ผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ หรือ G7 รับรองแถลงการณ์หลังการประชุมที่ญี่ปุ่น โดยจะร่วมมือกันฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก รวมทั้งได้เตือนประเทศจีนที่เพิ่มความตึงเครียดจากการครอบครองพื้นที่ในทะเล
สถานีโทรทัศน์ NHK รายงานว่า ผู้นำกลุ่มประเทศ G7 ออกแถลงการณ์ร่วม ในวันสุดท้ายของการประชุมสุดยอดที่อิเซะ-ชิมะ ระบุถึงพันธกรณีในการทำงานร่วมกันเพื่อทำให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น โดยจะร่วมมือกันเพื่อดำเนินกลยุทธ์การคลังอย่างยืดหยุ่น เพื่อส่งเสริมการเติบโต การสร้างงาน และความเชื่อมั่น
ผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นน ำระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงทรงตัวในระดับปานกลาง และไม่สม่ำเสมอ และมีความเสี่ยงในการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอีก
ผู้นำ G7 แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออก โดยระบุว่า กรรมสิทธิ์ในพื้นที่พิพาทควรยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และละเว้นจากการกระทำฝ่ายเดียวที่อาจเปลี่ยนแปลงสถานะที่ดำรงอยู่เดิมและเพิ่มความตึงเครียด
ถึงแม้จะไม่ได้ระบุโดยตรง แต่ก็รู้กันดีว่าหมายถึง “ประเทศจีน” ที่ถมทะเลสร้างเกาะเทียมและประจำการยุทโธปกรณ์ในพื้นที่ทะเลจีนใต้
แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้ชาติต่าง ๆ ใช้สันติวิธีในการคลี่คลายข้อขัดแย้ง เช่น ส่งเรื่องให้ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ แต่รัฐบาลจีนประกาศชัดเจนว่าไม่ยอมรับการตัดสินใด ๆ ของศาลโลก
อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนจำนวนหนึ่งมองว่า ความสำเร็จที่ชัดเจนที่สุด คือ การประชุม G7 ครั้งนี้ ตกอยู่กับนายกฯ ชินโซ อะเบะ ที่ “ได้หน้า” ไปเต็ม ๆ รวมทั้งผลพลอยได้ในการโปรโมตเกาะกลางทะเลอันห่างไกลของญี่ปุ่นจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ส่วนเรื่องการกอบกู้เศรษฐกิจคงเป็นเพียงแค่ “ลมผ่านหู” เท่านั้น เนื่องจากสมาชิกชาติ G7 เองก็ยังแทบจะเอาตัวไม่รอด ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งเปรียบเปรยว่า " จี7 คือ กลุ่มเศรษฐีถังแตก ยุโรปผู้ดีตกอับ อเมริกากอดเมียรักแคนาดา ขณะที่ญี่ปุ่นเป็นได้แค่ “ชู้รัก” .