ญี่ปุ่นยกระดับมาตรการควบคุมคนเข้าเมือง ให้ตรวจหาเชื้อโควิดกับผู้ที่เดินทางมาจากจีน ฮ่องกง และมาเก๊าทุกคนก่อนเข้าประเทศญี่ปุ่น ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนชี้ไม่ควรกระทบการติดต่อระหว่างประชาชน
นายกรัฐมนตรีคิชิดะ ฟูมิโอะ ประกาศว่า ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจากจีน ฮ่องกง และมาเก๊า รวมทั้งผู้ที่เคยมีประวัติอยู่ที่ดินแดนเหล่านั้นในช่วง 7 วันก่อนหน้าเดินทางมายังญี่ปุ่น จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินญี่ปุ่น และหากมีผลการตรวจเป็นบวกจะต้องกักตัวเป็นเวลา 7 วัน
รัฐบาลญี่ปุ่นยังจะจำกัดจำนวนเที่ยวบินระหว่างญี่ปุ่นกับจีน เพื่อให้แน่ใจว่าการทดสอบหาเชื้อที่สนามบินเป็นไปอย่างราบรื่น เที่ยวบินจากจีน ฮ่องกง มาเก๊าจะลงจอดได้เฉพาะที่สนามบินนาริตะ สนามบินฮาเนดะ สนามบินคันไซ และสนามบินชูบุนาโงยาเท่านั้น
มาตรการคุมเข้มต่างๆ จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 30 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป
ผู้นำญี่ปุ่นระบุถึงผู้ติดเชื้อโควิดในจีนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ชัดเจน ทำให้ผู้คนในญี่ปุ่นกำลังมีความกังวลต่อสถานการณ์ในประเทศจีน โดยเฉพาะความเสี่ยงที่เชื้อไวรัสจะกลายพันธุ์ รวมทั้งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของญี่ปุ่นเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน
ญี่ปุ่นได้เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งเมือเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นเพียงแค่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน 3 เข็ม ซึ่งรวมถึงวัคซีนของประเทศจีนด้วย หรือใช้ผลการตรวจหาเชื้อก่อนขึ้นเครื่องบินจากประเทศต้นทาง แต่ไม่มีการตรวจหาเชื้อที่สนามบินในญี่ปุ่น และการกักตัว
หลังจากรัฐบาลจีนประกาศอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 หลายประเทศกังวลว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในจีนที่ยังพุ่งสูงต่อเนื่องจะทำให้เกิดการระบาดในประเทศตัวเองจากนักท่องเที่ยวจีน
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนโต้ ให้ทำตามหลักวิทยาศาสตร์
มาตรการของรัฐบาลญี่ปุ่นที่บังคับตรวจโควิดเฉพาะกับผู้ที่เดินทางมาจากจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนขณะนี้ไม่ได้มากไปกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศที่มีการแพร่ระบาดปานกลางอื่นๆ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ
นายวังเหวินปิน โฆษกกระทรววงการต่างประเทศจีน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับมาตรการของรัฐบาลญี่ปุ่นว่า “ขณะนี้ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันควบคุมโรคระบาดตามหลักวิทยาศาสตร์ ปกป้องการติดต่อระหว่างประเทศให้ปลอดภัย รักษาเสถียรภาพของการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ฝ่ายจีนเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า มาตรการป้องกันโรคของประเทศต่างๆ ควรมีความเหมาะสมตามหลักวิทยาศาสตร์ และไม่ส่งผลกระทบต่อการติดต่อของประชาชนอย่างปกติ.