อดีต รมว.คลัง แนะนักลงทุนตั้งสติ อย่ากังวลตลาดหุ้นตะวันตกทรุดตัวเพราะการระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 เพราะไทยเจอปัญหามาแต่ต้น และการรับมือของรัฐบาลก็ไม่ขี้เหร่ ชี้ไวรัสความกลัวกระทบธุรกิจได้มากกว่า
วันที่ 13 มี.ค. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุ บาล ในหัวข้อเรื่อง “ไวรัสแห่งความกลัวอันตรายมากกว่า” มีรายละเอียดว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตกต่ำกว่าจุดสูงสุดไปแล้ว 20% แต่นักวิเคราะห์คาดว่ายังจะลงไปอีกถึงระดับ 30% และเศรษฐกิจปีนี้จะถดถอยในสหรัฐ ข่าวร้ายเกี่ยวกับโควิดยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ในเดือนมีนาคม/เมษายน น่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อและคนตายเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพีค ซึ่งอาจจะเป็นปลายไตรมาสสองเมื่อเข้าหน้าร้อนเต็มที่
นักวิชาการด้านพฤติกรรมมนุษย์ต่อตลาดหุ้นวิเคราะห์ว่า สิ่งที่ระบาดรุนแรงกว่าไวรัสโควิด คือไวรัสแห่งความกลัว ดังนั้น ตลาดหุ้นจะยอบแยบไปอีก จนกว่าผู้คนจะเริ่มมั่นใจว่าประเทศสามารถป้องกันได้จริง
ทรัมป์ไม่ได้ทำให้ประชาชนสหรัฐมั่นใจได้มากนัก เพราะในช่วงเริ่มต้นไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก แทนที่จะ prepare for the worst กลับพูดว่าปัญหาไม่ใหญ่ เดี๋ยวก็จะหายไปเอง
แต่รสนิยมของชาวตะวันตกที่ไม่นิยมใส่หน้ากากเว้นแต่จะป่วย จึงทำให้ไม่มีการเตือนจิตใต้สำนึกให้ระวังตัวเหมือนคนเอเซียที่ใส่หน้ากากและรู้สึกร้อนอึดอัด แต่ต้องอดทน
ประกอบกับมาถึงวันนี้ เริ่มรู้แล้วว่า ในสหรัฐฯ มีหน้ากากในสต๊อกไม่พอ แม้แต่สำหรับบุคลากรสาธารณสุข รวมไปถึงชุดทดสอบไวรัสและเสื้อผ้าป้องกัน
ดังนั้น จึงเป็นปกติธรรมดาที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะทรุดตัวอย่างหนัก จนกว่านักลงทุนจะมั่นใจในมาตรการของรัฐบาล และจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกตั้งในสหรัฐฯ
แต่สำหรับตลาดหุ้นไทย อันที่จริงไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปตื่นตระหนกตามประเทศตะวันตก เพราะไทยเจอปัญหาตั้งแต่ต้น และมาตรการรับมือของรัฐบาลที่ผ่านมา ถึงแม้ไม่ได้รับคำสรรเสริญ แต่ก็ไม่ถึงกับขี้เหร่
ดังนั้น แรงขายที่เกิดจากกองทุนต่างชาติปรับลดสัดส่วนหุ้นทั่วโลก เปลี่ยนไปเพิ่มสัดส่วนพันธบัตร จึงไม่จำเป็นต้องกังวลมากจนเกินเหตุ
ไวรัสความกลัว ความหวาดระแวง สามารถจะกระทบธุรกิจได้มากกว่า จึงต้องตั้งสติให้ดี