สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว อย่างที่บอกว่าช่วงนี้ทุกคนคงจะติดตามข่าวสารกันอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเปิดไปที่ช่องทางไหน เว็บเพจไหนส่วนใหญ่ก็จะคุยเกี่ยวกับเรื่องโรคระบาด COVID-19 จากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่ญี่ปุ่นก็มีข่าวว่าเวลาคนญี่ปุ่นไปที่เมืองตะวันตก ประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกา ส่วนใหญ่ก็จะโดนคนท้องถิ่นพาลรังเกียจใส่และหาว่าเป็นตัวเชื้อโรค
เรียกว่าโดน Bully หรือ การที่มีกิริยาพาล อันธพาล การระราน การข่มเหงรังแก หรือกลั่นแกล้งกัน การ Bully นี้เริ่มปรากฏตามสื่อต่าง ๆ มากขึ้นในช่วงหลังมานี้ เนื่องจากสังคมเริ่มตื่นตัวกับการกลั่นแกล้งที่ทำให้ผู้อื่นเจ็บตัวหรือรู้สึกแย่ โดยพฤติกรรมนี้มักเกิดขึ้นกับเด็กๆ แต่ก็มีพฤติก้าวร้าวกลั่นแกล้งแบบนี้กระจายในวงสังคมมากขึ้น เช่นคนหรือกลุ่มคนที่มีความได้เปรียบทางใดทางหนึ่งกระทำต่อผู้ที่เสียเปรียบหรืออ่อนแอกว่าจนทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกแย่ เจ็บปวด ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นการใช้กำลังบังคับหรือทำร้ายร่างกาย การใช้ถ้อยคำทำร้ายจิตใจทำร้ายความรู้สึก หรือการกลั่นแกล้งทางสังคม
วันนี้มีข่าวหนึ่งที่ค่อนข้างจะดังที่ญี่ปุ่นอยู่เหมือนกันคือ สาวญี่ปุ่นไปเที่ยวที่ปาเลสไตน์, ประเทศอิสราเอล ประเทศในตะวันออกกลางบนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แล้วถูกคนท้องถิ่นระรานว่าเป็นตัวเชื้อโรค ใช้วาจากิริยาข่มขู่เธอและเมื่อเธอจะพยามใช้กล้องถ่ายไว้ แต่ว่าก็โดนแย่งกล่องและจะทำร้าย ซึ่งเหตุการณ์นี้มีการบันทึกไว้ที่กล้องวงจรปิดของท้องถิ่น ตอนนี้หลายๆ ประเทศมีการเหยียดชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนเอเชียอย่างมาก
จากประสบการณ์ที่ผมเคยไปท่องเที่ยวมาผมก็คิดว่าแถวๆอิสราเอล ก็ค่อนข้างจะเป็นสถานที่ที่มีการ Bully กันมากและก็ค่อนข้างจะน่ากลัวอยู่เหมือนกัน ซึ่งหลายคนบอกว่าที่จริงข่าวแบบนี้ไม่ต้องเอามาเป็นข่าวหลักก็ได้เพราะว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่อะไรแต่ปัจจุบันนี้ไม่ว่าสำนักข่าวไหนๆ ก็ทำข่าวลักษณะนี้กันหมด
ส่วนอีกข่าวหนึ่งคือปัจจุบันนี้ที่ญี่ปุ่นหางานยากมากมีคนหลายคนที่พยามออกไปหางานทำที่ต่างประเทศ มีข่าวว่ามีดาวตลกหญิงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งพยามจะไปหางานทำที่อเมริกาแต่ว่าถูกคนอเมริกาในรถไฟไล่ว่า "กลับบ้านไปเลยไปคนเอเชีย!!" ข้อมูลดังกล่าวเธอเขียนเล่าเองในทวิตเตอร์ส่วนตัว ทำให้มีหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่เล่ามานั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า จะเห็นได้ว่าในภาวะที่ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความกังวล ความเครียดและกดดัน ด้วยมีข่าวต่างๆ เกิดขึ้นอย่างนี้ทำให้ทุกคนไม่มีความสุขและเห็นว่ามีความผิดปกติหลายอย่างเกิดขึ้นในสังคม สะท้อนความก้าวร้าว และเห็นแก่ตัวหลายๆ ประเด็น
โดยเฉพาะประเด็นที่เกิดขึ้นตอนนี้ คนญี่ปุ่นคุยกันว่าไหนที่บอกว่าชาวตะวันตกผู้ที่อ้างตัวเองว่าเป็นนักสิทธินิยมมนุษย์นิยม ที่มีแนวคิดที่เชื่อมั่นในศักดิ์ศรี และคุณค่าของมนุษย์ทุกคน แต่ทว่าพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดการ Bully มีการดูถูก ใส่ร้ายแถมบางเคสก็ทำร้ายคนต่างชาติชาวเอเชีย นี่คืออะไร
และจากมาตรการรองรับอย่างหนึ่งต่อเรื่องการรับมือการระบาดของโรคระบาด COVID-19 ที่รัฐบาลญี่ปุ่นขอความร่วมมือโรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยมทุกแห่งทั่วประเทศให้ปิดทำการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม จนถึงเดือนเมษายน และอาจจะยาวต่อไปก็ได้ ทำให้นักเรียนต้องหยุดอยู่ที่บ้านและเรียนทางออนไลน์ ทำให้เป็นเรื่องเดือดร้อนของคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองผู้ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน เพราะเป็นประเด็นว่าแล้วใครจะเป็นคนดูแลลูก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่เรียนที่เรียนโรงเรียนประเภทหนึ่งที่เรียกว่า โรงรียนประเภท DQN校、โรงเรียนประเภทTeihenko 底辺校、และโรงเรียนประเภท kyoikukonnanko教育困難校 เพราะปกติโรงเรียนประเภทนี้นั้นมีไว้สำหรับกำราบเด็กๆ พวกนี้ ซึ่งโรงเรียนจะมีกฏระเบียบที่เคร่งครัดอย่างมาก พอเด็กไม่ได้ไปโรงเรียน มีหลายคนบอกว่าปัญหาคือพ่อแม่ไม่สามารถดูแลลูกได้
ซึ่งนโยบายให้โรงเรียนหยุดชั่วคราวนี้ อาจจะเป็นหนึ่งในนโยบายที่ต้องการลดการแพร่ระบาดในโรงเรียน และคิดว่าเด็กๆ จะรู้สึกอย่างไร ? แน่นอนเด็กๆ ญี่ปุ่นรู้สึกดีใจมากที่โรงเรียนปิด และเด็กมัธยมผู้ที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังเที่ยวก็ออกไปเล่นชิลไปเที่ยวเล่นแถวชิบูย่า ชินจุกุกันมากมาย จนมีข่าวออกมาแล้วก็มีเสียงวิจารณ์ว่าทำไมเด็กออกมาเที่ยวเล่นกันอย่างนี้ คือลองคิดในแง่ความเป็นจริงนะครับว่าเด็กที่เป็นวัยรุ่นโรงเรียนปิดใครจะอยากอยู่แต่ในบ้าน โรงเรียนปิดก็หวานเลยเชียว ทุกคนอยากออกไปเดินห้าง ไปเที่ยวข้างนอก พ่อแม่ไม่อยู่ออกไปทำงานใครจะคุมล่ะ เป็นปกติที่ชีวิตวัยรุ่นไม่ชอบที่จะอยู่บ้านเฉยๆ เหงาๆ ได้ ซึ่งถ้าจะให้พูดจริงๆ แล้วระบบการศึกษาของญี่ปุ่นถ้าจะพูดไปก็ตลกนะครับ ก็คือมีโรงเรียนเพื่อไว้กำราบอบรมและกักกันเด็กโดยเฉพาะพวกเด็กๆ ร้ายๆ เนี่ยต้องไปโรงเรียนนะ แล้วถ้าโรงเรียนปิดขึ้นมาล่ะก็ถือว่าเป็นโอกาสของพวกเขาเลยที่จะสนุกสนาน อันนี้พ่อแม่ก็จะปวดหัวหน่อย แต่ว่าพูดถึงในเรื่องของเด็กวัยรุ่นใครๆ ก็อยากออกเที่ยว
โรงเรียนประเภทดังกล่าว มักจะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก และสโมสรกีฬาของโรงเรียนก็ยิ่งมีความเข้มงวดและสั่งสอนกันอย่างโหด คือเป็นระบบการศึกษาส่วนใหญ่ของโรงเรียนมัธยมญี่ปุ่น อ้างถึงโรงเรียนที่มียากที่จะผลักดันเรื่องกิจกรรมด้านการศึกษา เนื่องจากพฤติกรรมของนักเรียนในโรงเรียนที่อาจจะมีความสามารถทางวิชาการที่ไม่ดีนัก ชอบด้านเสเพลและมีพฤติกรรมกระทำผิดเสียมากกว่า บางแห่งมีความรุนแรงของเด็กในโรงเรียน และพฤติกรรมที่มีปัญหาอื่นๆ บางครั้งก็เรียกว่าโรงเรียนที่มุ่งเน้นปัญหา (เป็นเรื่องน่าเศร้าที่จะพูดแบบนี้ แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องจริง ตามลักษณะที่ปรากฏและมารยาทของนักเรียนในโรงเรียน ลักษณะเช่นนี้มีหลายพื้นที่และโรงเรียนที่มีพวก yankees เด็กไม่ดีมากๆ หรือแนวอันธพาลเอย, yakuzaเอย ฯลฯ., และมันเป็นเรื่องปกติในพื้นที่ยากจนบางแห่ง ). โรงเรียนแนวนี้คุณครูที่สอนแล้วพละศึกษามักจะสวมใส่เสื้อกีฬาและพกดาบไม้ไผ่เสมอ ครูจะเครียดมากที่จะต้องถูกย้ายมาอยู่โรงเรียนประเภทนี้ ถ้าเกิดว่ามีคุณครูที่อายุมากกว่า 50 ปี ต้องถูกสั่งให้ไปประจำที่โรงเรียนประเภทนี้เค้าก็จะเสียใจมาก บางคนถึงกับแอบร้องไห้ออกมา
แต่มีโรงเรียนอีกประเภทหนึ่ง มีเด็กอีกประเภทหนึ่งคือเด็กที่เรียนเก่งมากๆ อยู่โรงเรียนระดับท็อปของญี่ปุ่น โรงเรียนดังๆ ที่แบบว่าไม่ต้องไปเรียนพวกเขาก็เก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อันนี้คือถึงโรงเรียนปิดเค้าก็ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะว่าเก่งอยู่แล้ว ถึงไม่เรียนเรียนที่โรงเรียนก็เรียนเองได้ อันนี้ก็คือสามารถที่จะอยู่บ้านแล้วเรียนเองได้ แต่ว่าเด็กๆ จะออกไปเที่ยวไหมก็คงจะมีบ้าง หลายคนที่อยากไปเที่ยวแต่ว่าเรื่องเรียนหรือไม่เรียนก็ไม่เกี่ยวกับเขาเลยเพราะว่าเค้าไม่ไปเรียนก็ยังเก่ง แต่โรงเรียนประเภทนี้น่าจะมีแค่ 1% เท่านั้นของคนญี่ปุ่นปัจจุบัน
ซึ่งหลายคนบอกว่าปิดโรงเรียนอย่างนี้แล้วให้เรียนทางออนไลน์คือ เหมือนน่าจะเป็นไปได้นะครับ แต่ว่าความเป็นจริงใครอยากเรียนมั่งเอ่ย คงจะเป็นไปได้ยากสักหน่อย
การเรียนผ่านระบบออนไลน์นี้เป็นการพัฒนาทางไกลด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ต้องมีวินัยในการเรียนรู้ด้วยตนเอง เด็กบางคนก็ชอบการเรียนระบบนี้ นอกจากนั้นเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น มีการ์ตูนสำหรับเด็ก อาทิเช่น Crayon Shin-chan , One piece เปิดให้เด็กๆ อ่านได้ฟรี! เป็นผมนี่คงจะนอนอ่านการ์ตูนได้ทั้งวันไปเลย
ปัจจุบันประชากรเด็กในญี่ปุ่นมีจำนวนลดน้อยลงมาตลอด ก่อนหน้านี้ราว 10-20 ปี มีแหล่งข่าวบอกไว้ว่าผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนต่างๆ มีรายได้ต่อปีประมาณ 100,000,000 เยน คือผมก็ไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่แต่ถือว่าเป็นรายได้ที่สูงมาก ถ้าใช้นโยบายการสอนแบบออนไลน์ ครูที่มีเงินเดือนสูงเหล่านี้ก็จะต้องมาสอน และจำนวนคนเรียนก็เยอะเท่าไหร่ก็ได้ไม่จำกัด คงจะช่วยรัฐบาลประหยัดงบประมาณได้มากทีเดียว แต่ตามความเป็นจริงแล้วคงจะเป็นไปได้ยากเพราะไม่เช่นนั้นครูทั่วๆ ไปก็จะตกงาน โดยเฉพาะครูประเภทที่สอนตามตำรา เช่น มีครูสอนภาษาอังกฤษจำนวนมากที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ หรือครูสังคมศึกษาที่ไม่สามารถอ่านชื่อเฉพาะของบุคคลในประวัติศาสตร์ได้ เป็นต้น
ย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว กว่า 90% ของคนญี่ปุ่นจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม แต่ก็มีข้อโต้แย้งกันว่ามีเด็กที่จบออกมาจำนวนมากไม่สามารถคำนวณหาพื้นที่ของวงกลม=π(r・r) ได้ บางคนจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นก็คือ สำหรับคนรุ่น boomer (เกิดช่วงปี 1945-1950 และรุ่นแม่ของผม) มีคำกล่าวว่า 「金の卵」" รุ่นไข่ทอง" คือหมายความว่า "ถูกทางบ้านสั่งว่าไม่ต้องไปเรียนต่อโรงเรียนมัธยมปลายแล้วแต่ให้ออกไปทำงาน จะเป็นประโยชน์มากกว่า" อย่างไรก็ตามถ้าคนหนุ่มสาวรุ่นปัจจุบันจะเรียนจบแค่ชั้นมัธยมศึกษา ในภาวะถดถอยอย่างปัจจุบัน คิดว่าครึ่งหนึ่งคงไม่มีการมีงาน ไม่ทำงานอะไร พักผ่อนไปวันๆ , 40% คงจะหางานได้เพียงงานประเภท Part time, และที่เหลือคงเป็นสีเทาๆ คือ Han→ ที่มาจาก Half grey, gureru เรียกสั้นๆ ว่า 半グレ Han gure คือไม่ใช่คนปกติทั่วไป แต่ก็ไม่ใช้ยากุซ่า เป็นกลุ่มแก๊งต้มตุ๋น หรือพวกมิจฉาชีพ คืออยู่ระหว่างขอบเขตของการเป็น yakuza และ katagi พูดง่ายๆ คือพวกนักต้มตุ๋น อาจจะทำงานเป็นทีม พวกกลุ่มมิจฉาชีพในลักษณะแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์ไปบ้านที่เป็นคุณตาคุณยายหลอกเอาเงินด้วยกลวิธีต่างๆ เช่น "ฮัลโหล ๆ คือหลานชาย ของคุณ ทำสาวในบริษัทตั้งครรภ์นะ แต่ปิดข่าวซะตอนนี้ยังทันอยู่นะ !" งานแบบนี้แหละที่เค้าทำ อาจจะแสดงเป็นนายแพทย์บ้างหรือไม่ก็ทนายความเจ้าเล่ห์ (แต่ก็แอบหวังว่างานไม่ดีแบบนี้อย่ามีคนทำอีกเลย!)
ปัจจุบันไม่ได้มีแค่คนที่จบโรงเรียนมัธยมศึกษาแล้วคำนวณไม่ได้ แต่เรื่องคำนวณสูตรเศษส่วนต่างๆ เช่น 1/2 + 1/3= 1/5, oh,yeahー!ヽ(*・∀・)ノ" ก็กลายเป็นว่านักศึกษามหาวิทยาลัยบางคนก็ทำไม่ได้เช่นกัน ปัจจุบันไม่ค่อยมีใครคาดหวังการศึกษาในโรงเรียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนของรัฐ สวัสดิการต่างๆ ก็ธรรมดามากขึ้น แต่มาฉุกคิดกันก็เพราะมีเหตุการณ์หยุดเรียนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่านี่เอง โรงเรียนที่ช่วยกักเด็กอันธพาลเอย พูดง่ายๆคือที่จริงพ่อแม่อยากให้ลูกไปโรงเรียน พอเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ทำให้โรงเรียนต้องประกาศหยุดแล้วนักเรียนอยู่บ้านเฉยๆ ก็เลยทำให้รู้ความสำคัญของตรงนี้ขึ้นมา
ผมรู้สึกสงสารเด็กๆ เล็กน้อยสำหรับสถานการณ์ไม่ปกติเช่นนี้ แต่ 99% ของพวกเขาก็สามารถศึกษาวิชาต่างๆ อยู่ที่บ้านตัวเอง และผมหวังว่าแต่ละคนจะใช้เวลาที่มีอย่างมีความหมาย
PS. เนื่องจากเด็กๆ หยุดเรียน เรื่องสต็อกอาหารกลางวันของโรงเรียนจึงเหลือเยอะมาก เพราะไม่มีนักเรียนมาทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนนั้นเอง และดูเหมือนว่าจะมีนมเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนไทยในญี่ปุ่น ลองช่วยกันซื้อนมเมื่อเพื่อนๆ ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านสะดวกซื้อนะครับ? วันนี้สวัสดีครับ