xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าให้คนญี่ปุ่นทำงานที่บ้านจะทำได้จริงหรือเปล่า สำหรับคุณลุงประเภท Madogiwa ผู้น่าอิจฉาในหมู่มนุษย์เงินเดือน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวการระบาดของโรคโควิด-19 ช่วงแรกๆ  มีคนจับตามองการระบาดในประเทศญี่ปุ่นมากๆ เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์เกือบทุกเวป ตอนนั้นคนญี่ปุ่นต่างก็บอกว่าการทำงานของรัฐบาลญี่ปุ่นไม่เข้มงวด ไม่มีมาตรการและเชื่องช้า ตั้งแต่เรื่องตรวจหาเชื้อผู้โดยสารบนเรือสำราญไดมอนด์ ปริ้นเซส (Diamond Princess) การตรวจเช็คที่ล่าช้า  แต่ปัจจุบันนี้เชื้อโรคได้แพร่ระบาดออกไปทั่วโลกแล้วไม่ว่าจะเป็นอเมริกา อิตาลี อิหร่านและที่อื่นๆ หรือเรือโดยสารเรือสำราญต่างๆ ก็เจอเคสในลักษณะเดียวกัน ซึ่งมีเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากมาย  ความเป็นจริงแล้วแทนที่จะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลญี่ปุ่นว่าไม่รู้เรื่องบ้าง ทำงานล่าช้าบ้าง ก็อาจต้องเปลี่ยนเป็นเห็นใจเขาบ้าง เพราะว่าเรื่องโรคระบาดนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุคสมัยนี้ จึงไม่มีตัวอย่างที่แน่นอนให้เป็นกรณศึกษาและรับมือ ต่อจากนี้พวกเราต้องมีสติและช่วยกัน ร่วมมือเพื่อให้ก้าวผ่านไปด้วยกันครับ


อาทิตย์ที่แล้วพูดเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดและมาตรการที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศออกมาเพื่อรองรับการระบาดโดยที่รัฐบาลญี่ปุ่นขอความร่วมมือโรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยมทุกแห่งทั่วประเทศให้ปิดทำการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม จนถึงเดือนเมษายน  นอกจากโรงเรียนแล้วก็มีมาตรการที่ขอความร่วมมือให้บริษัทเอกชนต่างๆ ให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้านตัวเอง เรียกว่าการทำงานแบบ Remote บางบริษัทมีพนักงานเป็นหมื่นเป็นแสนคน ซึ่งต่างก็ออกนโยบายให้พนักงานของตนทำงานที่บ้านตัวเองช่วงระยะหนึ่งจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย  หลายๆ บริษัท ก็ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล อาทิเช่น


●Nippon Telegraph and Telephone Corporation  หรือ NTT ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจโทรคมนาคมของญี่ปุ่นได้ออกมาประกาศให้พนักงานทั้งสิ้น 200,000 คน สามารถทำงานที่บ้านได้ หรือหากจำเป็นต้องเข้ามาที่สำนักงาน ก็ขอให้เลี่ยงชั่วเวลาเร่งด่วน
 
●Sony เป็นหนึ่งในบริษัทที่ประกาศให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะการเดินในช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ระบบขนส่งมวลชนในช่วงเวลาเร่งด่วน
 
●Fujitsu ก็อนุญาตให้พนักงานที่ป่วย หรือตั้งครรภ์ทำงานจากที่บ้านได้ไม่จำกัดจำนวนวัน
 
●Toshiba ก็ประกาศให้บริษัทในเครืออนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้านได้เช่นกัน
 
●Takeda Pharmaceuticals บริษัทยาของญี่ปุ่น ให้พนักงานของบริษัทที่มีมากกว่า 4,500 คน ทำงานจากที่บ้าน และหลีกเลี่ยงการเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วน
 
●Dentsu เดนท์สุ บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น  ประกาศสั่งพนักงานที่สำนักงานใหญ่ในโตเกียวและบริษัทในเครือหลายพันคนทำงานจากที่บ้าน
 
●บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่หลายบริษัท ก็มีนโยบายห้ามพนักงานเดินทางไปประชุมหรือทำงานที่ต้องใช้รถสาธารณะ เครื่องบิน หรือรถไฟชินกันเซนในช่วงสถานการณ์นี้


ต่อมามีคำถามจากการสนทนาทางเว็ปเพจว่า  คิดว่าพนักงานที่ทำงานจากที่บ้านเหล่านั้นจะสามารถทำงานได้จริงหรือเปล่า?!!
 
A ได้แน่นอนไม่มีปัญหา (*´ω`)
 
B ไม่มีทางเป็นไปได้ ( ゚д゚)
 
C ก็ได้นะแต่ว่าไม่ทำ(#`谷´)
 
เพื่อนๆ เคยได้ยินคำเปรียบเปรยที่ว่า  คอมพิวเตอร์โปรแกรม Windows 95 , Windows 2000 ไหมครับ แต่ก่อนจะเป็นคำนี้มีคำที่เปรียบเปรยมาก่อนนี้คือคำว่า 窓際 Madogiwa  เปรียบกับคนทำงานที่มีอายุระหว่างวัยกลางคนและสูงอายุที่โต๊ะทำงานของพวกเขาอยู่ติดหน้าต่างในออฟฟิศที่ทำงานในสำนักงาน  บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีความผ่อนคลายในการทำงานเป็นอย่างมาก อาจจะมีเวลานั่งอ่านหนังสือพิมพ์และดื่มด่ำกับการนั่งเล่นริมหน้าต่าง พูดง่ายๆ คือ ไม่ทำงานนั่นเองแต่ก็ไม่สามารถมีใครว่าอะไรเขาได้


จากวลีที่ว่า 窓際 Madogiwa นี้คือด้วยความที่เป็นตำแหน่งที่ใกล้หน้าต่างมากก็เลยไกลจากประตูทางเข้า คือเป็นจุดที่มองเห็นได้ยากจากประตูทางเข้า  คำนี้เป็นคำวลีที่ใช้เปรียบเปรยมาตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว แต่ว่าปัจจุบันมีวลีในลักษณะความหมายเดียวกันเกิดขึ้นคือ Windows 95, Windows 2000  ซึ่งจริงๆ แล้วระบบนี้ใครๆ ก็รู้ว่าในสังคมการทำงานของประเทศญี่ปุ่นปัจจุบันมีอยู่เยอะ  ปกติบริษัทญี่ปุ่นจะมีบริษัทที่มีสวัสดิการที่ดีและไม่ดี ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่จะทำงานตั้งแต่เรียนจบมัธยมหรือว่าจบใหม่ๆ เข้าไปทำงานยาวจนอายุ 40 -50 เมื่อถึงวัย 50 ปีก็จะเริ่มอยู่ในระดับผู้บัญชาการ ก็จะไม่ค่อยทำงานแล้ว  แต่ว่าก็จะอยู่เฉยๆ ในลักษณะที่ว่ายังไงบริษัทก็ไม่สามารถให้เขาออกได้ แค่มาทำงานเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร นั่งเล่นเคาะหน้าจอคอมพิวเตอร์บ้าง เดินไปนู้นนี่บ้าง อยู่ไปยังงั้นเอง   แบบนี้มีเยอะเลยในสังคมญี่ปุ่น
 
และจะเล่าให้ฟังก่อนว่าเงินเดือนของคนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เทียบกันเป็นรายปี  เช่นถ้าถามว่าคนนั้นคนนี้มีรายได้เท่าไหร ก็จะบอกเป็นรายได้ต่อปี   ซึ่งปัจจุบันนี้เด็กจบใหม่หรือแม้กระทั่งคนที่ทำงานมานานแค่ไหนก็ตาม เมื่อถึงวัยสักช่วงอายุ 30- 40 ปี จะมีรายได้ต่อปีไม่เท่าไหร่เอง เปรียบเปรยกับ  Windows 95 คือ รายได้ต่อปีประมาณ 9 ล้านเยนไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ , แต่ทว่าคนที่ทำงานมาตั้งแต่สมัยที่ญี่ปุ่นช่วงเฟื่องฟู เข้าสู่อายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป หรือระดับผู้บริหารขึ้นไป ก็จะมีรายได้ต่อปีค่อนข้างเยอะ เปรียบเปรยเหมือน Windows 2000 รายได้ต่อปีกว่า 20 ล้านเยน  แต่อย่าถามว่าทำงานหรือเปล่าอันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะว่าทุกวันนี้บางคนอาจจะแค่มานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เฉยๆ ให้รู้ว่ามาทำงานในบริษัทไปวันๆ นั่นแหละ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมญี่ปุ่น  ทีนี้ถ้ามีนโยบายจากทางรัฐบาลให้ทำงานจากที่บ้าน แล้วประเภทที่เคยมานั่งดูหน้าจอคอมพิวเตอร์เฉยๆ ที่บริษัท    เวลาอยู่บ้าน ทำงานอยู่ที่บ้านมานึกดูว่าให้เขาเหล่านั้นมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เฉยๆ นี่มันก็แปลกคนนะครับ พวกเขาจะทำได้จริงหรอ


ดังนั้นคำตอบต่อคำถามที่ว่า คิดว่าพนักงานที่ทำงานอยู่บ้านนั้นจะสามารถทำงานได้จริงหรือเปล่า ก็ต้องตอบว่ายากแต่ก็พอได้อยู่นะ แต่บางคนก็อาจจะไม่ได้ทำ และบางคนต้องตอบว่าเป็นไปไม่ได้   เพราะอะไร   ความลับมันอยู่ที่ความเป็น Windows 95, Windows 2000 นั่นเอง
 
คือไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถทำงานที่บ้านหรือทำงานนอกสำนักงาน   เพียงแต่ถ้ายังใช้ระบบปฏิบัติการแบบเก่า โดยเฉพาะพวกลุงๆ  窓際  Madogiwa  ซึ่งมีจำนวนเยอะ  อาจจะยากอยู่สักหน่อย  อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่จะมองให้เห็นภาพลุงๆ พวกนี้ได้ดียิ่งขึ้นคือ พวกแกจะชอบการประชุมมาก (บางทีมารอก่อนกว่า 2 ชั่วโมง ) แม้แกจะไม่ค่อยสบายก็จะใส่หน้ากากและเบียดคนที่อัดแน่นในรถไฟและมาตามที่นัดอย่างแน่นอน   ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ลุงจะทำมีอะไรอีกบ้าง เช่น   พวกลุงมักจะใช้เวลาเพื่อนั่งตัดเล็บเท้า  นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ และรดน้ำดอก 朝顔 morning glory  ซึ่งลุงที่ไม่ทำงานที่ว่านี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือพวกที่ไปประชุมแน่นอนแต่ไม่พูดไม่ออกเสียงอะไรทั้งนั้น  กับ แม้จะไม่ค่อยแสดงตัวในที่ประชุมนักแต่ที่ไปร่วมแน่ๆ นี่คือ เวลาที่การทำงานเล็กๆ น้อยๆ , การไปร่วมวงปาร์ตี้ของบริษัท , การไปเล่นกอล์ฟ  หรือเวลาการเตรียมความพร้อมก่อนการประชุม, และการประจบหัวหน้าระดับสูงกว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งเหนืออื่นใด  ถ้าจะประเมินผลโดยการทำงานที่บ้านหรือทำงานนอกสำนักงานจึงไม่มีวิธีที่จะสามารถประเมินเขาได้  แน่นอน เพราะว่าคนละขอบเขต "งาน" ที่เขาถนัด


แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วบริษัทอาจจะต้องลองใช้โอกาสนี้ประเมินผลการทำงานของพวกเขาดูก็ได้ โดยการทำงานผ่านทางการ  on-line、หรือการทำงานที่บ้านหรือนอกสำนักงาน  มันเหมือนเป็นข้อเสนอที่มีความหมายและมีคุณค่าในเชิงบวกในอนาคต รวมถึงอาจจะรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีความสามารถซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่พวกเขาก็รู้ตัวเอง ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนรักษาสุขภาพนะครับ วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น