xs
xsm
sm
md
lg

ฤาสิ้นยุคเครื่องใช้ไฟฟ้า “เมดอินเจแปน” ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เครื่องใช้ไฟฟ้าจากญี่ปุ่นซึ่งเคยประสบความสำเร็จอย่างมากถึงยุคตกต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งต้องขายกิจการ ขณะที่ฐานการผลิตในญี่ปุ่นแทบจะไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้

บริษัทชาร์ปของญี่ปุ่นได้กลายเป็นบริษัทในเครือบริษัทหงไห่จากไต้หวัน ขณะที่โตชิบา เจ้าของสโลแกน “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” ก็ได้จำหน่ายธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของตนให้แก่บริษัทมิเดีย กรุ๊ปของจีน ส่วนยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ เช่น พานาโซนิก, โซนี่, มิตซูบิชิ ก็มียอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความยากลำบาก โดยเฉพาะการแข่งขันกีบแบรนด์จากเกาหลีอย่าง ซัมซุงและ LG รวมทั้งแบรนด์จากจีน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการผลิตที่สูงในญี่ปุ่น รวมถึงการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินเยนในช่วง 3-4 ปีก่อน สิ่งเหล่านี้ต่างส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทญี่ปุ่น

อดีตวิศวกรที่เคยทำงานกับหงไห่ ยักษ์ใหญ่จากไต้หวันซึ่งเพิ่งซื้อกิจการของชาร์ป ให้ความเห็นว่า สินค้าของญี่ปุ่นมีคุณภาพดีกว่าของเกาหลีเล็กน้อย แต่ราคากลับแพงกว่ามาก ขณะที่ผู้บริโภคยุคใหม่มักไม่ใส่ใจเรื่องความทนทาน ใช้งานเพียง 2-3ก็เปลี่ยนรุ่นใหม่ได้ นี่คือสาเหตุที่ทำให้สินค้าจากเกาหลีประสบความสำเร็จ
มิเดีย กรุ๊ป ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีน ซื้อสายการผลิตของโตชิบา
ด้านผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นยังเชื่อว่า สินค้าอิเล็คทรอนิกส์ของญี่ปุ่นยังมีอนาคต เนื่องจากค่าแรงในจีนกำลังปรับตัวสูงขึ้น โดยในอดีตค่าแรงในจีนอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 10 ของญี่ปุ่น แต่ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1 ใน 5 หรือ 1 ใน 3

เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสามารถในการผลิตจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะโรงงานในญี่ปุ่นมีความสามารถในการผลิตสูงกว่าโรงงานในจีน 3 ถึง 5 เท่า ดังนั้นเมื่อมองในภาพรวม จึงมีบางจุดที่ต้นทุนเมื่อผลิตในโรงงานของญี่ปุ่นต่ำกว่าเมื่อผลิตที่โรงงานในจีน

ยิ่งไปกว่านั้น ญี่ปุ่นยังมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วย ญี่ปุ่นจึงได้เปรียบจีนและเกาหลีในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และความเชื่อถือที่มีต่อยี่ห้อสินค้า ซึ่งการที่บริษัทต่างชาติซื้อกิจการของญี่ปุ่นก็เพราะต้องการซื้อความสามารถการผลิต และคุณค่าของแบรนด์

ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นเห็นว่า เวลานี้เป็นยุคโลกาภิวัฒน์จึงไม่ใช่ยุคที่โรงงานท้องถิ่นในญี่ปุ่นเพียงลำพังจะสามารถเอาชนะในการแข่งขันได้ บริษัทนานาชาติของญี่ปุ่นที่มีโรงงานแม่ในญี่ปุ่นนั้นยังแข็งแกร่งอยู่ และการที่มีฐานการผลิตที่แข็งแกร่งอยู่ในญี่ปุ่น ก็ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งนี้ขยายธุรกิจไปทั่วโลก การคงฐานการผลิตและวิจัยในญี่ปุ่นจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการชิงชัยบนเวทีโลก.

กำลังโหลดความคิดเห็น