สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว คิดว่ายุคสมัยนี้ เพื่อนๆ หลายคนคงมีความคุ้นเคยกับการใช้โซเชี่ยลมีเดียต่างๆ การที่เป็นนักท่องอินเตอร์เน็ตน่าจะได้เห็นพฤติกรรมของคนอื่นๆ ในการโพสต์แสดงความคิดเห็นต่างๆ ในโลกออนไลน์ใช่ไหมครับ ที่ญี่ปุ่นก็เช่นกัน บางกระทู้ หรือบางข้อความก็ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงบวก พร้อมกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์แชร์ให้คนอื่นๆ ได้รู้ด้วย
ที่จริงวันนี้ผมคิดว่าจะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นสักหน่อย ตามทัศนะของคนในสังคมซึ่งอาจไม่ได้อ่านจากแหล่งข่าวอื่นๆ นักแต่ผมก็คิดว่าอาจจะไม่เป็นที่สนใจนัก จากการถ่ายภาพหมู่ของนายกรัฐมนตรีใหม่และรัฐมนตรีที่ดูเหมือนจะมีอายุเฉลี่ยมากกว่า 70 ปี แทนที่จะกลายเป็นหัวข้อร้อนในประเด็นการสนทนา แต่บทสนทนาจบลงเมื่อเห็นภาพหมู่ของลุงๆ เหล่านั้น โดยไม่มีอะไรหวือหวาเพราะนั้นเหมือนเป็นการรวมตัวกันของบรรดาลุงๆ ตั้งแต่อายุ 68 ปีถึง 81 ปี และนายกรัฐมนตรีผู้ที่มีอายุ 71 ปี กลับกันถ้ามีข่าวว่ามีนายกรัฐมนตรีคนใหม่อายุแค่ 21 ปี คงจะกลายเป็นข่าวใหญ่ของโลกแน่ๆ (แต่สำหรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นท่านนี้ ถ้าเทียบตอนที่เขามีอายุ 21 ปี เขายังไม่สามารถเข้าเป็นสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎร 衆議院 lower house ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีอายุน้อยในการเล่นการเมือง ... )
ทีมรัฐมนตรีกล่าวว่า "ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลําบากอยู่ในขณะนี้ แต่ขอทำงานปรับปรุงและสร้างสรรค์ขึ้นใหม่สําหรับอนาคตที่สดใสและให้พยายามอดทนต่อความเจ็บปวด!" คนรุ่นวัยทํางานและคนหนุ่มสาวที่มีอนาคตจริงๆ กล่าวว่า "ตอนนี้มันก็ยากเกินจะทนอยู่แล้วนะ มันจะยากขึ้นอีกหรอ?" ณ ต่อแต่นี้ไปประหนึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของคณะรัฐมนตรีที่มีความน่าสะพรึง
สัปดาห์ที่แล้วผมเล่าเกี่ยวกับเกมครับ คิดว่าเมื่อเทียบเกมเก่ากับตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องยากมากจริงๆ สมัยก่อนไม่มีใครมาสอนเทคนิค หรือวิธีเอาชนะเกมมากนัก ต้องหาซื้อหนังสือคู่มือมาอ่านเอาเอง เพราะอยู่ในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย ทำให้มีหลายเกมมากที่ไม่สามารถเอาชนะได้ เมื่อมาคิดว่ารุ่นผมเป็นรุ่นคนที่มีอายุประมาณ 40 ปี รุ่นที่เริ่มต้นด้วย pc8801 และ Windows 95 สามารถใช้ gadget ล่าสุดเป็น เพราะเป็นรุ่นก่อนที่หลักสูตรการศึกษาจะเข้มงวดน้อยลงร้อยละ 30 จึงบอกได้ว่ายังเป็นหนึ่งในรุ่นที่มีความสามารถทางวิชาการขั้นพื้นฐานสูง พัฒนาการของมังงะในประเทศญี่ปุ่นจากปี 80s ไปเกือบๆ ปี 2000 ก็อยู่ในช่วงนี้จึงถือว่าเป็นรุ่นหายากพิเศษที่มีประสบการณ์หลายอย่าง และนับว่าเป็นช่วงทองของเกมของจริง แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล เป็นช่วงวัยยากลำบาก ที่มีคนตกงานมากที่สุด เป็นวัยที่ไม่มีบ้านไม่มีครอบครัวก็มาก ผมคิดว่ามันน่าทึ่งมาก ส่วนใหญ่คือทำงานที่ไม่ได้เป็นพนักงานแบบเต็มเวลา (´ω` )(ทุกคนที่ได้ทํางานกับบริษัทญี่ปุ่นน่าจะพอรู้) จากทีมรัฐมนตรีครั้งนี้ยังพอมีคนอายุรุ่น 30 ปีอยู่หนึ่งคนในทีมพวกเขา แต่ไม่มีคนรุ่นอายุช่วงต้น 40 ปีอยู่ในจำนวนนั้นเลย นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ประกาศว่าเขามีนโยบายจะแจกจ่ายเงินพิเศษประมาณ 200,000 บาทให้กับคู่สมรสที่แต่งงานใหม่ โดยมีหนึ่งในเงื่อนไขข้อนึงว่าเป็นคนที่มีอายุต่ำกว่า 39 ปี !! ทำให้คนรุ่นอายุ 40 ปีต้องกล่าวว่า "คุณจะทิ้งเราอีกครั้งหรือ"
ที่ญี่ปุ่นมีเว็บบอร์ดแนวกระดานข่าวที่เรียกว่า 5ちゃんねる Channel 5 (เดิมชื่อว่า 2ちゃんねる Channel 2 ) เป็นกระดานข่าวกระทู้สนทนา ในช่วงแรกของอินเทอร์เน็ตที่เริ่มมีการตั้งกระทู้สนทนาต่างๆ นั้นยังเป็นแบบ under ground มีความใต้ดิน น่ากลัว ไม่เหมือนสมัยนี้ ตอนที่เริ่มรู้จักเว็ปสนทนานี้ครั้งแรก ผมอ่านเนื้อหาแล้วค่อนข้างช็อค โดยเฉพาะข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ที่หาในสื่อปกติไม่ได้ เช่นข่าวต่างๆ ในทีวีหรือในสื่อที่ไม่สามารถที่จะพูดความจริงได้ แต่มาหาอ่านในนี้แล้วจะรู้เรื่องลึกๆ มากมาย แม้ว่าเทคโนโลยีตอนนั้นยังไม่พัฒนามากยังใช้วินโดว์และมีความอืดความช้า ค่อยๆ อ่านไป แต่ว่าเนื้อหาค่อนข้างรุนแรงและเป็นความจริงที่น่าช็อค
ในตอนแรก 2ちゃんねる Channel 2 ยังไม่เป็นที่นิยมมากเท่าไหร่ แต่วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่มีคนมาล็อกอินแล้วเป็นไฮแจ็คที่รถบัส มีคนเข้ามาติดตามกันเยอะ จากนั้นผู้รับผิดชอบเว็ปก็ออกมารีวิวสัมภาษณ์ที่สถานีโทรทัศน์ จากตอนแรกที่ทุกคนคิดว่าทำไมเว็ปนี้เถื่อน มีแต่เรื่องที่อ่านแล้วช็อค แต่พอผู้รับผิดชอบไปออกสื่อที่สถานีโทรทัศน์ในวันนั้นทำให้ทุกคนต่างตกใจว่าผู้รับผิดชอบของเว็บไซต์นี้ช่างเป็นหนุ่มที่หล่อมาก พูดจาดีมีความรู้มากเลยน่าติดตาม ทำให้เป็นที่นิยมขึ้นมา เขากล่าวว่า "ยากที่จะใช้สำหรับผู้ที่ไม่สามารถมองว่าเรื่องใดโกหกนั้นเป็นเรื่องโกหก" จากนั้นก็เริ่มเป็นที่นิยมมากในอินเตอร์เน็ต ได้รับความสนใจและเริ่มมีความสนุกในการใช้งาน
และคนใช้งานก็เยอะขึ้นมีคนติดตามมาเรื่อยๆ รวมทั้งใช้โซเชี่ยลมีเดียต่างๆ อย่างแพร่หลาย ทำให้บางคนที่เป็นคนให้ข้อมูลต่างๆ ในเว็ปเหล่านั้นกลายเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียงขึ้นมามากเช่น บางคนก็มักจะพูดเกี่ยวกับเรื่องการเมืองและมีแนวคิดดีมาก มีความคิดที่ดีแต่ว่าบางครั้งก็เหมือนโพสต์เรื่องที่ไม่จริงเล็กๆ ทำให้คนสับสนว่าที่จริงสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องไม่จริงกันแน่ แต่ก็ตกใจและแปลกใจในสิ่งที่เขาออกมานำเสนอ เช่น เรื่องยากูซ่าที่โหดเหี้ยมในบริเวณท่าเรือ , เรื่องความลับที่มาบอกถึงนายกรัฐมนตรีที่มีผู้ให้การสนับสนุนอยู่ท่าเรือ จึงได้รับการผลักดันและมีอำนาจขึ้นมามากขึ้น และปัจจุบันก็ได้เลือกมาจากโยโกฮามาที่ก็มีความเกี่ยวเนื่องกับท่าเรือเหมือนกัน ซึ่งหลายๆ ข้อมูล ก็ไม่รู้ว่าจะเรื่องจริงไม่จริงแต่ค่อนข้างจะมีข้อมูลที่แปลกๆ และข้อมูลที่น่าสนใจมานำเสนอเสมอ
ถ้าเทียบเรื่องที่เล่ามา 10 เรื่อง จะมีเรื่องจริง 3 มีเรื่องโกหก 7 เลย ทำให้เรื่องโกหกมีส่วนคล้ายว่าเป็นเรื่องจริง เช่น ถ้ามีข่าวว่าออกมาว่าพรุ่งนี้ภูเขาไปฟูจิซังจะระเบิด หรือจะมีเทพเจ้ามาทำร้าย เช่น เหตุที่เกิดกับอาสนวิหารน็อทร์-ดาม และเรื่องที่สามว่า ถ้าลองเอาเหรียญ 10 เยนมาใส่ในน้ำส้มสายชูจะเกิดฟองขึ้นมา ซึ่งเรื่องที่สามมันเป็นเรื่องจริง ก็เลยกลายเป็นว่าข้อมูลอื่นๆ ที่เขานำมาโพสต์ มันมีเรื่องจริงปนอยู่ในนั้นด้วยทำให้เรื่องอื่นดูคล้ายจะเป็นเรื่องน่าเชื่อถือไปด้วยนั่นเอง
ยิ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด การที่มีข้อมูลจริงบ้างไม่จริงบ้าง ทำให้คนเกิดความสับสนไม่แน่ใจว่าอย่างไร ทำให้ทุกคนเกิดความกังวล เช่น ช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิดช่วงแรกๆ นั้น มีคนมาให้ข้อมูลว่าคนญี่ปุ่นจะต้องเสียชีวิตมากกว่าครึ่งประเทศ แล้วตอนนั้นทุกคนก็น่าจะพอนึกภาพออกว่าไม่มีใครรู้ข้อมูลและความเป็นจริงว่าจะเป็นอย่างไร ต่างคนต่างเครียดและวิตกกังวลกันเป็นอย่างมาก จากตอนนั้นผมก็ติดตามอ่านข้อมูลเขามาตลอดว่าเขาจะให้ข้อมูลอะไรอีกบ้าง ก็เหมือนกันคือมีเรื่องที่ดีน่าสนใจและบางเรื่องก็แปลกประหลาด สักพักก็จะพูดว่าอีกเดือนนึงเดือนครึ่งจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่ญี่ปุ่น คือถ้าเขาพูดอย่างนี้ขึ้นมาทำให้คนยิ่งมาติดตามเขา บางครั้งค่อนข้างเยอะกว่า 10,000 คน คือถ้าเกิดแผ่นดินไหวขึ้นจริงมันก็เป็นเรื่องปกติของญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่เกิดมันก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอย่างไรก็ตามเขาก็ได้เผยแพร่ข้อมูลไปแล้วมีคนรับรู้ข่าวสารเป็นจำนวนมาก แม้ว่าเรื่องแผ่นดินไหวจะทำให้หลายคนเบื่อไม่อยากติดตามต่อแต่ว่าบางครั้งข้อมูลง่ายๆ ที่เขาเอามาแชร์ เช่น เรื่องการทำสปาเกตตี้ก็เป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก เขาได้เทคนิคมาจากอิตาลี เขาบอกว่าคนญี่ปุ่นจะต้มสปาเกตตี้ก่อนแล้วมาปรุงรสทีหลังแต่ว่าจริงๆ แล้วตามสูตรต้องมีการต้มแล้วใส่เกลือและปรุงรสไปพร้อมกันเลย
แค่อยากบอกว่า บางทีในชีวิตประจำวันของเราถ้ามีข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ หรือเทคนิคหรือง่ายๆ มานำเสนอ ก็เป็นเรื่องที่มีประโยชน์เหมือนกัน เรื่องมากมายที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าไม่รู้ เรื่องยากบางเรื่องก็อาจจะไม่มีประโยชน์ก็ได้ แต่กลายเป็นว่าเรื่องง่ายบางเรื่องที่คาดไม่ถึงกลับเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น
●เรื่องใบบัว ที่ญี่ปุ่นเองดอกบัวก็ถือเป็นสัญลักษณ์แทนการสักการะบูชาพระพุทธเจ้า เพราะว่าดอกบัวเป็นดอกไม้ที่สวยงามที่ขึ้นมาจากโคลนตม และอีกหลายๆ เรื่องตั้งแต่สมัยก่อนที่ยังไม่ได้มีวิทยาศาสตร์รองรับ คนก็เชื่อว่าดอกบัวใบบัวมีความแปลกพิเศษ น้ำกลิ้งบนใบบัวได้ เป็นต้น บัวบางพันธุ์รองรับน้ำหนักคนได้ หลังจากมีการแชร์เรื่องหนุ่มคนหนึ่งไปยืนทดสอบความแข็งแรงของใบบัวกระด้งยักษ์ หวังจะยืนสวย ๆ บนใบบัว แต่เพียงเขาก้าวขาลงไปก็พลัดตกน้ำไม่เป็นท่า ทำให้คนพูดถึงประเด็นนี้กันเยอะ จึงมีคนมาแชร์เทคนิคการยืนบนใบบัวกระด้ง ที่ต้องนำแผ่นพลาสติกมาวางบนใบบัวก่อนแล้วจึงค่อย ๆ ก้าวเหยียบบริเวณกลางใบบัวจะช่วยให้สามารถยืนอยู่ได้โดยไม่จมน้ำ เป็นต้น
●ถ้าจับอาหารหรือภาชนะที่มีความร้อน คนญี่ปุ่นจะรู้สึกร้อนมือ แต่มีวิธีแก้ร้อนง่าย คือ ถ้าคนญี่ปุ่นรู้สึกร้อนมือพวกเขาจะเอามือไปจับที่ปลายหู หรือปลายจมูก เพราะว่าปลายหู หรือส่วนจมูกนั้นจะมีอุณหภูมิที่ต่ำ เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ใช้ได้จริง
●ถ้าคนญี่ปุ่นรู้สึกว่าจะเป็นไข้หวัดจะเอา ネギ Negi เนงิ หรือหอมยาวญี่ปุ่นมาพันที่คอ แต่ว่าไม่รู้ว่ามันจะมีผลจริงหรือเปล่านะเนี่ย
●คนญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าตัวเองเป็นไข้หวัด แล้วทำให้คนอื่นติด ตัวเองจะหาย!! แต่ถ้าคิดตามหลักทางวิทยาศาสตร์มันก็คงจะไม่มีเหตุผลเท่าไหร่นัก แต่ความเชื่อนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าหลังจากที่ตัวเองเป็นไข้หวัดมาสักพักนึง เมื่อมีคนอื่นติดหวัดต่อ คงอยู่ในช่วงที่ร่างกายจะฟื้นฟูและเริ่มหายแล้วนั่นเอง แต่ถ้าช่วงนี้ใครมีไข้แล้วมาทำให้คนอื่นติดนี่ก็อาจจะโดนมองแล้วโดนประนามสักหน่อยนะครับ ใครมีไข้ต้องรีบไปหาหมอและกักตัวอยู่บ้านด่วน
●จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือSocial distancing ทำให้การมาเจอกันและพบปะสังสรรค์อย่างใกล้ชิดเหมือนสมัยก่อนนั้นยากลำบากนิดหนึ่ง อาหารการกินก็เช่นกัน คือเมื่อก่อนอาจจะกินป๊อบคอร์นกระถางเดียวกัน หรืออาหารจากกล่องเดียวกัน แต่ว่านะสถานการณ์ปัจจุบันก็คงจะต้องทำกระทงกระดาษขึ้นมาคนละกระทงแล้วแยกกินน่าจะดีกว่าหรือเปล่า ข้อมูลเช่นนี้ก็มีประโยชน์
ไม่มีอะไรแอบแฝง ที่ญี่ปุ่นมันยากพออยู่แล้ว คนอายุ 60 หรือ 70 ปี ที่เกือบจะเกษีณกลับยิ่งทำงานเพื่อออมเงินต่อไปสำหรับใช้ในชีวิตหลังเกษียณ สําหรับรุ่นอายุ 30- 40 ปีที่ไม่มีแหล่งทำงาน ไม่มีงาน ก็เป็นเรื่องปกติของญี่ปุ่น (´・ω・ ` )
สิ่งที่เรากําลังมองหาอยู่ตอนนี้คือ... เรื่องง่ายๆ อาจไม่ใช่เทคโนโลยีขั้นสูง แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทุกคนได้ยินมา เรื่องที่สามารถเข้าใจได้ทันที และเลียนแบบได้ทันทีก็พอแล้ว วันนี้สวัสดีครับ