กรุงโตเกียวจะจัดการเลือกตั้งผู้ว่าการในวันที่ 5 กรกฎาคม ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ยกเลิกภาวะฉุกเฉิน การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ความพึงพอใจของประชาชนต่อการรับมือการระบาดของโควิด-19
ผลการสำรวจโดยโยมิอูริ ชินบุน พบว่า นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวคนปัจจุบันวัย 67 ปี มีคะแนนนำทิ้งห่างผู้สมัครคนอื่น ๆ ถึงแม้ว่ายังมีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงราว 20% ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร
นอกจากนางโคอิเกะแล้ว ผู้สมัครคนสำคัญรายอื่น ได้แก่ นายเคนจิ อุสึโนมิยะ อดีตประธานสภาทนายความแห่งญี่ปุ่น, นายไทซูเกะ โอโนะ อดีตรองผู้ว่าการจังหวัดคูมาโมโตะ และนายทาโร ยามาโมโตะ หัวหน้าพรรคเรวะ ชินเซ็นกูมิ ซึ่งประสบความสำเร็จในการสนับสนุนผู้พิการจนได้รับเลือกตั้งเป็น สส. ในรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครเหล่านี้ยังมีคะแนนนิยมห่างจากนางโคอิเกะอยู่มาก ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 70% ของกลุ่มผู้สนับสนุนพรรค LDP และพรรคโคเมโต ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล บอกว่าจะลงคะแนนให้นางโคอิเกะ
ส่วนกลุ่มผู้ที่สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านราว 40% บอกว่าจะเลือกนางโคอิเกะ ขณะที่ราว 20% สนับสนุนนายอุสึโนมิยะ และราว 10% สนับสนุนนายยามาโมโตะ
ส่วนกลุ่มที่ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดชัดเจน ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งผู้ว่าการเมืองหลวงของญี่ปุ่นนั้น 50% สนับสนุนนางโคอิเกะ ส่วนผู้สมัครคนอื่น ๆ แต่ละคนมีผู้สนับสนุนในกลุ่มนี้ราวคนละ 10%
เมื่อทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล, กลุ่มสนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มไม่ฝักใฝ่ขั่วใด ต่างสนันสนันนายโคอิเกะค่อนข้างสูง ทำให้คาดการณ์ได้ว่า เธอน่าจะชนะเลือกตั้ง ครองตำแหน่ง "แม่เมือง" กรุงโตเกียวอีกวาระหนึ่ง
หักเหลี่ยมเฉือนคม ฝ่าวิกฤตโควิด
นางยูริโกะ โคอิเกะ เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีในสังกัดพรรค LDP แต่สงครามอำนาจภายในพรรคทำให้เธอผันตัวมาเล่นการเมืองท้องถิ่น สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการกรุงโตเกียวเมื่อ 4 ปีก่อน นนามอิสระ และเอาชนะคู่แข่งจากพรรค LDP อดีตต้นสังกัดของเธอ ได้เป็นผู้ว่าการหญิงคนแรกของกรุงโตเกียว
เธอเคยตั้งกลุ่มการเมืองของตัวเองเพื่อขยายผลไปสู่การเมืองระดับชาติ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ขณะที่อยู่ในตำแหน่งเธอมีทั้งร่วมมือและแข่งขันกับรัฐบาลพรรค LDP ของนายกฯชินโซ อาเบะ ในหลายเรื่อง ตั้งแต่การเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก จนถึงการรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19
ชาวกรุงโตเกียว 82% บอกว่า มาตรการรับมือโควิดคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกผู้ว่าการกรุงโตเกียวในครั้งนี้ แตกต่างจากครั้งอื่น ๆ ที่เรื่องสวัสดิการและสังคมผู้สูงวัยเป็นประเด็นสำคัญ
ในช่วงแรก นางโคอิเกะมีท่าทีเข้มงวดกับมาตรการควบคุมการแพร่เชื้อ และกระตือรือล้นมากกว่ารัฐบาลของนายกฯอาเบะที่ถูกวิจารณ์ว่า ล่าช้าในการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมโรค แต่พอวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา นางโคอิเกะกลับ “วางเฉย” มากขึ้น ทั้งๆ ที่เธอเคยพูดเองว่า อาจพิจารณาใช้มาตรการฉุกเฉินอีกครั้ง หากกรุงโตเกียวมีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 50 คนต่อวัน
นักวิเคราะห์ประเมินว่า นางโคอิเกะต้องพึ่งพาฐานเสียงพรรค LDP จึงต้องลดการต่อปากต่อคำกับรัฐบาลลง ขณะเดียวกันก็ต้องพึ่งการสนับสนุนจากกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงธุรกิจกลางคืนที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดใหญ่ในขณะนี้ แต่เธอกลับไม่ออกมาตรการควบคุมเหมือนช่วงแรก เพื่อ ไม่ให้ธุรกิจได้รับผลกระทบทางรายได้ และจะส่งผลมาถึงการสนับสนุนตัวเธอเองด้วย
รัฐบาลของนายกฯ อาเบะถูกวิจารณ์และตั้งคำถามอย่างหนักเรื่องการรับมือไวรัสโควิด ขณะที่กรุงโตเกียวก็ “ยืนหนึ่ง” มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในประเทศ แต่การเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา ทำให้ทุกฝ่ายคิดถึงการคะแนนเสียงและรักษาอำนาจ มาตรการควบคุมโรคแทบจะไม่มีอะไรเพิ่มเติมแม้ว่าผู้ติดเชื้อจะหวนกลับมาเพิ่มสูงขึ้น จนมีเสียงวิจารณ์ว่า “การเมืองอยู่เหนือชีวิตของประชาชน”.