xs
xsm
sm
md
lg

ชาวญี่ปุ่นทึ่ง ประชาชนไทยสวดมนต์ถวายพระพรในหลวง (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ชาวญี่ปุ่นชื่นชมประชาชนไทยที่รวมใจสวดมนต์เพื่อถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงหายจากพระอาการประชวร

สื่อมวลชนญี่ปุ่นรายงานจากโรงพยาบาลศิริราช ว่า ประชาชนชาวไทยจำนวนมากหยุดงาน และหยุดเรียนเดินทางมาร่วมสวดมนต์เพื่อถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายหลังจากแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง ประกาศว่า พระอาการประชวรโดยรวมยังไม่คงที่

นอกจากที่โรงพยาบาลศิริราชแล้ว ยังมีประชาชนจำนวนมากไปสวดมนต์ตามวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยเพื่อถวายพระพรแด่ในหลวง ขณะที่ในโลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยข้อความถวายพระพร และภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ผู้หญิงคนหนึ่งถือพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ด้านนอกโรงพยาบาลศิริราช เธอกล่าวว่า ปรารถนาให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว เพื่อที่พระองค์จะทรงเป็นพ่อของแผ่นดินได้ต่อไป



สถานีโทรทัศน์ของญี่ปุ่นให้ข้อมูลว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนมพรรษา 88 พรรษา และแพทย์ได้ถวายการผ่าตัดพระหทัยเมื่อเดือนมิถุนายน พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และตลอดเวลา 70 ปี ทรงทุ่มเทเพื่อพสกนิกรและประเทศชาติอย่างมาก

ด้านชาวญี่ปุ่นที่ผูกพันกับประเทศไทย ต่างแสดงความเห็นในโลกออนไลน์ชื่นชมประชาชนไทยที่จงรักภักดีต่อในหลวง บางคนแสดงความเห็นว่าญี่ปุ่นและไทยต่างมีราชวงศ์ หากแต่หลังสงครามโลก ราชวงศ์ญี่ปุ่นถูกลดบทบาทอย่างมีนัยยะที่สุด สถาบันหลักของญี่ปุ่นนี้ถูกตั้งคำถามอย่างมาก และมีชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย “ไม่แยแส” ถึงการมีอยู่ของราชวงศ์อีก

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ประชาชนชาวญี่ปุ่นจำนวนมากน้ำตาริน หลังได้ฟังพระราชดำรัสของพระจักรพรรดิ ที่นำไปสู่การตีความถึงนัยยะแห่งการ “สละราชบัลลังก์”

ความภักดีที่ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวไทยมีต่อพระจักรพรรดิ และพระเจ้าอยู่หัว คงไม่แตกต่างกัน เหมือนเช่นที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯไทย ได้บันทึกไว้ในการเยือนญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อกว่า 30 ปีก่อน ว่า

 “คนที่นิยมนับถือในลัทธิใหม่ ๆ ในโลกทุกวันนี้ เช่น ลัทธิคอมมิวนิสต์ และหมดความจงรักภักดีในพระจักรพรรดิ ก็อาจมีอยู่บ้าง แต่ถ้าเอาคนที่ขาดความจงรักภักดีไปเปรียบเทียบกับพลเมืองญี่ปุ่นอีกเก้าสิบล้านคน ซึ่งเต็มไปด้วยความจงรักภักดีแล้ว คนที่ขาดความจงรักภักดีนั้น ก็อาจเปรียบได้กับน้ำหยดเดียวในท้องพระมหาสมุทร”

กำลังโหลดความคิดเห็น