เกียวโดนิวส์รายงาน (10 มี.ค.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตำรวจได้ตรวจค้นโรงแรมสไตล์เรียวกัง อายุนับศตวรรษ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งเปลี่ยนน้ำในบ่อน้ำร้อนออนเซนเพียงปีละ 2 ครั้ง จนแบคทีเรียเพิ่มเกินขีดจำกัดที่อนุญาต
ไดมารู เบสโซ ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดเล็กในชิกุชิโนะ จังหวัดฟุกุโอกะ ถูกกล่าวหารายงานเท็จต่อหน่วยงานท้องถิ่น ว่าได้เปลี่ยนน้ำในอ่างด้วยวิธีที่เหมาะสมและเติมคลอรีน แต่หลังจากการตรวจสอบในเดือนสิงหาคมปีที่แล้วพบเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลา ปริมาณสูงเกินขีดจำกัดถึง 2 เท่า
การตรวจสอบเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายน ยิ่งทำให้พบว่าระดับแบคทีเรียอื่นๆ ในน้ำพุ่งสูงถึง 3,700 เท่าของขีดจำกัด รัฐบาลจังหวัดเรียกร้องให้โรงแรมแก้ไข พร้อมกับยื่นเรื่องร้องเรียนทางอาญาในสัปดาห์นี้ เนื่องจากต้องสงสัยว่าละเมิดพระราชบัญญัติโรงอาบน้ำสาธารณะ
ในงานแถลงข่าวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว มาโคโตะ ยามาดะ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ดำเนินการโรงแรม ยอมรับว่ารายงานเท็จโดยกล่าวว่า "ผมบอกพนักงานว่าไม่ต้องเปลี่ยนน้ำในบ่อ เพราะยังมีคนใช้น้อย"
ยามาดะยอมรับด้วยว่าสั่งให้เจ้าหน้าที่ปลอมบันทึกคลอรีนในน้ำที่ส่งไปสำนักงานสาธารณสุข ทั้งๆ ที่รู้ว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมาย
กฎหมายท้องถิ่นระบุว่า โรงอาบน้ำต้องเปลี่ยนน้ำอาบน้ำหมุนเวียนที่ใช้เป็นประจำทุกวันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
โรงแรมนี้เป็นโรงอาบน้ำเก่าแก่ มีประวัติก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2408 และแขกที่เคยเข้าพักในอดีต ได้แก่ จักรพรรดิฮิโรฮิโตะ หรือรู้จักกันในพระนามจักรพรรดิโชวะ