ญี่ปุ่นอาจเป็นประเทศที่งดงามสำหรับหลายคน และคนส่วนใหญ่มักเชื่อว่าชาวญี่ปุ่น “อยู่ดีกินดี” อย่างถ้วนหน้า หากแต่ความจริงแล้วยังมีชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งที่มีชีวิตยากลำบาก ถึงขั้นที่เด็กสาวต้องยอมขายพรหมจรรย์เพื่อหาเงินเรียนหนังสือ
อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งในย่านหรูหราของนครโอซากา ถูกดัดแปลงเป็นห้องพักชั่วคราวของพนักงานสถานบริการอาบอบนวดของญี่ปุ่น เด็กสาววัย 20 ปีหลายคนใช้ที่นี่เป็นที่อ่านหนังสือเตรียมสอบและทานอาหาร โดยเมื่อได้รับโทรศัพท์นัดหมาย พวกเธอจึงจะออกไปพบกับแขกที่ต้องการซื้อบริการจากความสาว
เด็กสาววัย 20 ปีที่กำลังเรียนวิทยาลัยแห่งหนึ่งรายหนึ่ง จำใจทำงานเป็น “สาวไซด์ไลน์” ที่นี่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เนื่องจากครอบครัวของเธอมีฐานะยากจน จึงไม่มีเงินมากพอที่จะใช้เป็นค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายประจำวันได้
เด็กสาวบอกกับหนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน ว่า “นี่คือชะตากรรมของคนที่ยากจนแต่ยังอยากจะเรียนหนังสือ” เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากใช้ความเยาว์แลกกับเงินตรา
พ่อแม่ของเด็กสาวรายนี้เคยเปิดบริษัทเล็กๆของตัวเอง ครอบครัวจึงมีฐานะพอสมควร แต่พอพ่อแม่หย่าร้างกัน เธอจึงมาใช้ชีวิตอยู่กับแม่และต้องใช้ชีวิตด้วยเงินช่วยเหลือจากทางการ ความเจ็บปวดจากชีวิตสมรสทำให้แม่ของเธอมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป พาผู้ชายเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้า และไม่คิดจะส่งเสียเลี้ยงดูเธอ
เด็กสาวไม่อาจจะพึ่งครอบครัวได้เลย ค่าเล่าเรียนในช่วงมัธยมของเธอได้มาจากการทำงานพิเศษในบริษัทผลิตอาหาร แต่เมื่อเรียนจบแล้วหากต้องการเรียนต่อในระดับวิทยาลัย เธอจะต้องมีภาระค่าเล่าเรียนที่สูงกว่าชั้นมัธยมมาก แต่เธอก็ยังกัดฟันสอบเข้าวิทยาลัยแห่งหนึ่งจนได้
ค่าเล่าเรียนวิทยาลัยปีละ 1ล้าน2แสนเยน ก่อนเปิดเทอมเธอได้หยิบยืมเงินจากญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง พร้อมทั้งได้กู้เงินเพื่อการศึกษามาเป็นค่าเล่าเรียน หากแต่ค่าเดินทาง, ค่าตำรา รวมถึงค่าใช้เงินประจำวันและดอกเบี้ยเงินกู้ล้วนแต่มาจากการทำงานพิเศษที่ร้านอาหาร
ทุกวันเข้าเรียนตอน 9 โมงเช้า หลังเลิกเรียนตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน รวมทั้งสุดสัปดาห์และปิดเทอมเธอต้องทำงานตลอด โดยได้ค่าแรงเพียงแค่ชั่วโมงละ 1,000เยน แต่ถึงแม้จะทำงานอย่างหนักเช่นนี้ก็ยังเก็บเงินได้แค่เดือนละ 7หมื่น-1แสนเยนเท่านั้น
นอกจากนี้ เด็กสาวยังอุตสาห์เจียดเวลาไปสอบใบรับรองความสามารถด้านภาษา ซึ่งค่าตำราและค่าสมัครสอบรวมกันก็หลายหมื่นเยน แต่เพื่ออนาคตแล้วเธอทำได้แต่เพียงใช้สอยอย่างประหยัดเท่านั้น
หลังจากเปิดเทอมได้ไม่กี่เดือน เธอทั้งเหนื่อยกายและเหนื่อยใจ เมื่อเห็นเพื่อนนักเรียนใช้ชีวิตอย่างสำราญ เธอก็ยิ่งอยากมีเวลาและเงินมากขึ้น เด็กสาวรู้ดีว่าหากต้องทำงานหนักแบบนี้ คงไม่มีแรงกายแรงใจเหลือไปใส่ใจกับการเรียน และความเป็นจริงก็คือ ทั้งผลการเรียนและการประเมินผลจากอาจารย์ เธอเทียบกับเพื่อนนักเรียนที่มีฐานะและมีเวลาว่างไม่ได้เลย
เมื่อค้นหางานผ่านทางอินเตอร์เน็ต เธอจึงได้พบข้อความโฆษณาของสถานบริการที่ระบุว่า “งานสบาย” “ไม่ต้องทำเรื่องที่ไม่อยากทำ” “มีนักเรียนทำหลายคน” ถึงแม้เธอรู้ดีว่างานขายบริการเช่นนี้เบื้องหลังเป็นเช่นไร แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด และหลังจากใคร่ครวญอยู่หลายวันจึงได้ไปที่สถานบริการ และพบว่าค่าตอบแทนเพียง 1ชั่วโมงมากกว่าค่าแรงที่ได้จากงานร้านอาหาร 1 วันเต็มๆ
หลังจากผ่านพ้นความปวดร้าวทางใจจากทำงานวันแรกพร้อมเงินค่าตอบแทน เธอจึงค่อยๆทำใจได้ แต่ละวันที่ผ่านไปก็ทำให้จิตใจของเด็กสาวด้านชายิ่งขึ้น แม้แต่ลูกค้าประจำถามเรื่องการเรียนและอนาคต เธอก็ได้แต่ตอบว่า “ช่างเถอะ หาคนรวยๆ แต่งงานด้วยก็สิ้นเรื่องสิ้นราว”
ยามค่ำคืนที่อ้างว้างกลางเมืองใหญ่ มีบางครั้งเด็กสาวบอกกับตัวเองว่า “เรียนจบก็จะไม่ทำงานแบบนี้แล้ว” หากแต่ความเป็นจริงที่เธอก็รู้ดีคือ บางสิ่งเมื่อหลงตกอยู่ในวังวนแล้วก็ยากจะถอนตัว.