สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว จากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อวีถีชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตประจำวันหลายอย่าง รวมทั้งเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศด้วย เมื่อเดินทางไม่ได้ทำให้นักเดินทางบางท่านรู้สึกเศร้าสร้อย ไม่กระปี้กระเป่า ไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาและผจญภัยท่องโลกกว้าง แม้จะท่องโลกทางอินเตอร์เน็ตได้แต่ก็ไม่ได้บรรยากาศเหมือนเดินทางจริง
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนมีวันหยุดยาว 3 วัน เป็นวันหยุดขอบคุณแรงงาน 勤労感謝の日 ทางรัฐบาลบอกว่าวันหยุด3 วันนี้อยากให้หยุดอยู่บ้านบ้างอย่าออกเที่ยวกันมาก แต่ก็เข้าใจคนชอบเที่ยวและอยากเปลี่ยนบรรยากาศนะครับ ในเมื่อมีวันหยุดทุกคนก็อยากจะออกไปท่องเที่ยวกัน ยิ่งโดนรัฐบาลบอกให้อยู่บ้านกันเถอะ สรุปคือทำตรงกันข้ามเลยทีเดียว ไม่เชื่อรัฐบาลแล้วออกเที่ยวประชดไปเลย คนออกไปเที่ยวกันเยอะ แหล่งท่องเที่ยวหลายๆ จังหวัดมีคนมาท่องเที่ยวเยอะมาก แต่เดี๋ยวอาจจะมีจำนวนคนที่ติดโรคโควิดเพิ่มขึ้นหรือเปล่าต้องรอดู แต่ผมก็เข้าใจความรู้สึกของคนญี่ปุ่นมากๆ เลยครับ
หลายคนรู้สึกอยากออกเดินทางท่องเที่ยวมากๆ รวมทั้งผมด้วย แต่ก็คงจะต้องรอไปอีกสักพักหนึ่งจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายมากกว่านี้ ผมเองก็ฟุ้งซ่านคิดแผนท่องเที่ยวไว้ในหัวต่างๆ นานา แต่คงต้องเปลี่ยนรูปแบบมาเที่ยวในประเทศไปก่อน ซึ่งที่เมื่องไทยน่าจะเที่ยวได้เพราะมีความปลอดภัยจากเรื่องโรคระบาดมากกว่าที่ประเทศญี่ปุ่นที่ยังมีการแพร่ระบาดมาก ทั้งๆ ที่ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งเป็นถือว่า High season หรือฤดูกาลท่องเที่ยวอีกฤดูกาลหนึ่ง ตามปกติจะมีนักท่องเที่ยวจะเยอะมาก
ถ้าเป็นปีก่อนๆ ช่วงนี้เป็นช่วงที่จะจองโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ยากมากถึงมากที่สุด โดยเฉพาะที่จังหวัดเกียวโต ตอนที่ผมยังทำงานที่ญี่ปุ่น หน่วยงานที่ผมเคยทำงานมีการจัดท่องเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เกียวโต แต่ว่าหาโรงแรมยากมาก จำเป็นต้องพักร่วมกับเพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่งราคาห้องละประมาณ 8,000 บาท ที่จริงราคานี้ไม่อยากพักเลยแต่ไม่มีที่พักอื่นแล้วจริงๆ หรือตู้ล็อกเกอร์ฝากของตามสถานีรถไฟก็เต็ม บางคนมีสัมภาระเยอะอยากฝากของก็ไม่มีที่ว่างสักตู้ ศาลเจ้าหรือวัดดังๆ ก็คราคร่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและในประเทศ รถบัสรถไฟก็แน่นเอียด แต่สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ปีนี้แตกต่างจากปีที่ผ่านๆ มา
เวลาที่เราไปเที่ยวกับบริษัทนั้นนอกจากคนจะเยอะแล้ว ยังมีพวกหัวหน้าที่เราต้องคอยดูแล การเดินทางร่วมกับหัวหน้านั้นคนญี่ปุ่นจะวางตัวอย่างไร เพราะปกติในทางธุรกิจ การทำงานในองค์กรญี่ปุ่น ตำแหน่งที่นั่งของประธานหรือหัวหน้าจะถูกระบุไว้แล้ว ตามมารยาทที่รู้กันว่าจะต้องนั่งที่ไหน เป็นหนึ่งในสามัญสํานึกของสมาชิกในองค์กร โดยทั่วไปที่นั่งที่ไกลที่สุดจากทางเข้าจะเป็นที่นั่งสำหรับหัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูงและไล่ตามลำดับมาจนถึงที่นั่งของผู้น้อยที่ใกล้ทางเข้าที่สุดครับ
ที่นั่งตำแหน่งไหนถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญและที่นั่งสำหรับหัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูงมากที่สุดรู้ไหมครับ วันนี้ผมจะแนะนำให้ทราบกันคร่าวๆ พอนำไปใช้ได้ครับ
■ กรณีที่ใช้รถยนต์, รถไฟชินคันเซ็น, ลิฟท์, และยานพาหนะอื่น ๆ ในกรณีรถนั้นต้องมีการพิจารณาเป็นกรณีไป หรือ case by case
เพราะด้วยความที่เป็นหน้าที่การงานและการปฏิสัมพันธ์กับคนในองค์กรธุรกิจต่างๆ นั้นไม่จํากัดเฉพาะในสํานักงานเท่านั้น มีบางโอกาสที่จะต้องใช้รถและรถไฟชินคันเซ็นด้วยกัน ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรถ ตำแหน่งที่อยู่ห่างจากทางเข้ายังคงเป็นที่นั่งสำหรับหัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูงครับ อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับยานพาหนะ ที่นั่งสำหรับหัวหน้าอาจแตกต่างกันดังนั้นต้องระวังไม่ให้ผิดพลาด
● ในรถแท็กซี่
ลำดับที่ 1.หัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูง = ที่นั่งหลังที่นั่งคนขับ
ลำดับที่ 2.นั่งด้านหลังที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับ
ลำดับที่ 3.ตรงกลางของลำดับที่ 1 และลำดับที่ 2 (นั่งกลางที่นั่งเบาะหลัง)
ลำดับที่ 4.ที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับ
ในกรณีที่โดยสารรถแท็กซี่ที่นั่งผู้โดยสารที่อยู่ถัดจากคนขับจะเป็นที่นั่งสุดท้าย ดังนั้นต้องระวังอย่าพาลูกค้าหรือหัวหน้าไปนั่งที่ที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับโดยไม่ได้ตั้งใจนะครับ
● รถยนต์บริษัทและรถยนต์ส่วนตัว
หากออกไปทำงานข้างนอกโดยรถบริษัทหรือรถส่วนตัวมี 2 รูปแบบคือ
[ถ้าคนขับเป็นลูกค้าหรือเจ้านาย/หัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูงของบริษัท]
ลำดับที่ 1. หัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูง= ที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับ
ลำดับที่ 2. ด้านหลังที่นั่งคนขับ
ลำดับที่ 3. ด้านหลังที่นั่งผู้โดยสาร
ลำดับที่ 4.ตรงกลางของลำดับที่ 2 และลำดับที่ 3 (ตรงกลางที่เบาะนั่งด้านหลัง)
[เมื่อขับรถโดยบุคคลที่มีตําแหน่งงานต่ํากว่า/ หรือลูกน้อง]
ลำดับที่ 1.หัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูง= อยู่หลังที่นั่งคนขับ
ลำดับที่ 2.ด้านหลังที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับ
ลำดับที่ 3.ตรงกลางของลำดับที่ 1 และลำดับที่ 2 (ตรงกลางของที่นั่งด้านหลัง)
ลำดับที่ 4.ที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับ
หากหัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูงนั่งไปกับคนที่ทำงาน และขับรถโดยบุคคลที่มีตําแหน่งต่ําสุดในกลุ่ม หัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูงจะต้องนั่งอยู่ด้านหลังที่นั่งคนขับครับ
● รถไฟ/ ชินคันเซ็น
สําหรับยานพาหนะเช่น ชินคันเซ็นและเครื่องบิน การจัดที่นั่งเช่น ด้านติดหน้าต่างและด้านที่ติดทางเดินเป็นสิ่งสําคัญกว่าตําแหน่งของทางเข้าครับ
ลำดับที่ 1.หัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูง = ที่นั่งติดหน้าต่างด้านที่หันหน้าไปตามทิศทางเดินทางของรถ
ลำดับที่ 2.ที่นั่งด้านที่ติดกับทางเดิน
ลำดับที่ 3.นั่งกลาง
ในกรณีที่โดยสารรถไฟหรือชินคันเซ็นนั้น ที่นั่งริมหน้าต่างจะเป็นที่นั่งสำหรับหัวหน้าผู้มีตำแหน่งสูง ในรถที่มีที่นั่งหันหน้าเข้าหากันอาจต้องใส่ใจกับทิศทางของการเดินทางเนื่องจากหัวหน้าต้องนั่งด้านที่รถไฟจะเดินหน้า
■ Elevator ลิฟต์โดยสาร คนที่อยู่ใกล้ปุ่มกดที่สุดคือคนที่ตำแหน่งน้อยที่สุดครับ อันนี้จำง่ายครับเพราะเข้าคนแรกออกคนสุดท้าย
และคนที่จะเดินเข้าลิฟต์คนต่อมาคือตำแหน่งรองลงไป เขาจะอยู่ที่ตำแหน่งด้านหลังคนกดปุ่มลิฟต์ ตำแหน่งต่อไปก็คืออยู่ด้านในอีกฝั่ง และคนที่มีตำแหน่งหัวหน้าสูงสุดเดินเข้ามาอยู่ด้านหน้าสุดตรงข้ามกับคนที่กดลิฟต์ เพราะว่าเมื่อลิฟต์เปิดออกแล้วหัวหน้าจะได้เดินออกก่อน แล้วผู้น้อยจะต้องเป็นคนกดเปิดปิดลิฟท์ รอให้หัวหน้าและคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าเดินออกไปก่อน
■ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น
แน่นอนว่าเมื่อต้องไปพักโรงแรมเรียวกัง หรือประชุมหารือที่ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นต้องรู้ว่าหัวหน้าผู้ใหญ่ต้องนั่งที่ตำแหน่งใด ที่ยุคสมัย 室町時代 Muromachi ถือว่าเป็นยุคสมัยที่เข้าใจยาก เป็นยุคสมัยที่มีสงครามใหญ่ระหว่างเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่นเอง ทำให้บันทึกต่างๆ ก่อนหน้านี้ถูกเผาและทำลายลงไปจำนวนมากมาย ส่งผลให้วัฒนธรรมหลายอย่างของญี่ปุ่นที่มีบันทึกเอาไว้มากที่สุดก็คือในช่วงของยุคสมัยนั้นเป็นต้นมา เช่น
*茶道 Chadou เรื่องของการชงชา พิธีชงชา
* 禅 Zen ลัทธิเซน
*能楽,能 Noh,Nohgaku ละครโน่
*猿楽 Sarugaku ละครลิง
*床の間 Tokonoma มุมโชว์แขวนภาพหรือวางสิ่งของประดับตกแต่งโบราณวัตถุต่างๆ ในห้องสไตล์ญี่ปุ่น เป็นต้น
ซึ่งถ้าต้องเข้าไปในห้องสไตล์ญี่ปุ่นที่มี Tokonoma คนที่เป็นหัวหน้าและมีตำแหน่งสูงที่สุดจะต้องนั่งอยู่ด้านหน้า Tokonoma คนญี่ปุ่นต้องรู้ขนบธรรมเนียมนี้ ถ้าห้องนั้นไม่มี Tokonoma ก็ถือที่ทางเข้าโดยจัดที่นั่งให้หัวหน้าผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดอยู่ไกลจากทางเข้าที่สุด และผู้ที่มีตำแหน่งต่ำที่สุดจะนั่งใกล้กับทางเข้ามากที่สุดครับ
ค่อนข้างยุ่งยากนะครับ แต่ก็ถือว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่ยังคงอยู่ภายใต้สภาพสังคมของคนญี่ปุ่นปัจจุบันนี้ แต่บางทีเด็กใหม่ๆ ที่เข้าทำงานก็รู้สึกลำบากเหมือนกันครับ เพราะบางคนไม่รู้ เวลาที่ไปปาร์ตี้กับบริษัทถ้าไม่มีการระบุตำแหน่งที่นั่งให้รู้ว่าใครใหญ่ เดี๋ยวจะไม่สนุกเอาได้หากพนักงานที่ยังเด็กหรือมีตําแหน่งต่ำอยู่ และอาจจะที่ไม่รู้แล้วบังเอิญไปนั่งในที่นั่งของหัวหน้าใหญ่เข้าล่ะก็ ปัญหาแล้วละครับ แม้ว่าจะเป็นเรื่องสําคัญ แต่ก็ไม่ค่อยมีสอนในหัวข้อการฝึกอบรมพนักงานใหม่อย่างจริงจังสักที ตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากนัก และคนวัยหนุ่มสาวญี่ปุ่นเองก็ยังพลาดเรื่องตำแหน่งที่นั่งของหัวหน้าอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าอายุเกิน 25 ปีแล้วยังไม่รู้นี่อาจจะเป็นเรื่องที่น่าอายอยู่สักหน่อยครับ เพราะเรื่องนี้สำคัญกับการใช้ชีวิตในสังคมการทำงานจริงๆ วันนี้สวัสดีครับ