สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้วครับ
หลากหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายใต้กฏธรรมชาตินี้ บางเรื่องถูกห้ามมิให้กระทำในที่สาธารณชน แต่เรื่องเดียวกันนี้กระทำในบางที่ก็ไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิดอะไร ...วันนี้มาด้วยมาดขรึมๆ เรื่องหนักสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องของวัฒนธรรมญี่ปุ่นกับแนวความคิดเรื่องทางเพศครับ
แต่ก่อนนี้ที่ญี่ปุ่นเปิดกว้างเรื่องการสื่อสารและแสดงออกเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษามากกว่าปัจจุบัน มีการพูดเปรียบเปรยเรื่องเพศมากมาย ถ้าเป็นเรื่องที่ตรงก็รับฟังกันไป ถ้าไม่ตรงก็มองข้ามไป
เพื่อนๆ อาจคุ้นเคยกับญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันที่ค่อนข้างมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี แต่เพื่อนๆ รู้มั้ยครับว่าญี่ปุ่นสมัยก่อนเมื่อประมาณ 150 ปีก่อนนี้ ขาดแคลนอาหารการกินมาก ไม่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติเหมือนเมืองไทย ชาวนามีการทำนาทำไร่แต่การทำนาที่ญี่ปุ่นสมัยนั้นยึดตามฤดูกาลและขึ้นอยู่กับลมฟ้าอากาศเหมือนเมืองไทย บางฤดูกาลเมื่อเกิดฝนแล้ง หรือน้ำท่วม จึงทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอ และยังไม่มีเทคโนโลยีหรือกรรมวิธีช่วยเพิ่มผลผลิต
แม้ว่าจำนวนประชากรสมัยนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงมากนัก แต่อาหารการกินน้อยกว่าความต้องการมาก ที่บอกว่าเรื่องอาหารการกินขาดแคลนนั้น ขาดแคลนมากขนาดที่ไม่ค่อยพอบริโภคในครัวเรือน
มีเรื่องเล่ากันว่า คนยากจนมากและไม่มีอาหารกิน บางครอบครัวคลอดลูกออกมาแล้วต้องฆ่าลูกทันที เพราะถ้าไม่ฆ่าลูกๆ ก็ไม่มีอาหารให้ลูกกิน เลี้ยงให้โตก็ไม่ได้จะยิ่งลำบากยากเย็นมากขึ้นไปอีก บ้างก็เลี้ยงไม่ไหว การกระทำแบบนี้เรียกว่า 間引き mabiki ゜。(>д< )ซึ่งปัจจุบันคำนี้ยังใช้อยู่แต่จะใช้ในความหมายที่ว่า การเด็ดหรือถอนพืชที่ปลูกไว้เพื่อไม่ให้เบียดกันเกินไป หรือการตัดบางส่วนเพื่อเว้นช่อง
ลองคิดเล่นๆ นะครับว่าทำไมอาหารไม่พอบริโภค เพราะประชากรเยอะ แต่ผลิตผลการบริโภคน้อยมาก (ประชากรญี่ปุ่นมีมากกว่าประชากรไทยกว่าเท่าตัว พื้นที่การทำเกษตรกรรมน้อยกว่าไทยเป็นเท่าตัว) ลูกๆ ชาวนาชาวไร่ส่วนใหญ่แค่ลูกชายคนโตเท่านั้นที่แต่งงานได้ ลูกๆ ลำดับอื่นๆ ต้องออกมาหางานทำตามหัวเมืองใหญ่ แล้วต้องอาศัยอย่างแออัดแบบสลัมเพื่อทำงานที่ใช้แรงงานต่างๆ เช่น งานก่อสร้าง หรือการฝึกงานเท่าที่มี หรือการค้าขายต่างๆ เลยทำให้เกิดแหล่งชุมชนที่แออัดขยายวงกว้าง และไม่ได้มีบ้านที่อยู่เป็นหลักแหล่งนัก
ในเมืองใหญ่ สมัยนั้นยังเรียกว่าเอโดะ มีจำนวนประชากรชายมากกว่าหญิงถึง 20% ช่วงเวลานั้นคงอยู่ในช่วงประมาณปี 1800 ซึ่งเมืองใหญ่ที่ว่านั้นเป็นเมืองที่ขยายตัวและแออัดมากที่สุดในโลก เมืองใหญ่ที่แออัดช่วงเวลานั้น มีแค่ลอนดอน เมืองจีน และเอโดะที่ญี่ปุ่น (เอโดะนี่ปัจจุบันคือ เมืองโตเกียว นั่นเอง) https://en.m.wikipedia.org/wiki/Historical_urban_community_sizes
ซึ่งสังคมแบบนี้ได้ทำให้เกิดปัญหาความไม่สงบและไม่ปลอดภัย เพราะเกิดคนนิสัยไม่ดีมากขึ้นในระบบ ในสมัยนั้นรัฐบาลยังเป็นแบบโชกุน ( คือประมาณว่าการสืบทอดอำนาจบริหารต่อกันในครอบครัวโชกุน ) รัฐบาลพยายามหาทางขับไล่คนงานที่อยู่กันอย่างแอดอัดกลับท้องถิ่น แต่คนงานเหล่านั้นก็กลับบ้านเกิดไม่ได้เพราะกลับไปก็ไม่มีอะไรทำ ไม่มีอะไรกิน
ในสมัยนั้นอย่างที่เล่าไปว่าเกิดความแออัด มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มีการก่ออาชญากรรมในสังคม มีความไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิต และผู้หญิงก็อาจไดัรับอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน รัฐบาลโชกุนสมัยนั้นจึงคิดสร้างแหล่งหญิงขายบริการขึ้นมา เพื่อช่วยลดปัญหาความไม่ปลอดภัยดังกล่าว เพราะชายหนุ่มที่ทำงานในสมัยนั้นแต่งงานช้า อายุเฉลี่ยที่แต่งงานคือช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป ดังนั้นตามสัญชาตญาณผู้ชายจึงต้องมีการระบายออกทางเพศบ้าง แต่บริษัทไม่อยากให้คนทำงานหนีงานหรือแอบไปแหล่งหญิงขายบริการในช่วงเวลางาน จึงสร้างแหล่งหญิงขายบริการไว้ทางเหนือและทางใต้ของเมืองนั้น ให้ไกลจากแหล่งงานมากพอที่จะหนีออกไประหว่างทำงานไม่ได้ แต่ให้เป็นสถานที่ปลดปล่อยแทนที่จะไปสร้างเรื่องเดือดร้อนในสังคม
จากกรณีที่เกิดขึ้นคนอาจมองว่าคนสมัยนั้นมีลักษณะนิสัยที่หื่น ถึงขนาดสร้างสถานขายบริการขึ้นมา แต่เราอย่าไปมองแบบเยาะเย้ยเขาเลยเพราะขนาดสมัยปัจจุบันยังเคยมีข่าวข้าราชการทำกิจกรรมทางเพศจนหัวใจวายตายเลยครับ แต่เรื่องทำนองนี้จะไม่ค่อยกล้านำเสนอหรือพูดกันอย่างตรงไปตรงมาแล้วละครับ คือกลายเป็นว่าสมัยนี้การพูดการแสดงออกเรื่องเพศของคนญี่ปุ่นกลับเป็นเรื่องเกือบจะต้องห้ามซะแล้ว ผมเองก็พูดรายละเอียดไม่ได้มากครับ (´ω` )
คนต่างชาติอาจรับรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์จากเกอิชา (สมัยก่อนอาจจะขายบริการด้วย มีบันทึกไว้ว่ามีหญิงขายบริการต้องเสียชีวิตด้วยโรคทางเพศแค่อายุเฉลี่ยที่ 20 ปีเท่านั้น) ปัจจุบันสาวๆ เกอิชาไม่ได้เป็นหญิงขายบริการแต่เป็นสาวๆ ที่เชี่ยวชาญการเอาใจและถ่ายทอดวัฒนธรรมญี่ปุ่น เป็นต้น มีการนำวัฒนธรรมโบราณญี่ปุ่นมาสื่อเป็นงานทางศิลปะ อาจมีความอิโรติกมาก 18+ เรียกว่า (春画 shunga)
ตัวอย่างผลงานภาพพิมพ์ Shunga Erotica ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงชิ้นนึงที่เผยแพร่นอกประเทศได้แต่กลับไม่ได้เผยแพร่ในประเทศ คือ The Dream of the Fisherman’s Wife (ปี 1814) ที่เป็นรูปหญิงสาวถูกปลาหมึกยักษ์สองตัวรัดแล้วตะล่อมเลื้อยแนวอิโรติก ภาพแรงไปไหมครับ ในประเทศห้ามเผยแพร่ ภาพลามกแบบนี้ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหรือสถานจัดโชว์ทางราชการ ยกเว้นบางสถานจัดโชว์งานของเอกชนบางแห่งที่ยังกล้าเอาภาพเหล่านี้มาโชว์ แต่ต่างชาติกลับเผยแพร่กันได้และมีในเห็นทางอินเทอร์เน็ตอยู่มากมาย
สื่อแนวอิโรติกในปัจจุบัน มีให้เห็นทางการตูนโป๊เปลือยอิโรติก เอวี แต่ก็มีกฏว่าต้องเซ็นเซอร์จุดของลับ ห้ามโชว์จะๆ ไม่เช่นนั้นอาจถูกดำเนินคดีได้ สมัยนี้คงมีเรื่องเอวีหรือการ์ตูนอิโรติกกระมังที่ยังส่งออกได้ดี อีกร้อยปีข้างหน้าเรื่องพวกนี้อาจมีบันทึกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็ได้น้อ (ยิ้ม) สำหรับอาทิตย์หน้าผมจะเล่าต่อเรื่อง セクハラ Sexual harassment นะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
หลากหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายใต้กฏธรรมชาตินี้ บางเรื่องถูกห้ามมิให้กระทำในที่สาธารณชน แต่เรื่องเดียวกันนี้กระทำในบางที่ก็ไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิดอะไร ...วันนี้มาด้วยมาดขรึมๆ เรื่องหนักสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องของวัฒนธรรมญี่ปุ่นกับแนวความคิดเรื่องทางเพศครับ
แต่ก่อนนี้ที่ญี่ปุ่นเปิดกว้างเรื่องการสื่อสารและแสดงออกเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษามากกว่าปัจจุบัน มีการพูดเปรียบเปรยเรื่องเพศมากมาย ถ้าเป็นเรื่องที่ตรงก็รับฟังกันไป ถ้าไม่ตรงก็มองข้ามไป
เพื่อนๆ อาจคุ้นเคยกับญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันที่ค่อนข้างมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี แต่เพื่อนๆ รู้มั้ยครับว่าญี่ปุ่นสมัยก่อนเมื่อประมาณ 150 ปีก่อนนี้ ขาดแคลนอาหารการกินมาก ไม่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติเหมือนเมืองไทย ชาวนามีการทำนาทำไร่แต่การทำนาที่ญี่ปุ่นสมัยนั้นยึดตามฤดูกาลและขึ้นอยู่กับลมฟ้าอากาศเหมือนเมืองไทย บางฤดูกาลเมื่อเกิดฝนแล้ง หรือน้ำท่วม จึงทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอ และยังไม่มีเทคโนโลยีหรือกรรมวิธีช่วยเพิ่มผลผลิต
แม้ว่าจำนวนประชากรสมัยนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงมากนัก แต่อาหารการกินน้อยกว่าความต้องการมาก ที่บอกว่าเรื่องอาหารการกินขาดแคลนนั้น ขาดแคลนมากขนาดที่ไม่ค่อยพอบริโภคในครัวเรือน
มีเรื่องเล่ากันว่า คนยากจนมากและไม่มีอาหารกิน บางครอบครัวคลอดลูกออกมาแล้วต้องฆ่าลูกทันที เพราะถ้าไม่ฆ่าลูกๆ ก็ไม่มีอาหารให้ลูกกิน เลี้ยงให้โตก็ไม่ได้จะยิ่งลำบากยากเย็นมากขึ้นไปอีก บ้างก็เลี้ยงไม่ไหว การกระทำแบบนี้เรียกว่า 間引き mabiki ゜。(>д< )ซึ่งปัจจุบันคำนี้ยังใช้อยู่แต่จะใช้ในความหมายที่ว่า การเด็ดหรือถอนพืชที่ปลูกไว้เพื่อไม่ให้เบียดกันเกินไป หรือการตัดบางส่วนเพื่อเว้นช่อง
ลองคิดเล่นๆ นะครับว่าทำไมอาหารไม่พอบริโภค เพราะประชากรเยอะ แต่ผลิตผลการบริโภคน้อยมาก (ประชากรญี่ปุ่นมีมากกว่าประชากรไทยกว่าเท่าตัว พื้นที่การทำเกษตรกรรมน้อยกว่าไทยเป็นเท่าตัว) ลูกๆ ชาวนาชาวไร่ส่วนใหญ่แค่ลูกชายคนโตเท่านั้นที่แต่งงานได้ ลูกๆ ลำดับอื่นๆ ต้องออกมาหางานทำตามหัวเมืองใหญ่ แล้วต้องอาศัยอย่างแออัดแบบสลัมเพื่อทำงานที่ใช้แรงงานต่างๆ เช่น งานก่อสร้าง หรือการฝึกงานเท่าที่มี หรือการค้าขายต่างๆ เลยทำให้เกิดแหล่งชุมชนที่แออัดขยายวงกว้าง และไม่ได้มีบ้านที่อยู่เป็นหลักแหล่งนัก
ในเมืองใหญ่ สมัยนั้นยังเรียกว่าเอโดะ มีจำนวนประชากรชายมากกว่าหญิงถึง 20% ช่วงเวลานั้นคงอยู่ในช่วงประมาณปี 1800 ซึ่งเมืองใหญ่ที่ว่านั้นเป็นเมืองที่ขยายตัวและแออัดมากที่สุดในโลก เมืองใหญ่ที่แออัดช่วงเวลานั้น มีแค่ลอนดอน เมืองจีน และเอโดะที่ญี่ปุ่น (เอโดะนี่ปัจจุบันคือ เมืองโตเกียว นั่นเอง) https://en.m.wikipedia.org/wiki/Historical_urban_community_sizes
ซึ่งสังคมแบบนี้ได้ทำให้เกิดปัญหาความไม่สงบและไม่ปลอดภัย เพราะเกิดคนนิสัยไม่ดีมากขึ้นในระบบ ในสมัยนั้นรัฐบาลยังเป็นแบบโชกุน ( คือประมาณว่าการสืบทอดอำนาจบริหารต่อกันในครอบครัวโชกุน ) รัฐบาลพยายามหาทางขับไล่คนงานที่อยู่กันอย่างแอดอัดกลับท้องถิ่น แต่คนงานเหล่านั้นก็กลับบ้านเกิดไม่ได้เพราะกลับไปก็ไม่มีอะไรทำ ไม่มีอะไรกิน
ในสมัยนั้นอย่างที่เล่าไปว่าเกิดความแออัด มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มีการก่ออาชญากรรมในสังคม มีความไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิต และผู้หญิงก็อาจไดัรับอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน รัฐบาลโชกุนสมัยนั้นจึงคิดสร้างแหล่งหญิงขายบริการขึ้นมา เพื่อช่วยลดปัญหาความไม่ปลอดภัยดังกล่าว เพราะชายหนุ่มที่ทำงานในสมัยนั้นแต่งงานช้า อายุเฉลี่ยที่แต่งงานคือช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป ดังนั้นตามสัญชาตญาณผู้ชายจึงต้องมีการระบายออกทางเพศบ้าง แต่บริษัทไม่อยากให้คนทำงานหนีงานหรือแอบไปแหล่งหญิงขายบริการในช่วงเวลางาน จึงสร้างแหล่งหญิงขายบริการไว้ทางเหนือและทางใต้ของเมืองนั้น ให้ไกลจากแหล่งงานมากพอที่จะหนีออกไประหว่างทำงานไม่ได้ แต่ให้เป็นสถานที่ปลดปล่อยแทนที่จะไปสร้างเรื่องเดือดร้อนในสังคม
จากกรณีที่เกิดขึ้นคนอาจมองว่าคนสมัยนั้นมีลักษณะนิสัยที่หื่น ถึงขนาดสร้างสถานขายบริการขึ้นมา แต่เราอย่าไปมองแบบเยาะเย้ยเขาเลยเพราะขนาดสมัยปัจจุบันยังเคยมีข่าวข้าราชการทำกิจกรรมทางเพศจนหัวใจวายตายเลยครับ แต่เรื่องทำนองนี้จะไม่ค่อยกล้านำเสนอหรือพูดกันอย่างตรงไปตรงมาแล้วละครับ คือกลายเป็นว่าสมัยนี้การพูดการแสดงออกเรื่องเพศของคนญี่ปุ่นกลับเป็นเรื่องเกือบจะต้องห้ามซะแล้ว ผมเองก็พูดรายละเอียดไม่ได้มากครับ (´ω` )
คนต่างชาติอาจรับรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์จากเกอิชา (สมัยก่อนอาจจะขายบริการด้วย มีบันทึกไว้ว่ามีหญิงขายบริการต้องเสียชีวิตด้วยโรคทางเพศแค่อายุเฉลี่ยที่ 20 ปีเท่านั้น) ปัจจุบันสาวๆ เกอิชาไม่ได้เป็นหญิงขายบริการแต่เป็นสาวๆ ที่เชี่ยวชาญการเอาใจและถ่ายทอดวัฒนธรรมญี่ปุ่น เป็นต้น มีการนำวัฒนธรรมโบราณญี่ปุ่นมาสื่อเป็นงานทางศิลปะ อาจมีความอิโรติกมาก 18+ เรียกว่า (春画 shunga)
ตัวอย่างผลงานภาพพิมพ์ Shunga Erotica ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงชิ้นนึงที่เผยแพร่นอกประเทศได้แต่กลับไม่ได้เผยแพร่ในประเทศ คือ The Dream of the Fisherman’s Wife (ปี 1814) ที่เป็นรูปหญิงสาวถูกปลาหมึกยักษ์สองตัวรัดแล้วตะล่อมเลื้อยแนวอิโรติก ภาพแรงไปไหมครับ ในประเทศห้ามเผยแพร่ ภาพลามกแบบนี้ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหรือสถานจัดโชว์ทางราชการ ยกเว้นบางสถานจัดโชว์งานของเอกชนบางแห่งที่ยังกล้าเอาภาพเหล่านี้มาโชว์ แต่ต่างชาติกลับเผยแพร่กันได้และมีในเห็นทางอินเทอร์เน็ตอยู่มากมาย
สื่อแนวอิโรติกในปัจจุบัน มีให้เห็นทางการตูนโป๊เปลือยอิโรติก เอวี แต่ก็มีกฏว่าต้องเซ็นเซอร์จุดของลับ ห้ามโชว์จะๆ ไม่เช่นนั้นอาจถูกดำเนินคดีได้ สมัยนี้คงมีเรื่องเอวีหรือการ์ตูนอิโรติกกระมังที่ยังส่งออกได้ดี อีกร้อยปีข้างหน้าเรื่องพวกนี้อาจมีบันทึกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็ได้น้อ (ยิ้ม) สำหรับอาทิตย์หน้าผมจะเล่าต่อเรื่อง セクハラ Sexual harassment นะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ