คนจีนที่ตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอกมา 3 ปีภายใต้มาตรการสกัดโควิดอันเข้มงวด แห่เข้าเว็บท่องเที่ยวจองตั๋ว-ที่พักต่างประเทศกันสุดคึกคักในวันอังคาร (27 ธ.ค.) หลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศอีกครั้งตั้งแต่ต้นปีหน้า โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยม ได้แก่ มาเก๊า ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไทย และเกาหลีใต้
นโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่ครอบคลุมตั้งแต่การปิดพรมแดน จนถึงการล็อกดาวน์ถี่ยิบ แม้ทำให้จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตในแดนมังกรอยู่ในระดับต่ำมากๆ แต่ก็ทุบเศรษฐกิจจีนมาตั้งแต่ต้นปี 2020 จนกระทั่งเดือนที่แล้วประชาชนได้ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดนับจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้ารับตำแหน่งในปี 2012 ด้วยการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม การกลับลำนโยบายที่เริ่มขึ้นตอนต้นเดือนนี้ ทำให้คาดหมายกันว่า ไวรัสโคโรนาจะเกิดการระบาดในหมู่ประชากร 1,400 ล้านคนของจีน เมื่อทั่วประเทศลดมาตรการที่เป็นโล่ป้องกันลงต่ำ กระนั้น สถิติของทางการระบุว่า พบผู้เสียชีวิตจากโควิดเพียงคนเดียวในรอบ 7 วันเมื่อวันจันทร์ (26) กระตุ้นความสงสัยในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลของทางการซึ่งไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศที่มีประชากรน้อยกว่า ภายหลังกลับมาเปิดพรมแดนเช่นนี้
แพทย์หลายคนเผยว่า เวลานี้โรงพยาบาลมีคนไข้มากกว่าปกติ 5-6 เท่า ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย ขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศบางคนประเมินโดยให้ตัวเลขที่น่าตื่นตะลึงว่า ในจีนอาจมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นวันละหลายล้านคน และอาจมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ล้านคนในปีหน้า ก่อนที่สถานการณ์จะกระเตื้องดีขึ้น เมื่อผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวตอนราวๆ เดือนมีนาคม
เวลานี้ทางการจีนระบุว่า เนื่องจากยกเลิกมาตรการเฝ้าตรวจหาเชื้อจากผู้คนจำนวนมากไปแล้ว จึงไม่สามารถรายงานได้ว่าสถานการณ์การระบาดจริงๆ เป็นอย่างไร และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปักกิ่งประกาศยุติการเก็บข้อมูลจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด นอกจากนั้น เมื่อวันเสาร์ (24) คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชซี) ของจีนแถลงว่า จะไม่มีการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ประจำวันอีกต่อไป
ในคืนวันจันทร์ (26) ทางการปักกิ่งตัดสินใจยกเลิกมาตรการระลอกสุดท้ายของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ โดยเอ็นเอชซี ประกาศลดระดับโควิด-19 เป็นโรคติดเชื้อคลาสบี จากเดิมที่อยู่ในคลาสเอ ซึ่งหมายถึงการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ลดระดับมาตรการควบคุมลง และจากนั้นมีการประกาศยกเลิกคำสั่งที่ให้ผู้เดินทางเข้าประเทศจีนต้องถูกกักตัว เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม
สำหรับการที่คนจีนจะเดินทางไปต่างประเทศนั้น ที่ผ่านมา จีนไม่มีมาตรการจำกัดอย่างเป็นทางการ แต่การที่ต้องถูกกักตัวหลายวันเมื่อเดินทางกลับมาเป็นสิ่งที่ขัดขวางความปรารถนาจะออกไปต่างแดน ดังนั้น กฎใหม่ที่จะทำให้การเดินทางกลับเข้าประเทศง่ายดายขึ้น จึงกลายเป็นเครื่องกระตุ้นส่งเสริมผู้คนที่คิดจะไปต่างประเทศไปด้วย
ในอังคาร สำนักงานบริหารการเข้าเมืองแห่งชาติของจีน ยังแถลงว่า จะกลับฟื้นกระบวนการพิจารณาออกพาสปอร์ตให้แก่คนสัญชาติจีนที่ประสงค์เดินทางไปต่างประเทศ และการประทับวีซาให้แก่ผู้พำนักบนแผ่นดินใหญ่ที่จะไปฮ่องกง
นอกจากนั้น จีนยังจะฟื้นนโยบายอนุญาตให้ผู้เดินทางที่เข้าจีนเพื่อการเปลี่ยนเที่ยวบิน สามารถอยู่ได้เป็นเวลา 144 ชั่วโมงโดยไม่ต้องมีวีซ่า
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากแพลตฟอร์มท่องเที่ยวซีทริป ระบุว่า ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงหลังจากข่าวยกเลิกการกักตัวเมื่อเดินทางกลับเข้าจีนเผยแพร่ออกไป มีผู้สนใจสืบค้นหาจุดหมายปลายทางนอกประเทศเพิ่มขึ้น 10 เท่าตัว โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมประกอบด้วยมาเก๊า ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไทย และเกาหลีใต้
ส่วนข้อมูลจาก Trip.com เผยว่า มีการสำรองเที่ยวบินต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 254% เมื่อเช้าวันอังคาร (27) เทียบกับในวันจันทร์
ด้านแพลตฟอร์มท่องเที่ยวถงเฉิง พบว่า มีการค้นหาเที่ยวบินต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 850% และ 10 เท่าตัวสำหรับการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่า
อนึ่ง หลังจากพรมแดนจีน-ฮ่องกงเปิดอีกครั้งในเดือนหน้า คนจีนจะสามารถฉีดวัคซีน mRNA ของไบโอเทคที่เชื่อกันว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนจีน
กระนั้น คนจีนบางส่วนยังอาจเผชิญอุปสรรคในการเดินทางไปบางประเทศ โดยเมื่อวันอังคารญี่ปุ่นประกาศให้ผู้ที่เดินทางจากจีนต้องตรวจโควิดเมื่อไปถึง มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์ (30)
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แถลงว่า การที่จีนมีผู้ติดโควิดเพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้เกิดความกังวลในหมู่คนญี่ปุ่น โดยที่เวลานี้ในแดนอาทิตย์อุทัยเองก็มีรายงานการระบาดที่พบผู้ติดเชื้อเป็นเรือนแสนคน
ข่าวบอกว่าคนจีนและพวกเอเยนต์ท่องเที่ยวยังเชื่อว่า คงต้องใช้เวลาอีกเป็นแรมเดือนกว่าที่สถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวจะกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากผู้คนยังกังวลเรื่องโควิด ตลอดจนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นเพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคระบาด
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)
