อาม่า มารีน ยื่นไฟลิ่ง เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ IPO 108 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท ระดมทุนขยายกองเรือ และรถขนส่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทั้งใน และต่างประเทศ
นางศรัณยา กระแสเศียร กรรมการผุ้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ หลังจากที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ของ “อาม่า มารีน” ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่แล้ว เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยบริษัทเตรียมเสนอขายหุ้น IPO 108 ล้านหุ้น มีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท เพื่อขยายกองเรือ และรถขนส่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทั้งใน และต่างประเทศ
หลังการยื่นไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว เราจะเตรียมควาพร้อมสำหรับกระบวนการต่างๆ หลังจากนี้ ซึ่งในปัจจุบันถือว่ามีความพร้อมค่อนข้างมาก โดยเชื่อว่า AMA จะได้รับการตอบรับที่ดีในการเข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ mai
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ AMA ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือ และให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจาก ก.ล.ต. เพื่อนับหนึ่งไฟลิ่ง โดยบริษัทมีแผนที่จะเข้าระดมทุน เพื่อนำเงินที่ได้ไปขยายเส้นทางการขนส่งไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ ทำให้เส้นทางการให้บริการของบริษัทครอบคลุมประเทศที่มีความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ได้แก่ จีน อินเดีย และปากีสถาน เป็นต้น
โดยจะขยายกองเรือบรรทุกน้ำมัน และสารเคมี เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวระหว่างประเทศในปีนี้จนถึงปี 60 เพิ่มอีกจำนวน 3 ลำ น้ำหนักบรรทุกเฉลี่ย (DWT) 12,000-14,000 ตัน/ลำ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 12-14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ลำ ซึ่งภายในปีนี้ก็จะมีการเซ็นสัญญารับมอบเรือดังกล่าวเข้ามา 1 ลำ จากปัจจุบันมีกองเรือบรรทุกน้ำมัน และสารเคมี อยู่ที่ 7 ลำ
ขณะที่ยังใช้ลงทุนขยายกองรถบรรทุกน้ำมัน เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวในประเทศ โดยบริษัทมีแผนลงทุนซื้อรถบรรทุกน้ำมันเพิ่มเป็น 100 คัน จากปัจจุบันมีอยู่ 80 คัน คาดใช้เงินลงทุนรวม 440-550 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งเป็นการใช้สินเชื่อเช่าซื้อประมาณ 90% ของมูลค่าเงินลงทุน และจะใช้เงินทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ราว 44-55 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจให้บริการด้านลอจิสติกส์
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขนส่งสินค้าเหลวอื่นๆ เพิ่มเติมอีกในอนาคต โดยธุรกิจขนส่งทางเรือ มองการส่งสินค้าเหลวประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง กากน้ำตาล สารเคมีที่มีอันตรายไม่สูง จากเดิมเป็นการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว 3% และผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม 97%
ส่วนธุรกิจขนส่งทางรถ ก็มีแผนขยายไปยังสินค้าเหลวอื่นๆ ด้วย เช่น น้ำมันปาล์ม, เอทานอล หรือ เอทิลแอลกอฮอล์ เป็นต้น จากเดิมที่มีการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงราว 90% และ 10% เป็นไบโอดีเซล (B100)
นางศรัณยา กระแสเศียร กรรมการผุ้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ หลังจากที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ของ “อาม่า มารีน” ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่แล้ว เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยบริษัทเตรียมเสนอขายหุ้น IPO 108 ล้านหุ้น มีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท เพื่อขยายกองเรือ และรถขนส่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทั้งใน และต่างประเทศ
หลังการยื่นไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว เราจะเตรียมควาพร้อมสำหรับกระบวนการต่างๆ หลังจากนี้ ซึ่งในปัจจุบันถือว่ามีความพร้อมค่อนข้างมาก โดยเชื่อว่า AMA จะได้รับการตอบรับที่ดีในการเข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ mai
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ AMA ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือ และให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจาก ก.ล.ต. เพื่อนับหนึ่งไฟลิ่ง โดยบริษัทมีแผนที่จะเข้าระดมทุน เพื่อนำเงินที่ได้ไปขยายเส้นทางการขนส่งไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ ทำให้เส้นทางการให้บริการของบริษัทครอบคลุมประเทศที่มีความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ได้แก่ จีน อินเดีย และปากีสถาน เป็นต้น
โดยจะขยายกองเรือบรรทุกน้ำมัน และสารเคมี เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวระหว่างประเทศในปีนี้จนถึงปี 60 เพิ่มอีกจำนวน 3 ลำ น้ำหนักบรรทุกเฉลี่ย (DWT) 12,000-14,000 ตัน/ลำ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 12-14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ลำ ซึ่งภายในปีนี้ก็จะมีการเซ็นสัญญารับมอบเรือดังกล่าวเข้ามา 1 ลำ จากปัจจุบันมีกองเรือบรรทุกน้ำมัน และสารเคมี อยู่ที่ 7 ลำ
ขณะที่ยังใช้ลงทุนขยายกองรถบรรทุกน้ำมัน เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวในประเทศ โดยบริษัทมีแผนลงทุนซื้อรถบรรทุกน้ำมันเพิ่มเป็น 100 คัน จากปัจจุบันมีอยู่ 80 คัน คาดใช้เงินลงทุนรวม 440-550 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งเป็นการใช้สินเชื่อเช่าซื้อประมาณ 90% ของมูลค่าเงินลงทุน และจะใช้เงินทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ราว 44-55 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจให้บริการด้านลอจิสติกส์
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขนส่งสินค้าเหลวอื่นๆ เพิ่มเติมอีกในอนาคต โดยธุรกิจขนส่งทางเรือ มองการส่งสินค้าเหลวประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง กากน้ำตาล สารเคมีที่มีอันตรายไม่สูง จากเดิมเป็นการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว 3% และผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม 97%
ส่วนธุรกิจขนส่งทางรถ ก็มีแผนขยายไปยังสินค้าเหลวอื่นๆ ด้วย เช่น น้ำมันปาล์ม, เอทานอล หรือ เอทิลแอลกอฮอล์ เป็นต้น จากเดิมที่มีการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงราว 90% และ 10% เป็นไบโอดีเซล (B100)