xs
xsm
sm
md
lg

“ปูติน” เซียนเหยียบเมฆ ชนะขาดในเวทีสานสัมพันธ์ญี่ปุ่น-รัสเซีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียใช้ความช่ำชองทางการทูต ช่วงชิงความได้เปรียบในการเจรจากับนายกฯชินโซ อะเบะ ระหว่างการเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 10 ปีของผู้นำรัสเซีย

นายชินโซ อะเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดบ้านเกิดที่เมืองนะกะตะ จังหวัดยะมะกุชิ ต้อนรับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งเป็นผู้นำรัสเซียคนแรกที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปี 2005  ฝ่ายญี่ปุ่นตั้งเป้าจะคลี่คลายข้อพิพาทเรื่องดินแดน 4 เกาะที่มีมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะทั้ง 4 แห่งอยู่ทางภาคเหนือจากเกาะฮอกไกโด ซึ่งญี่ปุ่นยึดถือว่าเกาะเหล่านั้นเป็นดินแดนของญี่ปุ่นมาแต่เดิม และถูกยึดครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

เกาะทั้ง 4 แห่งไม่เพียงอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นภูมิศาสตร์สำคัญของรัสเซียทางภาคพื้นแปชิฟิก ฝ่ายรัสเซียจึงอ้างสิทธิ์โดยชอบธรรมในพื้นที่นับตั้งแต่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงคราม เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลญี่ปุ่นคาดหวังกับการเดินทางเยือนของประธานาธิบดีปูตินอย่างมาก ถึงขนาดมีเสียงร่ำลือว่าฝ่ายรัสเซียอาจยอมผ่อนปรนสิทธิ์ในเกาะ 2แห่ง

แต่ความจริงแล้ว ฝ่ายรัสเซียยืนธงแน่วแน่มาตลอดว่าเกาะทั้ง 4แห่งเป็นของตน ประธานาธิบดีปูตินถึงกับตีปลาหน้าไซว่า “รัสเซียไม่มีข้อพิพาทเรื่องพรมแดนกับญี่ปุ่น” เพราะรัสเซียรู้ดีว่า ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ และหากยอมอ่อนข้อแม้เพียงก้าวเดียวกับเรื่องนี้ ญี่ปุ่นก็อาจจะเปิดทางให้ตั้งฐานทัพของสหรัฐฯ จ่อคอหอยประชิดรัสเซีย

ก่อนหน้านี้ ปูตินเคยบอกกับนายอะเบะว่า รัสเซียรู้ดีว่าญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ แต่ก็จะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงไป นี่คือที่มาที่ประธานาธิบดีปูตินตอบรับคำเชิญเดินทางเยือนญี่ปุ่นในครั้งนี้

ละวางความขัดแย้ง จับมือพัฒนาเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีปูตินรู้ดีว่าฝ่ายญี่ปุ่นต้องการจะเจรจาเรื่องเกาะ 4เกาะ แต่ด้วยความเก๋าเกมของปูตินจึงทำให้นายอะเบะแทบจะไม่สามารถยกประเด็นนี้ขึ้นมาบนโต๊ะเจรจาได้อย่างชัดแจ้ง สุดท้ายผู้นำญี่ปุ่นจึงได้แต่ “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” โดยระบุว่าญี่ปุ่นและรัสเซียจะพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจร่วมกันบนเกาะ 4 เกาะ โดยทั้ง 2 ชาติจะไม่ประนีประนอมจุดยืนของแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวกับเรื่องพื้นที่พิพาท

การพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่นายอะเบะว่า เช่น การอนุญาตให้ชาวญี่ปุ่นที่เคยพำนักอาศัยบนเกาะเหล่านั้นไปเยือนดินแดนดังกล่าวได้อย่างเสรี รวมทั้งการสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซในน่านน้ำนอกชายฝั่งของรัสเซีย

ถ้อยแสดงของนายอะเบะดูเหมือนว่าญี่ปุ่นและรัสเซียจะ “วิน-วิน” ได้ประโยชน์ทั้งกันคู่ แต่ความจริงแล้ว ฝ่ายรัสเซียถือไพ่เหนือกว่าอย่างชัดเจน เพราะข้อเสนอเรื่องการพัฒนาพื้นที่นี้ก็เคยมีการเจรจากันแล้วตั้งแต่ปี 1998 ระหว่างอดีตนายกเคอิโซะ โอบุชิ และประธานาธิบดีบอริส เยลซิน แต่ก็ไม่ได้ถูกสานต่ออย่างจริงจัง

ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น ยังยอมรับว่าการเจรจาครั้งนี้หน้าฉากดูยิ่งใหญ่ แต่ฝ่ายญี่ปุ่นไม่ได้ประโยชน์เป็นรูปธรรมเลย และเป็นฝ่ายรัสเซียที่ได้ข้อเสนอการลงทุนร่วมและเงินกู้จากญี่ปุ่นเป็นมูลค่าสูงถึง 300,000 ล้านเยน

ปูตินสุดเขี้ยว หงายไพ่ข่มญี่ปุ่น

ข้อเสนอพัฒนาพื้นที่ร่วมกันเหมือนจะดูดี แต่เงื่อนไขสำคัญคือ จะใช้กฎหมายของญี่ปุ่นหรือของรัสเซีย? เพราะหากใช้กฎหมายรัสเซียก็จะแย้งกับจุดยืนของญี่ปุ่นที่ว่าเกาะต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนญี่ปุ่นมาแต่เดิม

แน่นอนว่า รัสเซียยืนกรานให้นำกฎหมายรัสเซียมาบังคับใช้ ขณะที่ญี่ปุ่นบอกว่าจะออกกฎระเบียบพิเศษขึ้นมา และคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถพบกันครึ่งทาง

มูลเหตุหนึ่งที่ประธานาธิบดีปูตินตอบรับคำเชิญเยือนญี่ปุ่น เพราะรัสเซียถูกประชาคมโลกคว่ำบาตรจากกรณีผนวกรวมแคว้นไครเมียและไปแทรกแซงการสู้รบในยูเครน นอกจากนี้ยังถูกซ้ำเติมจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ทำให้เศรษฐกิจรัสเซียได้รับผลกระทบอย่างมาก ปูตินจึงเห็นว่า การสานสัมพันธ์กับญี่ปุ่นไม่เพียงช่วยผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร แต่ยังได้โอกาสพัฒนาทรัพยากรต่างๆในพื้นที่ตะวันออกไกล กระจายไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

"ทรัมป์” ทำเกมเปลี่ยน สหรัฐฯหวนคืนดีรัสเซีย

รัสเซียหวังจะใช้ญี่ปุ่นเป็นหมากเดินเข้าฮอสไปยังสหรัฐฯ แต่สถานการณ์ล่าสุดหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯทำให้รัสเซียอาจสามารถปรับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯได้โดยตรง โดยไม่ต้องอาศัยญี่ปุ่น

หนำซ้ำราคาน้ำมันโลกก็กำลังปรับตัวสูงขึ้นเพิ่มพลังให้กับรัสเซีย สถานการณ์เช่นนี้ทำให้รัสเซียอาจไม่จำเป็นต้องเร่งทำข้อตกลงใหญ่ๆกับญี่ปุ่นอีก

นายกฯชินโซ อะเบะ อาจนับเป็นผู้นำที่สร้างมิติใหม่ให้กับญี่ปุ่นทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง นโยบายหลายอย่างเป็นสิ่งที่รัฐบาลอนุรักษ์นิยมของญี่ปุ่นในอดีตกล้าคิดแต่ไม่เคยกล้าทำมาก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่นายอะเบะยังไม่สามารถสลัดพ้น คือยังเดินตามนโยบายของสหรัฐฯแทบทุกกระเบียดนิ้ว

นายอะเบะเคยประกาศว่าจะฟื้นฟูศักดิ์ศรีของลูกพระอาทิตย์ ก่อนหน้านายโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศว่า Make America Great again ด้วยซ้ำ แต่ในสถานการณ์โลกที่พลิกผันจนตั้งรับไม่ทันเช่นทุกวันนี้ หากญี่ปุ่นยังยึดมั่นในรูปแบบเดิมๆ ก็คงไม่อาจพ้นจากสถานะ “ลูกไล่” ไปได้.

กำลังโหลดความคิดเห็น