นายกรัฐมนตรี ชินโซ อะเบะ แห่งญี่ปุ่น ได้พบหารือกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐที่นิวยอร์ก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน โดยถือเป็นกรณีพิเศษที่ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯพบปะกับผู้นำต่างประเทศในขณะที่ยังไม่ได้สาบานตัวเข้ารับตำแหน่ง
การรักษาความปลอดภัยที่ด้านหน้าอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก เข้มงวดราวกับการรับมือต่อต้านการก่อการร้าย ในระหว่างที่ นายชินโซ อะเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พบกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ การพบกันโดยตรงครั้งแรกระหว่างบุคคลทั้งสองใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที และนายอะเบะถือเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่ได้พบกับนายทรัมป์หลังชนะศึกเลือกตั้ง
ผู้นำญี่ปุ่น กล่าวว่า เขาเชื่อมั่นว่า ตนเองสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อถือไว้ใจกันกับนายทรัมป์ได้ พร้อมระบุว่า ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในฐานะชาติพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่น และสหรัฐฯ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เนื่องจากนายทรัมป์ยังไม่ได้เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ
การพบกันครั้งนี้ ถือว่า Exclusive มาก โดยมีเพียงนายอะเบะ และล่าม เท่านั้น ส่วนนายทรัมป์ ออกมาต้อนรับพร้อมกับครอบครัว หลังการพบปะนายอะเบะได้มอบชุดไม้กอล์ฟเป็นของขวัญแด่นายทรัมป์ ขณะที่ทรัมป์มอบเสื้อและสินค้ากอล์ฟอี่นๆ ตอบแทนเช่นกัน เนื่องจากทางกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น ทราบมาว่า ทรัมป์ชอบเล่นกอล์ฟ
ฝ่ายญี่ปุ่นได้ประสานงานผ่านการโทรศัพท์สายตรงถึงนายทรัมป์ เมื่อวันที่ 10 พ.ย. และใช้โอกาสที่นายอะเบะจะเดินทางไปประชุมเอเปกที่เปรู แวะที่นครนิวยอร์ก เพื่อพบกับว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ โดยไม่ได้ผ่านการจัดแจงของกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพราะนายทรัมป์ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่ง
การพบกันครั้งนี้ถือเป็นเรื่องแหวกธรรมเนียมการทูตที่ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯที่พบปะกับผู้นำต่างประเทศทันทีหลังการเลือกตั้ง และไม่เคยมีนายกฯญี่ปุ่นคนไหนเคยทำมาก่อน ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของความเป็นพันธมิตรของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ
สื่อมวลชนญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่า นายอะเบะต้องการพบกับนายทรัมป์อย่างเร่งด่วนที่สุด เพราะนายทรัมป์ไม่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ มาก่อน และฝ่ายญี่ปุ่นแทบไม่มีสายสัมพันธ์และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนายทรัมป์เลย
นายกรัฐมนตรี อะเบะ พยายามจะรู้ให้ได้ว่านายทรัมป์คิดอย่างไรกันแน่ เนื่องจากนโยบายเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่นายทรัมป์ได้เสนอนั้น ทำให้เกิดประเด็นถกเถียง ผู้นำญี่ปุ่นจึงจำเป็นต้องหาแนวทางที่รวดเร็วในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับส่วนตัวกับนายทรัมป์
ประเด็นที่ฝ่ายญี่ปุ่นกังวลที่สุด คือ นายทรัมป์ เคยประกาศว่า จะให้สหรัฐฯถอนตัวจากข้อตกลงการค้าเสรี TPP และขู่ว่าจะถอนกำลังทหารสหรัฐฯออกจากญี่ปุ่น หากรัฐบาลญี่ปุ่นไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากขึ้น ฝ่ายญี่ปุ่นต้องการทราบว่านั่นเป็นเพียงกลยุทธ์เรียกคะแนนเสียง หรือเป็นเจตนาของนายทรัมป์จริงๆ และต้องการโน้มน้าวให้นายทรัมป์เปลี่ยนใจ
ญี่ปุ่นได้ส่งผู้แทนพิเศษไปพบปะกับบุคคลสำคัญของพรรครีพับลิกัน และผู้ใกล้ชิดนายทรัมป์ หลายคนบอกว่าไม่ควรจริงจังกับคำพูดในระหว่างการหาเสียงของนายทรัมป์ แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ตั้งข้อสังเกตว่า หากนายทรัมป์ไม่ทำตามสิ่งที่เคยพูดไว้ก็จะขาดความน่าเชื่อถือ และถูกมองเป็นคนกลับกลอก ซึ่งเป็นผลเสียอย่างยิ่งต่อภาพลักษณ์ผู้นำสหรัฐฯ