คอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” โดย “ซาระซัง”
สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านที่รักทุกท่าน ช่วงนี้คงมีหลายคนทั่วโลกที่หันมาทำงานจากบ้าน เมื่อก่อนเคยมีข่าวว่ามีบริษัทหนึ่งในญี่ปุ่นที่เลี้ยงแมวไว้หลายตัวในที่ทำงาน ทำให้ใครต่อใครพากันอยากให้ที่ทำงานเป็นแบบนั้นบ้าง แต่เมื่อบรรดาทาสแมวหลายคนต้องหันมาทำงานจากบ้านในช่วงวิกฤตไวรัสโคโรนาระบาดในขณะนี้ ก็ทำให้บ้านกลายเป็นที่ทำงานที่เลี้ยงแมวไปโดยปริยาย
ขอเท้าความถึงบริษัทญี่ปุ่นที่เลี้ยงแมวสักนิดนะคะ เผื่อบางคนไม่เคยได้ยิน บริษัทนี้ชื่อ Ferray Corporation เป็นบริษัทพัฒนาระบบไอทีซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว มีนโยบายรับเลี้ยงแมวที่ถูกทิ้งและนำมาเลี้ยงดูภายในบริษัท ส่งผลให้บรรยากาศในที่ทำงานมีความผ่อนคลายขึ้น เป็นกันเองมากขึ้น พนักงานคุยกันมากขึ้น ภาพของแมวหลายตัวที่เดินป้วนเปี้ยนไปมาท่ามกลางโต๊ะทำงานของพนักงานทำให้คนทั่วโลกต่างอมยิ้มไปตามๆ กัน
อพาร์ตเมนต์ในญี่ปุ่นหลายแห่งไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ บางคนที่ชอบแมวมากๆ แต่เลี้ยงไม่ได้ก็ต้องไปคาเฟ่แมวเพื่อจะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆ แมวบ้าง สำหรับแมวที่ถูกทิ้งในญี่ปุ่นนั้น หากไม่มีใครนำไปเลี้ยงดูก็รังแต่จะถูกสัตว์อื่นตามธรรมชาติทำร้าย หรือไม่ก็ถูกสถานอนามัยกำจัด การที่บริษัทนี้นำแมวถูกทิ้งมาอุปการะก็เท่ากับได้ช่วยชีวิตแมวไปพร้อมๆ กับทำให้บริษัทกลายเป็นคาเฟ่แมวฟรีสำหรับพนักงานไปโดยไม่ตั้งใจ ทั้งยังช่วยสร้างสีสันในที่ทำงานอีกด้วย
พนักงานเกินกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทนี้เลี้ยงแมว ซึ่งเจ้าของบริษัทก็ใจดีช่วยอุดหนุนเดือนละ 5 พันเยนให้แก่พนักงานที่เก็บแมวถูกทิ้งไปเลี้ยงด้วย รวมทั้งอนุญาตให้คนที่เลี้ยงแมวพาแมวมาทำงานได้โดยสะดวกโยธิน นอกจากนี้ ที่ทำงานก็มีอุปกรณ์ของใช้สำหรับแมวพร้อมสรรพ ทั้งที่นอน ห้องน้ำ ของเล่น และขนม สบายอุราแมวและคนที่พาแมวมาทำงานด้วยเลยนะคะ
กระนั้นก็ใช่ว่าแมวเหล่านี้จะว่านอนสอนง่ายเสียเมื่อไหร่ เหล่าแมวทั้งหลายก่อเรื่องกันไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งไปเหยียบสวิตช์ไฟทำให้คอมพิวเตอร์ดับบ้าง ดึงสายเคเบิลต่ออินเทอร์เน็ตหลุดบ้าง ข่วนเก้าอี้ทำงานจนยับเยินบ้าง หลายคราวที่พนักงานจำต้องสารภาพว่าแมวเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายบางอย่างที่เกิดขึ้นในงาน แต่กระนั้นการที่ทุกคนอยู่ร่วมกับแมวและเข้าใจสถานการณ์ดี ก็ทำให้การสื่อสารภายในบริษัทเกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันไปด้วย
แล้วคนที่เลี้ยงแมวโดยที่ปัจจุบันต้องทำงานจากบ้านล่ะจะเป็นอย่างไร?
ดูเหมือนแทบทุกคนต่างก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน และหลายคนก็ทำใจเตรียมไว้อยู่ก่อนแล้วว่าคงไม่เป็นอันทำงานได้เต็มที่แน่นอน เพราะพอเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานทีไรก็โดนแมวมานั่งเด่นหราเป็นสง่าอยู่หน้าจอบ้าง นอนทับคีย์บอร์ดบ้าง กลิ้งเกลือกอยู่บนโต๊ะจะให้เล่นด้วยบ้าง นั่งจ้องด้วยสายตาอันร้อนแรงบ้าง แย่งเก้าอี้ทำงานบ้าง โดดขึ้นมานั่งบนตักบ้าง ดึงแขนบ้าง พิมพ์คีย์บอร์ดบ้าง เปิดหน้าต่างจอคอมพิวเตอร์ที่เจ้าของก็ไม่เคยเห็นมาก่อนบ้าง สารพัดวิธีก่อกวนตามธรรมชาติของแมวที่ไม่ค่อยจะอยู่นิ่ง สนุกกันใหญ่ทีเดียว
ยิ่งอากาศหนาวๆ แมวก็ชอบไปอยู่ที่อุ่นๆ ทำให้คีย์บอร์ดของแล็ปท็อปที่เปิดอยู่ และตักเจ้าของกลายเป็นเป้าหมายหลักของเหล่าแมว บางคนก็ใจอ่อน พอแมวมานั่งตัก ตัวเองจะลุกไปห้องน้ำก็ไม่กล้าไป บางคนกำลังเขียนอีเมลโดยใช้แท็บเล็ตอยู่ แล้วพอจมูกหรือฝ่าเท้าแมวมาอยู่ใกล้ๆ หน้าจอซึ่งไวต่อสัมผัส ก็กลายเป็นการกดส่งอีเมลไปโดยไม่ตั้งใจทั้งๆ ที่เจ้าของยังเขียนไม่เสร็จ
แม้จะอุ้มแมวออกไปห่างๆ แล้ว ประเดี๋ยวก็เป็นแบบเดิมอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางคนถึงกับต้องมีจอมอนิเตอร์สองเครื่อง เพื่อว่าหากจอหนึ่งถูกแมวบังไปก็ยังมองอีกจอหนึ่งเห็น หรือบางคนมีห้องนั่งเล่นแยกต่างหากจากห้องนอน ก็ต้องยกห้องใดห้องหนึ่งให้แมวไปก่อน ไม่อย่างนั้นจะโดนกวนทั้งวัน บางคนบอกว่าวันละไม่ต่ำกว่า 10 รอบ...เป็นทาสแมวนี่เหนื่อยไม่เบาเลยนะคะ
ยิ่งคนไหนเลี้ยงลูกแมวหรือแมวที่ยังเด็กหน่อยก็ยิ่งเหนื่อย บางคนต้องใช้วิธีหาเวลาเล่นกับแมวอย่างเดียวไปเลยสักพักหนึ่ง รอจนแมวเหนื่อยแล้วหลับไปเอง บางคนก็พูดขันๆ ว่าต้องหาเนอร์สเซอรีแมวเสียแล้ว จะได้ทำงานจากบ้านได้อย่างเต็มที่ บางคนก็แนะว่าให้หากล่องขนาดที่แมวเข้าไปอยู่ได้วางไว้ข้างคอมพิวเตอร์ แมวจะเข้าไปเองแล้วไม่กวน
บางคนก็ต้องยอมแพ้ต่อลูกล่อลูกชนของแมวในที่สุด เพราะพอแมวทำอะไรขำๆ หรือทำอะไรน่ารักขึ้นมา ตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะคว้ามือถือมาถ่ายรูปแปะลงโซเชียลฯ ของตัวเอง จนลืมไปว่ากำลังทำงาน หรือบางคนพอแมวเลิกกวน ตัวเองกำลังเริ่มมีสมาธิทำงาน ก็ได้ยินเสียงหายใจของแมวที่กำลังหลับปุ๋ยเลยพลอยง่วงไปด้วย บางคนก็นึกอยากกอดแมวนอนกลางวันด้วยกันเสียเลย
แต่แม้ทาสแมวเหล่านี้จะโอดครวญว่าไม่เป็นอันทำงานอย่างไร ส่วนใหญ่ต่างก็มีท่าทีผ่อนคลายมากกว่าจะเครียด และพูดถึงแมวตนเองอย่างขำขันปนเอ็นดู อภัยให้แมวอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ
บางคนไม่ได้เลี้ยงแมว แต่ระหว่างประชุมทางโทรศัพท์กับที่ทำงานแล้วได้ยินเสียงแมวของเพื่อนร่วมงานบ้าง เห็นแมวเดินผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเพื่อนร่วมงานบ้าง หรือกระทั่งบางคนที่เลี้ยงแมวแล้วแมวเดินผ่านหน้าจอระหว่างตัวเองกำลังสัมภาษณ์งานผ่านวิดีโอคอลบ้าง ก็รู้สึกว่าบรรยากาศที่กำลังเคร่งเครียดผ่อนคลายลง จนบางคนก็พูดทีเล่นทีจริงว่าแมวน่าจะเป็นสิ่งจำเป็นต่อการทำงาน และควรจะมีพนักงานแมวอยู่ในบริษัท หลายคนพอเห็นคนอื่นได้ทำงานอยู่บ้านกับแมวแล้วก็บ่นว่าน่าอิจฉามาก เป็นสิ่งแวดล้อมการทำงานในอุดมคติเลยทีเดียว
คนหนุ่มสาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ตามลำพังมีเป็นจำนวนมาก เมื่อนึกถึงแมวที่ต้องอยู่เฝ้าบ้านทั้งวันตามลำพังเป็นส่วนใหญ่เวลาเจ้าของไปเรียนหรือทำงานแล้ว พอเจ้าของกลับมาก็ย่อมดีอกดีใจ ยิ่งบางตัวรักเจ้าของมาก ตามแจตลอดเวลาไม่ว่าจะเข้าครัวทำกับข้าวหรือไปอาบน้ำ พอคราวนี้มาเห็นเจ้าของทำงานจากบ้านทั้งวันก็คงอดไม่ได้ที่จะเริงร่าอยากป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลานะคะ
แต่ก็น่าเห็นใจบางคนที่ทำงานจากบ้านแต่กลับโดนนายดุ ตอนที่นายเห็นแมวป้วนเปี้ยนอยู่ในห้องของลูกน้องผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ นายตำหนิว่าไม่ตั้งใจทำงาน และสั่งไม่ให้เอาแมวมาอยู่ในห้องด้วย
เรื่องนี้ยากและน่าสงสารทั้งคนเลี้ยงทั้งแมว ยิ่งอพาร์ตเมนต์ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นพื้นที่จำกัดมาก ห้องเดียวใช้เป็นแทบทุกอย่างทั้งห้องอาหาร ห้องครัว ห้องนอน ห้องทำงาน จะเอาแมวไปที่อื่นก็คงได้แต่ต้องกักขังไว้ที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น ซึ่งคงไม่ดีแน่เพราะจะกลายเป็นการทรมานสัตว์ไปแทน โดยส่วนตัวฉันคิดว่าตราบใดที่ทำงานได้เสร็จเรียบร้อยครบถ้วน มีคุณภาพ และทันตามเวลาที่กำหนด จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแมวหรือเปล่า ก็ไม่น่าเป็นปัญหานะคะ
เลี้ยงแมวก็มีเรื่องให้ขำในความ “ไม่รู้กาลเทศะ” ของแมว ทำให้เรื่องน่าปวดหัวที่แมวก่อกลายเป็นเรื่องขำขันประจำวันดีนะคะ แม้ช่วงของการควบคุมไวรัสระบาดอาจจะทำให้คนเครียดที่ต้องอยู่บ้านกันมากกว่าเดิม แต่การมีสัตว์เลี้ยงที่น่าเอ็นดูและการมีเวลาให้กับสัตว์เลี้ยงมากขึ้นไปโดยปริยาย ก็น่าจะทำให้ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน มีช่วงเวลาแห่งความสุขเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.
“ซาระซัง” สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.