นายกฯชินโซ อะเบะ ของญี่ปุ่นเผยว่าอาจเลื่อนกำหนดขึ้นภาษีบริโภคจากกำหนดการเดิมในเดือนเมษายน ปีหน้าออกไปอีกหากเศรษฐกิจโลกไม่ดี และอาจตัดสินใจยุบสภาเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจไปในคราวเดียวกัน
รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนจะต้องขึ้นภาษีบริโภค หรือ VAT จาก 8% เป็น10% ในเดือนเมษายน ปี 2017 เพื่อหารายได้สำหรับสวัสดิการสังคมและลดการขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล หากแต่เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นเผชิญความยากลำบากในการตัดสินใจเดินหน้าขึ้นภาษี
นายกฯชินโซ อะเบะ เปิดเผยกับคนใกล้ชิดว่า “พร้อมจะเลื่อนการขึ้นภาษีออกไป หากจะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นตกอยู่ในภาวะอันตราย” อย่างไรก็ตามในทางเปิดเผย ผู้นำญี่ปุ่นยังคงยืนยันเดินหน้าตามแผนขึ้นภาษี นอกเสียว่าจะเกิดเหตุวิกฤต เช่น การล้มละลายของสถาบันการเงินในสหรัฐฯเมื่อปี 2008 หรือเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ในญี่ปุ่นเมื่อปี 2011
นายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นด้านเศรษฐกิจและการเงินของญี่ปุ่นและของโลกกับนักเศรษฐศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง ก่อนการประชุมสุดยอดของชาติสมาชิกกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือ G-7 โดยศาสตราจารย์โจเซฟ สติกลิตซ์ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ได้เสนอให้ผู้นำญี่ปุ่นเลื่อนการขึ้นภาษีผู้บริโภคออกไป
การที่ผู้นำญี่ปุ่นได้เชิญนักเศรษฐศาสตร์ที่คัดค้านการขึ้นภาษีและเปิดเผยความคิดเห็นของพวกเขาต่อสาธารณะ ทำให้บางคนมองว่านี่อาจเป็นที่ผู้นำญี่ปุ่นกำลังคิดอยู่จริงๆ
ธนาคารกลางของญี่ปุ่นได้ใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ หากแต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดย 2เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินเยนแข็งขึ้นอย่างมาก และฉุดให้ตลาดหุ้นก็ตกต่ำเช่นกัน
สภาพ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” นี้อาจทำให้นายอะเบะเลือกใช้ “ไพ่ตายทางการเมือง” เป็นทางออก โดยอาจจะตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้ง 2 สภาพร้อมกันในกลางปีนี้ไปพร้อมๆ และเพื่อที่จะสอบถามประชาชนว่าควรที่จะเลื่อนการขึ้นภาษีจากเวลาที่กำหนดไว้เดิมหรือไม่?
นายอะเบะเกรงว่า การขึ้นภาษีจะกลายเป็น “จุดอ่อน” ให้รัฐบาลถูกโจมตีในการเลือกตั้งวุฒิสภาที่กำลังจะมาถึง และจะส่งผลต่อ “แผนการณ์ใหญ่” ของเขาที่หวังจะได้เสียงข้างมากในรัฐสภาเพื่อปูทางไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแย้งว่าการเลื่อนการขึ้นภาษีออกไป ยิ่งจะแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมทั้งตั้งคำถามถึงวิธีการหางบประมาณสำหรับการใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคม และปรับปรุงฐานะการคลังของรัฐบาลหากไม่ขึ้นภาษีผู้บริโภค
ศึกเลือกตั้งในกลางปีนี้จะเป็น “ศึกชี้ชะตา” ที่นายชินโซ อะเบะ จะแพ้ไม่ได้ โดยมีเศรษฐกิจและอนาคตของชาวญี่ปุ่นเป็นเดิมพัน.