สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้วครับ ถ้าเรื่องนี้ลงวันที่ 12 มีนาคม แสดงว่าเมื่อวานคือวันครบรอบ 5 ปี เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ที่ภูมิภาคโทโฮกขุ ( แถบอิวาเตะ , มิยางิ , ฟุกุชิมา เป็นต้น) สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องสะเทือนใจและไม่มีทางลืมความสูญเสียในครั้งนั้น จนถึงปัจจุบันผู้ที่ต้องสูญเสียทุกอย่าง ยังคงมีหลายคนที่ไม่กลับไปอยู่ถิ่นเดิม เหตุการณ์โรงนิวเคลียร์รั่วไหล ก็มีหลายคนในละแวกนั้นไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตดั่งเดิมได้ เหตุการณ์ในวันนั้นเพื่อนๆ คงรู้ว่าเกิดความสูญเสียมากมายขนาดไหน มีคนสูญหายและล้มตายเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่แค่เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวและสึนามึเท่านั้นมีอีกจำนวนมากที่รับกับความสูญเสียไม่ได้และจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย นับว่าสะเทือนใจกันไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนแนววงแหวนไฟ คือแถบที่เป็นรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกที่ยังมีพลัง ทำให้เกิดแผ่นดินไหวอยู่ตลอด อาจจะไหวเล็กๆ หรือกระชากแรงๆ เดือนละครั้งสองครั้งให้เป็นที่ระทึกใจ ตอนที่ผมอยู่แถวๆ โตเกียว ในเดือนหนึ่งต้องมีแผ่นดินไหวสัก 2 ครั้งเป็นอย่างน้อยละครับ แต่การที่ญี่ปุ่นตั้งอยู่ในลักษณะภูมิประเทศเช่นนี้ทำให้มีน้ำพุร้อนหรือที่เรียกว่า ออนเซ็น อยู่เกือบทุกภูมิภาคทั่วประเทศเลย เพื่อนๆ อาจจะเคยไปเที่ยวออนเซ็นกันมาบ้างแล้วนะครับ ชอบไหมครับ(´ ∀` ; )
ตอนที่แฟนผมไปอยู่ญี่ปุ่นแรกๆ เจอแผ่นดินไหวครั้งแรกๆ ขนาดเบาๆ ก็แทบวิ่งออกนอกบ้านแล้ว คนญี่ปุ่นทั่วๆไป ก็จะไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ พอเธออยู่ไปนานหลายปีด้วยความที่เจอแผ่นดินไหวมาจนชินหลังๆ นอนต่อได้เลยไม่ตื่นเต้นแล้ว ประมาณว่าอยากไหวก็ไหวไป แต่ครั้งที่เกิดเมื่อ 11 มีนาคม 2011 ยอมรับเลยว่ามันน่ากลัวมากกว่าครั้งอื่นๆ แฟนผมหนีกระเจิงเลย ขนาดบ้านผมอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุมากกว่า 200 กิโลเมตร มันยังสั่นจนแกว่งข้าวของในบ้านกระจายเลยครับ ตามผนังมีรอยแตกรอยแยกหลายรอย ขณะนั้นผมอยู่ที่ทำงาน คนที่ทำงานผวากันมาก ตึกส่ายจนเวียนหัว ทุกคนหนีไปหลบใต้โต๊ะ ผู้หญิงนี่ร้องไห้กันระนาว หลังจากเกิดเหตุท่อส่งแก๊ซ และไฟฟ้าถูกตัด การคมนาคมรถไฟ หยุดให้บริการ ผมเดินจากที่ทำงานประมาณ 10 กิโลเมตรเพื่อกลับบ้าน อากาศยังหนาวเย็นอยู่ แถมลมก็แรง เดินไปลมพัดเศษผงเข้าตาผม ทำให้ผมขยี้ตาแล้วคอนแทคเลนส์หลุดหายไปข้างหนึ่ง เดินแบบตาเห็นชัดข้าง ไม่ชัดข้าง แล้วก็มืดมากแล้วด้วย หิวมาก จะแวะซื้อของข้างทางคนก็รอคิวกันเยอะแยะรอไม่ไหว พอเข้าร้านสะดวกซื้อก็ไม่มีอะไรเหลือขายเลย บางร้านที่เปิดขายอาหาร 24 ชั่วโมง เช่น ร้านกิวด้ง หรือข้าวหน้าเนื้อ ก็ไม่มีไฟฟ้าจึงปิดร้านกันหมดครับ พอจะหยิบโทรศัพท์ติดต่อกันก็ไม่มีสัญญาณ บ้านพักผมก็ไม่ไกลจากอ่าวโตเกียวนัก กลัวสึนามิมาเหมือนกัน แต่ยังดีที่มีคนร่วมทางมากมาย ผมและคนอื่นๆ เดินกันไปเรื่อยๆ สักสองชั่วโมงผมก็ถึงบ้าน ครั้งนั้นผมจำไม่ลืมเลยครับ แต่คงไม่สาหัสเท่าประชาชนแถบที่เกิดเหตุ ผมขอแสดงความเสียใจอีกครั้งครับ
.....หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้วครึ่งปี .....
ผมดูทีวีมีรายการสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนก่อน ( คนที่อยู่ในตำแหน่งขณะที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่แต่ลาออกแล้ว) ตอนที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวเขาให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่วไหล ไม่มีผลต่อคนแถบคันโต หรือประมาณว่าคนที่อยู่แถบโตเกียวปลอดภัยดีไม่มีปัญหาให้ต้องกังวลใดๆ.. แต่การสัมภาษณ์ครั้งล่าสุดที่ผมดูครั้งนั้นเขาบอกว่า ที่จริงแล้วตอนที่เกิดเหตุทางรัฐบาลอยากให้คนไม่กังวลใจจึงบอกไปว่าไม่มีปัญหาให้ต้องกังวล แต่ความจริงแล้วเบื้องหลังมีประชุมกันมีแผนให้คนในแถบโตเกียว คันโต (กว่า30 ล้านคน หนีจากเหตุรั่วไหลของโรงนิวเคลียร์ไปเหมือนกัน แต่พูดแล้วอาจทำให้คนแตกตื่น!!) ผมไม่รู้ว่าเขาพูดเพื่ออะไร !! จนปัจจุบันนี้ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์
คงไม่มีใครรู้และออกมาพูดยืนยันได้ว่าที่จริงแล้วผลกระทบเรื่องการรั่วไหลของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในวันนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่ วันนั้นที่ผมฟังเขาสัมภาษณ์เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงข่าวประธานาธิปดีสหรัฐอเมริกา สมัยก่อนคือ คุณจอห์นเอฟเคนเนดี..ที่การตายของเขาถูกปิดเป็นความลับมานาน เรื่องบางเรื่องเงียบไว้ก็คงจะดีกว่า เช่นกัน เรื่องที่นายกคนก่อนของญี่ปุ่นบอกว่ามีแผนให้คนหนีออกไปเหมือนกันก็ไม่น่าพูดออกมา(หลังจากเหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว) เหมือนกันนะครับผม
ส่วนสำหรับผม เรื่องที่ไม่สมควรมาพูดกันกว้างๆ หรือลงลึกในรายละเอียดก็เช่นเรื่อง การเมืองการปกครอง 政治(Seiji)・ศาสนา 宗教(Shuukyou)・เรื่องเพศ 性(Sei)の 3S (ผมเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับมูลเหตุความคิดเรื่องเพศในสังคมญี่ปุ่นไว้ที่นี่ครับ "น18+! ว่าด้วยเรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นและมูลเหตุความคิดเรื่อง Sex")
ใช่ไหมครับ เรื่องพวกนี้ไม่สนิทกันจริงพูดยาก ขนาดสนิทกันหรือคนในครอบครัวพูดกันยังความเห็นขัดแย้งกันได้เลย วันนี้สวัสดีครับ (ヾノ・∀・`)