ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่กินข้าวเป็นอาหารหลักเหมือนไทย หากแต่ชาวนาญี่ปุ่นกลับมีชีวิตที่ดีกว่าชาวนาไทยอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้าวญี่ปุ่นสามารถต่อยอดเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้มากมาย
ชาวญี่ปุ่นนับถือว่าในทุกเมล็ดข้าวมีเทพเจ้าเหมือนกับ “แม่โพสพ” ของคนไทย ชาวญี่ปุ่นจึงให้ความสำคัญกับข้าวอย่างมาก ในวันที่ข้าวไทยราคาตกต่ำ ญี่ปุ่นก็มีปัญหาเรื่องข้าวเช่นเดียวกัน
ชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่ไม่นิยมกินข้าวเหมือนในอดีต ปริมาณการบริโภคข้าวลดลงอย่างต่อเนื่อง ในปี 2015 ชาวญี่ปุ่นกินข้าวเฉลี่ยคนละ 55 กก.ต่อปี ลดลงมากกว่าคึ่งหนี่งเมื่อเทียบกับสถิติในปี 1962 ที่ชาวญี่ปุ่นกินข้าวเฉลี่ยคนละ 118 กก.ต่อปี
กระทรวงเกษตรฯญี่ปุ่น จึงส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวจนประสบความสำเร็จ พิสูจน์ได้จากจำนวนพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่เพิ่มมากกว่า 5เท่าตัวในช่วงปี 2008 - 2015
ที่ญี่ปุ่น ข้าวชั้นดีจะถูกเปลี่ยนเป็นเหล้าชั้นเยี่ยม ที่ไม่ได้แค่ดื่มอร่อยแต่ยังเป็นของศักดิ์สิทธิ์ใช้บูชาเทพเจ้า หากแต่นอกจากสุราแล้ว ข้าวญี่ปุ่นยังถูกพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ มากมาย
เฉพาะในปี 2015 มีเครื่องดื่มใหม่ที่ผลิตจากข้าวออกวางตลาด ทั้งน้ำนมข้าว, โคล่าจากข้าว, เครื่องดื่มน้ำข้าวรสกาแฟ รวมทั้งเบียร์ที่บ่มจากข้าว เครื่องดื่มเหล่านี้ดีต่อสุขภาพและบริโภคได้ทุกเพศทุกวัย ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการจำหน่ายเหมือนเหล้า
เด็กหญิงวัย 6 ขวบที่ชิม “Shari-Cola” ที่ทำจากข้าว บอกว่า รสเหมือนน้ำแอปเปิลและเข้ากันได้ดีกับซูชิ
Shari-Cola เป็นน้ำอัดลมที่ดีกว่าน้ำอัดลมทั่วไปที่มีแต่น้ำตาล เพราะมีกรดอะมิโนที่ช่วยให้ผู้ดื่มหายเหนื่อยได้ Shari-Cola ยังได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายร้ายซูชิสายพานแห่งหนึ่ง นำเครื่องดื่มและน้ำส้มสายชูจากข้าวมาจำหน่ายให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
รสชาติใหม่เพื่อสุขภาพ ผลิตแทบไม่ทัน
บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เครื่องดื่มจากข้าวได้รับความนินยมอย่างมากจนผลิตไม่ทัน ทำให้สินค้าขาดตลาดไปช่วงหนึ่งทางบริษัทคาดว่า ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จึงนิยมเครื่องดื่มจากข้าวที่มีสารอาหารและรสหวานอ่อนละมุน
“คิกโคมัน” ผู้ผลิตซีอิ๊วและเครื่องเทศรายใหญ่ของญี่ปุ่น วางจำหน่าย “น้ำนมข้าวกล้อง” ในเดือนพฤษภาคม โดยใช้เทคนิคสกัดความหวานแบบเดียวกับการผลิตเหล้ามิริน โดยไม่ต้องเติมน้ำตาล เครื่องดื่มนี้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น
Farm8 บริษัทเครื่องดื่มอีกราย ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคนิคคั่วข้าวให้มีรสชาติคล้ายกาแฟ จนผลิตเป็น “น้ำนมข้าวรสกาแฟ” ที่ไม่ได้มีกาแฟเป็นส่วนผสมแต่อย่างใด เครื่องดื่มนี้ไม่มีกาเฟอีนจึงเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบกลิ่นหอมของกาแฟแต่แพ้กาเฟอีน
Farm8 ยังร่วมกับชาวนาเมืองนากาโอกะ พัฒนาข้าวสายพันธุ์ Coshi-Brown ขึ้นเพื่อใช้ผลิตเป็นเครื่องดื่มโดยเฉพาะ ข้าวสายพันธุ์พิเศษนี้มีราคาถึง กก.ละ 16,200 เยน หรือกว่า 5,500 บาท
นอกจากนี้ ข้าวญี่ปุ่นยังถูกนำมาหมักบ่มเป็นเบียร์ข้าว ที่มีความหอมแตกต่างจากเบียร์ทั่วไป และมีราคาขายสูงกว่าเบียร์ปกติกว่า 2 เท่าตัว
ไม่เพียงแต่เครื่องดื่มจากข้าว แต่ญี่ปุ่นยังแปรรูปข้าวเป็นอาหารเส้นมากมาย ทั้งบะหมี่, พาสต้า, ขนมปัง หรือแม้แต่แป้งทอดเทมปุระจากข้าว
ญี่ปุ่นและไทยต่างเผชิญกับปัญหาเรื่องข้าว ชาวญี่ปุ่นและชาวไทยก็ให้ความเคารพข้าวไม่แตกต่างกัน บริษัทเครื่องดื่มและสุราของทั้งสองชาติก็ร่ำรวยไม่แพ้กัน แต่คนไทยกลับมีทางเลือกแค่น้ำเชื่อมรสชาเขียวแจกโชคใต้ฝา และเหล้าที่ทำจากกากน้ำตาล