ำเหล่านี้ต่อไป
ขณะนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศว่าพร้อมจะทยอยปล่อยน้ำปนเปื้อนปรมาณูเหล่านี้ลงสู่ทะเล โดยอ้างว่า ได้มีการบำบัดน้ำเหล่านี้มาตลอด จนอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
และมีผอ.ใหญ่องค์การ IAEA (สำนักงานปรมาณูของยูเอ็น) นายราฟาเอล กรอสซี ออกมารับรองว่าน้ำนี้มีระดับปรมาณูที่ปลอดภัยกับมนุษย์
และมีการยอมรับจากมหามิตรคือ สหรัฐฯ เองที่ยอมรับว่าเป็นน้ำปลอดภัย
หรือจากทางการไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นมหามิตรของสหรัฐฯ...ต่างพร้อมใจกันยอมรับว่า เป็นน้ำที่ปลอดภัย
แต่ทางการจีนดูจะกังวลมาก เพราะถ้าน้ำปนเปื้อนรังสีปริมาณมหาศาลนี้จะไหลไปทั่วเอเชีย และโดยเฉพาะกับจีนที่จะได้รับผลโดยตรง ได้ออกมาคัดค้านว่า ยังไม่ควรปล่อยน้ำออกมา
รวมทั้งกลุ่มประชาชนทั้งในญี่ปุ่นเอง และในเกาหลีใต้ ที่ออกมาเดินขบวนประท้วงทางการของประเทศตน เพราะต่างหวาดวิตกถึงภัยใหญ่หลวงต่อห่วงโซ่อาหาร ทั้งสัตว์และพืชในบริเวณที่จะได้รับผลโดยตรง
ขนาดเกิดปรากฏการณ์ ทั้งในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่ประชาชนกุลีกุจอไปซื้อสาหร่ายทะเล รวมทั้งพวกปลาเค็มแอนโชวี่ที่จะมาแช่แข็ง เพื่อจะได้หยุดซื้อสินค้าในตลาด หลังจากมีการปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะในเร็วๆ นี้
ทำเอาราคาสินค้าอาหารทะเลได้ปรับตัวสูงขึ้น เพราะปริมาณเริ่มหายไปจากตลาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสาหร่ายทะเล รวมทั้งเกลือทะเล ร้านอาหารก็รีบกักตุน เร่งซื้อสินค้าเหล่านี้ ก่อนหน้าที่ทางการจะปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีจะเกิดขึ้น
ยิ่งสมาคมชาวประมงญี่ปุ่นก็เดือดร้อนมาก ได้มีการรวมตัวกันประท้วงรัฐบาลญี่ปุ่น เพราะพวกเขาเคยได้รับผลโดยตรง เมื่อช่วง 11-3-11 เมื่อ 12 ปี ขณะเกิดโรงไฟฟ้าปรมาณูหลอมละลาย ทำให้อาชีพของเขาล้มละลายกันมากมาย
ต่อมาเมื่อทางการญี่ปุ่นได้เก็บน้ำปนเปื้อนเหล่านี้ไว้ในถังยักษ์ และทำให้น้ำทะเลมีระดับกัมมันตรังสีที่ไม่เป็นอันตราย-ชาวประมงญี่ปุ่นก็กลับมาหากินจับสัตว์น้ำตามเดิม แต่ปริมาณการกลับมาของชาวประมงยังไม่มากเท่ากับปริมาณในช่วงก่อน 11-3-11 ด้วยซ้ำ คือเหลือกลับมาประกอบอาชีพเดิมแต่ 10% เท่านั้น
พวกเขาหวั่นเกรงมากว่า ถ้าเกิดเริ่มปล่อยน้ำเปื้อนรังสีออกมาคราวนี้ ก็จะกลายเป็นครั้งที่ 2 ที่อาชีพพวกเขาจะล่มสลายอีกเหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว-เพราะผู้บริโภคอาหารทะเลทั้งที่ญี่ปุ่นเอง และที่ส่งออกไปทั่วเอเชีย หรือส่งออกไปทั่วโลก ก็จะหลีกเลี่ยงอาหารทะเลที่มาจากทะเลญี่ปุ่น
ที่เกาหลีใต้มีการประท้วงที่หน้าสถานทูตญี่ปุ่น เพราะทะเลญี่ปุ่นย่อมส่งผลต่ออาหารทะเลของเกาหลีด้วยโดยอัตโนมัติ
สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่เต็มไปหมด ซึ่งในช่วง 11-3-11 ก็ปรากฏว่า คนไทยมีความตระหนักถึงเหตุการณ์โรงไฟฟ้าปรมาณูที่ฟูกูชิมะ พากันหลีกเลี่ยงอาหารญี่ปุ่น หรือต้องตรวจสอบว่าอาหารทะเลในร้านญี่ปุ่นในไทยจะมาจากแหล่งอื่นเช่น มาจากอเมริกาใต้ หรือออสเตรเลีย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้
หลัง 11-3-11 ไม่นาน ยังจำกันได้ว่า นายกฯ เหวิน เจียเป่า ของจีน ถูกทางการญี่ปุ่นขอร้องให้เดินทางมาบริเวณใกล้ๆ กับเขตฟูกูชิมะ เพื่อมาช่วยรับประทานพวกผัก ผลไม้ที่ปลูกในบริเวณที่อยู่ห่างออกมาจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ขณะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นยังดีกันอยู่ ท่านนายกฯ เหวิน ลงทุนหยิบลูกมะเขือเทศ และสตรอเบอรีที่ปลูกบริเวณใกล้ๆ กับฟูกูชิมะ แล้วนำเข้าปากรับประทาน หน้าตาของท่านไม่แสดงความดีใจอะไรนัก แต่การปรากฏภาพของท่าน-ร่วมกับผู้นำญี่ปุ่นขณะนั้น ก็สร้างความเชื่อมั่นได้ระดับหนึ่ง
เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ เคยเกิดสมัยโรควัวบ้าที่ระบาดในยุโรป เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งกระทบต่ออุตสาหกรรมช็อกโกแลตของประเทศยุโรปเหนือเช่น เดนมาร์ก, เบลเยียม เป็นต้น
ปรากฏการณ์รณรงค์ของ รมต.เกษตรและรมต.พาณิชย์ของประเทศเหล่านี้ หลังกำจัดโรควัวบ้าได้แล้ว ต้องออกมาเชิญนักข่าวไปร่วมกิจกรรมที่นักการเมืองของประเทศเหล่านี้ต้องลงทุนรับประทานช็อกโกแลตที่ผลิตในประเทศของตน ให้นักข่าวถ่ายรูปเพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจ โดยเฉพาะคือทำให้การบริโภคช็อกโกแลต และผลิตภัณฑ์จากวัว ไม่ว่าจะเป็นน้ำนม (สดและผง) หรือเนื้อวัว, เนย, เนยแข็ง ที่ขายไปทั่วโลก จะต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
รวมทั้งพรินซ์ออฟเวลล์ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แห่งราชวงศ์อังกฤษ ก็ต้องออกมาร่วมนำในกิจกรรมรับประทานผลิตภัณฑ์จากเนื้อวัว เพื่อสร้างความมั่นใจต่อการรับประทานเนื้อวัวได้ตามปกติ
แต่น้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากญี่ปุ่นที่กำลังจะปล่อยออกมาครั้งนี้ คงจะไหลเวียนไปทั่วทั้งเอเชีย รวมทั้งทั่วโลกด้วย เป็นการซ้ำเติมปัญหาด้านโลกรวนที่น้ำทะเลไหลเวียนผิดปกติ จนเกิดภาวะทั้งน้ำแล้งและฝนตกหนักผิดฤดูกาลไปทั่วโลก นับเป็นความผิดปกติใหม่ที่พวกเราต้องเตรียมรับมืออย่างน่ากังวลยิ่ง