ชาวบ้านเมืองช้างแห่ร่วมกวนข้าวทิพย์โบราณ สืบสานประเพณีออกพรรษา

สุรินทร์- ชาวบ้านเมืองช้างแห่ทำพิธีกวนข้าวทิพย์โบราณ สืบสานประเพณีออกพรรษา โดยใช้เด็กพรหมจรรย์ทั้งหญิง และชายกว่า 500 คน กวนข้าวทิพย์ธัญพืช 108 ชนิด

วันนี้ (25 ต.ค.) ที่วัดโคกอินทราราม ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พระสวัสดิ์ วิจิตโต เจ้าอาวาสวัดโคกอินทราราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ประกอบพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ โดยมี นายวรชัย ศรีสุวรรณวัฒนา ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสรินทร์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นายมานพ แสงดำ นายกองค์การบริหารส่วนตำบสลักได พร้อมด้วยชาวบ้านในพื้นที่ตำบลสลักไดทั้ง 16 หมู่บ้าน และพุทธศาสนิกชนชาว จ.สุรินทร์ และเด็กพรหมจรรย์ทั้งหญิง และชายกว่า 500 คน ร่วมในพิธีกวนข้าวทิพย์ ตามประเพณีที่มีมาแต่โบราณ

โดยหลังจากพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์เสร็จแล้ว เด็กพรหมจรรย์ทั้งชาย และหญิง รวมทั้งพุทธศาสนิกชนต่างพากันถือไม้พาย และพลั่ว ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใช้กวนข้าวทิพย์ เดินวนรอบเตากวนข้าวทิพย์รวม 3 รอบ ท่ามกลางชาวบ้านทั้งผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุต่างพากันออกมาเต้นรำประกอบเพลงกันตรึมพื้นบ้านรอบเตาดังกล่าวอย่างสนุกสนาน ก่อนเทธัญพืชทั้ง 108 ชนิดหลักๆ เช่น ถั่วลิสง งา นม น้ำตาล น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เนย และน้ำนมที่คั้นจากรวงข้าว ลงในกระทะขนาดใหญ่ที่ตั้งไฟบนเตา เพื่อให้เด็กพรหมจรรย์ทำพิธีกวนข้าวทิพย์เป็นลำดับแรก ก่อนมอบให้พุทธศาสนิกชนร่วมสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันกวนข้าวทิพย์

สำหรับประเพณีกวนข้าวทิพย์ เป็นพิธีที่กระทำกันในเดือน 10 มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และได้รับการฟื้นฟูครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมา ได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา

เรื่องราวทางพุทธประวัติ ประเพณีกวนข้าวทิพย์เป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ก่อนที่สัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้ โดยนางสุชาดา ธิดาของเศรษฐีหมู่บ้านเสนานิคม ได้นำอาหารซึ่งกวนด้วยข้าวมธุปายาส ไปบวงสรวงเทพยดาที่ใต้ต้นนิโครธ จึงได้ข้าวมธุปายาสไปถวาย เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสวยเสร็จแล้วได้ทรงนำถาดทองที่ใส่ข้าวมธุปายาสนั้นไปลอยน้ำ และทรงอธิษฐานว่า ถ้าหากพระองค์จะได้ตรัสรู้ขอให้ถาดทองนั้นลอยทวนน้ำขึ้นไป ซึ่งปรากฏว่า ถาดทองลอยทวนขึ้นเหนือน้ำดังคำอธิษฐาน

นายเสรี อุปถัมส์ พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในนามพุทธศาสนิกชนชาว จ.สุรินทร์การกวนข้าวทิพย์แบบโบราณเป็นการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล วันออกพรรษา หรือวันตักบาตรเทโวโรหณะ ซึ่งเป็นการกวนข้าวทิพย์จริงๆ หรือเรียกว่า ข้าวมธุปายาส ซึ่งจะมีธัญพืชตามคติโบราณ จำนวน 108 อย่าง โดยที่วัดแห่งนี้เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลสลักได คณะสงฆ์ตำบลสลักได ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สภาวัฒนธรรมตำบลสลักได เป็นการจัดกวนข้าวทิพย์แบบโบราณโดยคุณพ่อเมือง พราหม์อาวุโสของจ.สุรินทร์ ที่ชาวบ้านให้การยอมรับนับถือมาทำพิธีบรวงสรวงอัญเชิญเทพเทวามาเป็นสักขีพยาน มาอำนวยอวยพรให้แก่พี่น้องประชาชนที่มาร่วมพิธีกวนข้าวทิพย์ เพื่อให้เกิดสิริมงคลในครั้งนี้ด้วย

นายมานพ แสงดำ นายกองค์การบริหารส่วนตำบสลักได กล่าวว่า ตามที่สภาวัฒนธรรมตำบลสลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้มีมติร่วมกับผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะสงฆ์ ให้วัดโคกอินทราราม เป็นเจ้าภาพในการจัดงานกวนข้าวทิพย์ ซึ่งทางวัดโคกอินทรรามมีการจัดพิธีกวนข้าวทิพย์แบบโบราณเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มาเรียนรู้ และร่วมอนุรักษ์ประเพณีที่ดีงามไว้