นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นใช้คำแรง ชาติกำลังเผชิญ “หายนภัย” โควิดสะเทือนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างสาหัส รัฐบาลต้องเร่งฟื้นฟูธุรกิจและผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดอย่างรัดกุม
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 26 ต.ค. เป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่น คำแถลงที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือ นายกฯ ญี่ปุ่นระบุว่า “การระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นตกต่ำที่สุดหลังจากสงครามโลก ญี่ปุ่นกำลังเผชิญสถานการณ์วิกฤตที่อาจเรียกว่าเป็นหายนภัยแห่งชาติ 国難 ข้าพเจ้าในฐานะผู้นำรัฐนาวาตระหนักถึงความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง”
การใช้คำที่สื่อความอย่างหนักหน่วงเช่นนี้สะท้อนว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดหนักหนากว่าที่ปรากฏ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้งบประมาณจำนวนมากในการโอบอุ้มธุรกิจและประชาชน แต่การระบาดที่ยืดเยื้อ เกือบทุกประเทศทั่วโลกยังปิดประเทศ ระงับการเดินทาง ทำให้ยากที่ธุรกิจต่าง ๆ จะฟื้นตัวกลับมา
ถึงแม้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในญี่ปุ่นแต่ละวันยังเพิ่มขึ้นราว 400-700 คน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าเศรษฐกิจ และ “อยู่ร่วมกับเชื้อไวรัส” แต่ขณะนี้ญี่ปุ่นยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงต้องสนับสนุนการท่องเที่ยวและบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก
ประเด็นสำคัญจากถ้อยแถลงของนายกฯ ญี่ปุ่น ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด ประกอบด้วย
ยกระดับการตรวจหาเชื้อของหน่วยงานสาธารณสุขในท้องถิ่นต่าง ๆ ให้ได้วันละเฉลี่ย 200,000 กรณี ผู้ที่มีความเสี่ยงจะมีอาการหนัก ผู้สูงอายุ ผู้พิการจะได้รับการตรวจอย่างทั่วถึง
จัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนทุกคนฟรี ภายในกลางปีหน้า และรัฐบาลจะจ่ายค่าชดเชยหากประชาชนได้รับผลข้างเคียง รวมทั้งชดเชยให้หน่วยงานที่ถูกฟ้องร้องจากผลข้างเคียงจากการใช้วัคซีน
สานต่อนโยบาย “อาเบะโนมิกส์” พร้อมปฏิรูปการทำงานในด้านต่าง ๆ
ให้เงินสนับสนุนไม่เกิน 2 ล้านเยนกับบริษัทที่รายได้ลดลงจากโควิด และให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย ปลอดการค้ำประกันกับประชาชนที่เผชิญความยากลำบากในชีวิต
จัดโครงการ “GO TO แคมเปญ” ส่งเสริมการท่องเที่ยว การบริโภค การจับจ่ายใช้สอย ภายในประเทศ
จัดตั้ง “สำนักงานเศรษฐกิจดิจิทัล” เร่งการปฏิรูปสู่ระบบราชการและโมเดลธุรกิจใหม่ ที่อยู่ร่วมกับไวรัสโคโรนา (With Corona) และหลังผ่านพ้นไวรัสโคโรนา (Post Corona)
ยกเลิกการใช้ตราประทับในกระบวนการทำงาน เพื่อเอื้อต่อการทำงานออนไลน์ (ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการใช้ตราประทับชื่อ แทนการใช้ลายเซ็นเหมือนในประเทศต่าง ๆ )
ปรับห่วงโซ่อุปทานของหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้ผลิตในประเทศหรือกระจายการผลิตในหลายประเทศ รวมทั้งใช้การผลิตแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้มนุษย์
ลดการกระจุกตัวของเศรษฐกิจที่กรุงโตเกียวและ 3 จังหวัดโดยรอบ (ไซตามะ,ชิบะ,คานางาวะ) ให้ไม่เกินร้อยละ 30 ของ GDP ส่งเสริมการกระจายเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคอื่น ๆ
ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตใหม่ รัฐบาลจะอุดหนุนค่าใช้จ่ายให้การเดินทางในประเทศราคาถูกลง
รัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนกับผู้มีประสบการณ์ในองค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องการออกมาทำธุรกิจ SME ในท้องถิ่นของตัวเอง
เปิดรับแรงงานต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยจะให้สิทธิพิเศษด้านภาษีและวีซ่าพำนักในญี่ปุ่น
ปฏิรูประบบการทำงาน สนับสนุนสตรี ชาวต่างชาติ การโยกย้ายงาน เพื่อสร้างความหลากหลายในการทำงาน
ยืนยันจัดงานโตเกียวโอลิมปิกและพาราลิมปิกในปีหน้า เพื่อแสดงถึงชัยชนะของมนุษยชาติต่อไวรัสโคโรนา
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ เป็นผู้นำญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เขากล่าวว่าต้องการผลักดันให้ญี่ปุ่นเป็นสังคมที่พึ่งพาตนเอง ช่วยเหลือกันและกัน และสนับสนุนส่วนรวม เพื่อให้ญี่ปุ่นพ้นจากวิกฤตครั้งรุนแรงที่สุดครั้งนี้.