ผลสำรวจของรัฐบาลญี่ปุ่นชี้ การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของชาวญี่ปุ่นในวัย 15-39 ปี
คณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นได้รับทราบรายงานเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของชาวญี่ปุ่น ซึ่งชาวญี่ปุ่นในกลุ่มอายุ 15-39 ปีเสียชีวิตเพราะฆ่าตัวตายมากที่สุด มากกว่าการเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุและโรคมะเร็ง ตอกย้ำถึงปัญหาการฆ่าตัวตายที่เป็นวิกฤตหนักในสังคมญี่ปุ่น
ในปี 2016 ชาวญี่ปุ่นทุกช่วงเลือกจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายมากถึง 21,897 คน ลดลงร้อยละ 8.9 จากปีก่อนหน้า และลดลงเป็นปีที่ 7 แต่จำนวนผู้ที่ “คิดสั้น” ในญี่ปุ่นก็ยังคงสูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ผู้คนมักเสียชีวิตเพราอุบัติเหตุและโรคร้ายมากกว่า
ข้อมูลที่น่ากังวล คือ ชาวญี่ปุ่นที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงานวัย 15-34 ปี โดยมีสัดส่วนสูงถึง 17.8 ต่อประชากร 100,000 คน ขณะที่การเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุมีสัดส่วนเพียง 6.9 และเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งมีสัดส่วน 5.2 นอกจากนี้ การฆ่าตัวตายของเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยในรอบ 20 ปี
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เป็นรองเพียงเกาหลีใต้ ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงมากถึง 28.5 ต่อประชากร 100,000 คน
สถาบันต่างๆในญี่ปุ่น ระบุว่า การเลือกจบชีวิตตัวเองลงอย่างง่ายๆ ของชาวญี่ปุ่น มีสาเหตุมาจากความกดดันจากการเรียน, การทำงาน และใช้ชีวิตในสังคม เนื่องจากสังคมญี่ปุ่นมีการแข่งขันที่สูงมาก ทำให้ชาวญี่ปุ่นต้องเป้าหมายหมายสูง เมื่อทำไม่ได้ก็เกิดความผิดหวังอย่างมาก
นอกจากนี้ยังเป็นผลจากแนวคิดดั้งเดิมที่สั่งสอนให้ชาวญี่ปุ่น “สำนึกตน” หรือก็คือ “โทษตัวเอง” เมื่อเกิดความผิดพลาดใดๆ เหมือนเช่นในอดีตที่เหล่าซามูไรจะคว้านท้องเพื่อสำนึกผิด.