เรือสำราญไดมอนด์ พรินเซส กลายเป็น “แหล่งกักกันโรคลอยน้ำ” ผู้โดยสารและลูกเรือเกือบ 4,000 คนต้องถูกกักตัวบนเรือนานถึง 14 วัน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ความล้มเหลวของการจัดการของรัฐบาลญี่ปุ่น เบื้องหลังคือ “การเมือง” ที่ทำให้ญี่ปุ่นต้องกลายเป็นแดนอันตรายจากไวรัสโคโรนา
ผู้โดยสารเรือไดมอนด์ พรินเซส ที่ล้วนเป็นผู้มีอันจะกินคงคาดไม่ถึงว่า ทริปท่องเที่ยวแสนสำราญจะลงเอยด้วยการถูกกักตัวนานถึง 14 วัน จนถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อบนเรือ 621 คน
บนเรือมี #คนไทย บนเรือทั้งหมด 25 คน เป็นลูกเรือ 23 คน เป็นผู้โดยสาร 2 คน ในจำนวนนี้ติดเชื้อ 3 คน ขณะนี้กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล ‼️
ผู้โดยสารบางส่วนเริ่มทยอยลงจากเรือได้แล้ว แต่ก็มีบางคนที่เคยติดต่อกับผู้ติดเชื้อจะถูกกักตัวต่อไป และอาจต้องถูกกักกันโรคบนเรือต่อไปนานเกือบ 1 เดือน
หลังผู้โดยสารลงจากเรือ เรื่องราวความอลหม่านก็พรั่งพรูออกมา พร้อมเสียงวิจารณ์ความไร้ประสิทธิภาพในการจัดการของรัฐบาลญี่ปุ่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐถึงกับบอกว่า การบริหารจัดการที่ล้มเหลวทำให้เรือกลายเป็น “แหล่งเพาะเชื้อลอยน้ำ” และผู้โดยสารที่ถูกปล่อยตัวอาจแพร่เชื้อไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ‼️
เรือสำราญหรู กลายเป็นแหล่งแพร่โรค
เรือไดมอนด์ พรินเซสเป็นเรือสำราญไฮไซ ฤดูร้อนแล่นเรือเที่ยวเอเชีย ฤดูหนาวออกเดินทางจากออสเตรเลียเที่ยวรอบโลก บนเรือมีห้องพัก 1337 ห้อง มีทั้งห้องที่มองเห็นท้องทะเลและมีระเบียงส่วนตัว ภายในเรือมีสระว่ายน้ำ กาสิโน โรงภาพยนต์ สนามกอล์ฟ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ ห้องสมุด สวนดอกไม้ บาร์ บ่อน้ำร้อน ร้านซักรีด ครบครัน
ความหายนะที่เกิดขึ้นกับเรือไดมอนด์ พรินเซส มีชนวนมาจากผู้โดยสารชาวฮ่องกงคนหนึ่ง ที่ถูกพบว่าติดเชื้อหลังกลับไปฮ่องกง ทำให้เรือที่กำลังเทียบท่าที่เมืองโยโกฮามา ถูกสั่งกักโรคทันที ผู้โดยสารและลูกเรือไม่สามารถลงจากเรือได้
เรือลำนี้เป็นเรือสัญชาติอังกฤษ ดำเนินการโดยบริษัทอเมริกัน ความเกี่ยวข้องระหว่างญี่ปุ่นกับเรือลำนี้ มีเพียงแค่บริษัทมิตซูบิชิเป็นผู้ต่อเรือลำนี้ที่อู่เมืองนางาซากิ และเรือลำนี้มีผู้โดยสารชาวญี่ปุ่นราว 200 คนเท่านั้น
ความจริงแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นสามารถปฏิเสธไม่ให้เข้าเทียบท่าก็ได้ เหมือนที่ปฏิเสธเรือเวสเตอร์ดัม หรืออาจเพียงแค่รับผู้โดยสารชาวญี่ปุ่น 200 คนมาตรวจโรค ไม่ใช่กักโรคคนทั้งหมดบนเรือเกือบ 4,000 คน ซึ่งเกินกว่าที่แพทย์ของญี่ปุ่นจะสามารถรับมือได้
เล่ากันว่า สาเหตุที่รัฐบาลญี่ปุ่นยอมให้เรือไดมอนด์ พรินเซสเข้าเทียบท่า ก็เพราะบริษัทอเมริกา-อังกฤษ เจ้าของเรือ มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับพรรค LDP ของนายกฯ ชินโซ อาเบะ ถึงขนาดที่เคยได้รับการสนับสนุนจากนโยบาย Cool Japan ซึ่งเป็นนโยบายส่งเสริมการเผยแพร่วัฒนธรรมญี่ปุ่นสู่ทั่วโลก รัฐบาลญี่ปุ่นจึง “น้ำท่วมปาก” จำต้อง “รับเผือกร้อน” นี้มา โดยอ้างว่า “ช่วยเหลือตามมนุษยธรรม”
รัฐบาลญี่ปุ่นอ้างว่า เรือลำนี้ยังไม่เข้าสู่ดินแดนญี่ปุ่น ถือเป็นพื้นที่ของอังกฤษตามสัญชาติเรือ แต่ต้องไม่ลืมว่า การดูแลเรื่องอาหาร ความเป็นอยู่ การตรวจโรคคน 4,000 คนบนเรือนั้น ใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชน ใช้เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองลำเลียงอาหารและของใช้ ส่วนแพทย์และพยาบาลล้วนเป็นอาสาสมัคร รัฐบาลญี่ปุ่นยังยอมรับว่าการตรวจเชื้อผู้โดยสารและลูกเรือทุกคนเป็นไปไม่ได้ จึงตรวจเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วย และผู้ที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเท่านั้น
ความไม่เพียงพอของบุคคลากรและเครื่องไม้เครื่องมือ ผสมด้วยระบบราชการ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มทบทวีอย่างรวดเร็ว และยังมีเจ้าหน้าที่ที่ขึ้นไปตรวจโรคบนเชื้อติดเชื้ออย่างน้อย 2 ราย
14 วันระทม บนคุกลอยน้ำ
ถึงแม้เรือไดมอนด์ พรินเซสจะหรูหราแค่ไหน แต่ไม่ใช่ช่วงเวลากักกันโรค14 วันบนเรือ ช่วงแรกผู้โดยสารได้รับอนุญาตให้ออกไปสูดอากาศที่ดาดฟ้าได้โดยต้องสวมหน้ากาก และให้อยู่ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร แต่หลังจากผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก ทุกคนจึงถูกสั่งให้อยู่แต่ในห้องของตัวเองเท่านั้น
ผู้โดยสารบนเรือส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ที่อายุ 70 ปีขี้นไป มีมากกว่า 1,200 คน คนชราก็มักมีโรคประจำตัว ถึงแม้อาหารการกินไม่ขาดแคลน แต่ยาเริ่มหมดลง ผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันสูงกว่า 750 คนต้องร้องขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยหายามาให้ แต่ฝ่ายญี่ปุ่นจัดหาให้ได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น
ผู้โดยสารกว่า 30 คนถึงกับร่วมลงชื่อเขียนจดหมายถึงรัฐบาลญี่ปุ่น ร้องเรียนว่าสภาพบนเรือย่ำแย่มาก ไม่มีการทำความสะอาดมานานนับสัปดาห์แล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ผู้ที่ถูกกักตัวบนเรือกลับไม่รู้ข่าวสารอะไรเลย ยิ่งกักตัวนาน สภาพร่างกายและจิตใจของทุกคนก็ย่ำแย่ลง เจ้าหน้าที่สนใจแต่กักโรค แต่ไม่ดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ และคนที่มีโรคประจำตัวเลย จนฝ่ายญี่ปุ่นต้องยอมให้ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว และผู้ที่พักในห้องที่ไม่มีหน้าต่าง ได้สิทธิ์ลงจากเรือก่อนกำหนด
ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่มีนโยบายจำกัดการเข้าเมืองที่เข้มงวดที่สุด แต่รัฐบาลญี่ปุ่นกลับไม่อาจจะปฏิเสธเรือไดมอนด์ พรินเซสได้ อีกไม่นานผู้คน 4,000 คนจากเรือสำราญหรูก็ต้องถูกปล่อยตัว คนเหล่านี้ไม่พบว่าติดเชื้อวันนี้ และเดินทางได้อย่างเสรีทั่วญี่ปุ่น.
