ภาคธุรกิจของญี่ปุ่นไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจ จนทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องยกเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นประเด็นหลักในการประชุมผู้นำประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ หรือ G7 ที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพในกลางปีนี้
ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้ทำการสำรวจบริษัททั่วญี่ปุ่นราว 11,000 แห่ง ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงวันที่ 31 มีนาคม โดยผลสำรวจพบว่าความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจญี่ปุ่นที่มีต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจของประเทศลดลงเป็นครั้งแรกใน 2 ไตรมาส
ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่า บริษัทญี่ปุ่นที่มองว่าเศรษฐกิจแย่มีมากกว่าบริษัทที่มองว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว โดยปัจจัยสำคัญคือ เงินเยนแข็งค่าทำให้รายได้ของบริษัทญี่ปุ่นลดลง รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศดาวรุ่งอย่าง จีน,บราซิล และรัสเซีย ชะลอตัวลงมากส่งผลต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นและทั่วโลก
ธนาคารกลางญี่ปุ่นพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้นโยบาย “ดอกเบี้ยติดลบ” หากแต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดยเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างมาก ขณะที่ตลาดหุ้นก็ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุสำคัญที่ทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆแทบไม่มีผลอะไร เนื่องจากภาคธุรกิจของญี่ปุ่นคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะแย่ลงอีก ส่วนประชาชนต่างไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย เพราะไม่มั่นใจในอนาคต รวมทั้งกังวลว่ารัฐบาลจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีกครั้งในปีหน้า
ขณะเดียวกันประเทศต่างๆได้พากันกดค่าเงินของตัวเองให้อ่อนลง ทำให้ค่าเงินเยนพุ่งสูงขึ้น แทนที่จะลดลงตามที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดหวังไว้
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงจำเป็นต้องหารือกับบรรดาประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ เพื่อเรียกร้องให้ใช้นโยบายเศรษฐกิจที่สอดคล้องกัน ซึ่งจะเป็นประเด็นหลักในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติหรือ G-7 ในเดือนพฤษภาคมนี้ที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพ
อย่างไรก็ตาม ประเทศต่างๆ ล้วนแต่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจของตัวเอง จึงพากันใช้มาตรการเพื่อให้ได้เปรียบทางการค้าและการแข่งขัน ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพ “หวานอมขมกลืน” เพราะยืนบนลำแข้งตัวเองก็แทบไม่ไหว แต่จะขอให้คนอื่นช่วยก็ยากลำบากยิ่งกว่า.